รีวิวหนัง PREY

ชื่อเรื่องPREY
เรตติ้ง7.5
นักแสดงAmber Midthunder,Dakota Beavers
จำนวนตอน1.39 ชั่วโมง

รีวิวหนัง PREY

รีวิวหนัง PREY เป็นภาพยนตร์ที่จะพาเราย้อนกลับไปในอดีตเมื่อ 300 ปีที่แล้ว มีชนเผ่าพื้นเมืองกลุ่มหนึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่ของประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน หนึ่งในสมาชิกของชนเผ่าพื้นเมืองดังกล่าวคือเด็กสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่านารู เธอเป็นเด็กสาวธรรมดาทั่วไปที่ได้เรียนรู้ชีวิตการเอาตัวรอดท่ามกลางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้หรือแม้แต่การล่าสัตว์เพื่อประทังชีวิต 

ในวันหนึ่งเธอได้พบเข้ากับเหตุการตลาดเพื่อเธอสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนแฝงตัวอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่ชนเผ่าตั้งรกรากอยู่ ตอนนั้นเธอกำลังออกตามล่าหาหมีตัวใหญ่แต่กลับกลายเป็นว่าเธอต้องพยายามเอาชีวิตรอดและต่อสู้กับผู้ผู้มาเยือนสุดแปลกประหลาดเพื่อปกป้องชีวิตของตัวเองและชนเผ่าให้สำเร็จ 

หนัง disney plus น่าดู

แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือผู้มาเยือนหน้าตาแปลกประหลาดนั้นความจริงแล้วไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตบนโลกมนุษย์ ทว่ามันมาจากอวกาศแถมยังเป็นนักล่าสุดเหี้ยมโหดที่เรารู้จักกันในชื่อ PREDATOR อีกด้วย แม้ว่าจะมีทักษะความสามารถในการต่อสู้หรือการล่าสัตว์มากแค่ไหน การเอาชีวิตรอดจากพรานที่เต็มไปด้วยความสามารถและไร้ปรานีที่สุดในอวกาศนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วเธอจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์นี้ได้สำเร็จหรือไม่ ต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์ ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง PREY

กลับมาอีกครั้งของตำนาน PREDATOR ที่นำเอามนุษย์อวกาศมาปะทะกับชนเผ่าพื้นเมือง หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ไซไฟอวกาศน่าจะคุ้นหูคุ้นตากันดีกับชื่อ PREDATOR มันคือมนุษย์ต่างดาวที่ได้รับการเรียกขานว่าเป็นพรานบนอวกาศเนื่องจากมีความสามารถในการไล่ล่าเหยื่อเพื่อเป็นอาหารอย่างโหดร้าย พวกเขาไม่ได้มีภาพลักษณ์เป็นมนุษย์อวกาศที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีเหลือล้นแต่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ชื่นชอบการล่าอย่างเป็นชีวิตจิตใจและยังชื่นชอบการทรมานเหยื่ออีกด้วย ครั้งหนึ่งเคยมีภาพยนตร์ที่นำเอา PREDATOR มาต่อสู้กับ XENOMORPH เอเลี่ยนที่โตเต็มวัยจากภาพยนตร์เรื่องเอเลี่ยนอีกด้วย 

มันคงจะสนุกดีไม่น้อยหากนำเอาผู้ที่มีความสามารถในการล่ามาลงสนามประลองความสามารถกัน มันจึงกลายมาเป็นไอเดียของภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็คือ PREY ภาพยนตร์ที่จะทำให้พรีเดเตอร์หวนกลับมาเป็นตำนานอีกครั้งหลังจากห่างหายไปจากวงการภาพยนตร์ยาวนานหลายปี แถมคู่ต่อสู้ของสัตว์ประหลาดอวกาศในครั้งนี้ยังเป็นชนเผ่าพื้นเมืองอีกด้วย มันจึงเป็นการผสมผสานการที่แปลกใหม่แต่ทว่าลงตัวไม่น้อยเลยทีเดียว

ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้กำกับจากภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง 10 โคลเวอร์ฟิลด์เลน แดน แทคเทินเบิร์กด้วย นอกจากนี้เขายังนั่งแท่นร่วมกับนักเขียนบทเพื่อสร้างสรรค์บทภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ออกมาเต็มไปด้วยความสนุกสนานและน่าตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม การหยิบยกนำเอาตำนานทั้งสองมารวมกันที่แตกต่างแต่กลับสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเน้นความสยองขวัญระทึกขวัญมากกว่าการต่อสู้แบบเอาจริงเอาจัง มันจึงเป็นความน่ากลัวผสมกับความดราม่าที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศแปลกใหม่ให้กับภาพยนตร์ในตระกูล PREDATOR มันจะมีความสนุกสนานและน่าสนใจอย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกัน เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง PREY

แต่สำหรับในมุมมองของผู้รับชมภาพยนตร์ทั่วไปแล้วมันอาจจะเป็นภาพยนตร์ที่รับชมยากซะหน่อย เพราะจั่วหัวมาว่าเป็นภาพยนตร์แนวต่อสู้แต่ในความเป็นจริงแล้วจุดไฟติดช้ามาก ดำเนินเรื่องช้า กว่าจะถึงจุดสำคัญของภาพยนตร์ก็ทำเอาผู้รับชมธรรมดาทั่วไปอย่างเรารู้สึกเบื่อได้ไม่ยาก เป็นการเล่าเรื่องแบบภาพยนตร์แนว SLOW BURN ที่อาจจะไม่ได้ถูกใจทุกคนที่รับชมแต่อย่างใด กว่าจะจุดเครื่องติดก็ปาเข้าไปเกือบครึ่งเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงอย่างนั้นในช่วงหลังก็จัดเต็มเช่นเดียวกันแบบไม่มีจังหวะให้ได้พักหายใจ ดังนั้นหากคุณสามารถอดทนข้ามช่วงแรกของภาพยนตร์ไปได้รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสกับความสนุกอย่างถึงขีดสุดในช่วงหลังอย่างแน่นอน 

PREY เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ PREDATOR ได้กลับมาฟื้นคืนชีพในภาพยนตร์ยุคปัจจุบันอีกครั้งหลังจากที่มันประสบความสำเร็จอย่างงดงามถึงขั้นที่เคยประมือกับเพื่อนร่วมอวกาศอย่าง XENOMORPH มาก่อน ในครั้งนี้คู่ต่อสู้ของมันแตกต่างจากที่เคยผ่านมาเพราะไม่ใช่เอเลี่ยนด้วยกัน ไม่ใช่คนที่มีความสามารถเป็นพิเศษ และยังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอวกาศอีกด้วย เพราะพวกเขาเหล่านั้นเป็นเพียงแค่ชนพื้นเมืองที่อาศัยการล่าสัตว์เพื่อประทังชีวิตเพียงเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามคนกลุ่มนี้มีทักษะการล่าและการต่อสู้ที่ไม่แพ้ใครเช่นเดียวกัน มันจึงเป็นการผสมผสานกันที่แตกต่างกันแต่กลับออกมาลงตัวอย่างน่าเหลือเชื่อ

ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะไม่ได้จัดเต็มการต่อสู้ถึงขนาดนั้นแต่จะเน้นการสร้างบรรยากาศความกลัวไปพร้อมกับฉากดราม่ามากกว่า เนื่องจากคู่ต่อสู้ของพรานอวกาศในโลกนี้เป็นเพียงแค่ชนเผ่าที่ไม่ได้มีอาวุธพิเศษอะไร ดังนั้นสิ่งที่ชนเผ่านี้จะต้องใช้ในการต่อสู้ก็คือมันสมองและการหลบหนีมากกว่าการเข้าไปเผชิญหน้า ดังนั้นหากคุณต้องการที่จะรับชมการต่อสู้แบบจัดเต็มก็อาจจะผิดหวังได้ ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่ถูกใจบรรดานักวิจารณ์ เนื่องจากองค์ประกอบโดยรวมของภาพยนตร์ทำออกมาได้ค่อนข้างดีโดยเฉพาะในส่วนของการออกแบบ

ตัวอย่างหนัง PREY

รีวิว หนัง PREY บางส่วนจาก beartai

ภาพยนตร์จากแฟรนไชส์ ‘Predator’ เรื่องล่าสุดที่มาลงสตรีมมิงทาง Disney+ Hotstar โดยอาจกล่าวได้ว่าเป็นมรดกตกทอดจากการควบรวมค่าย 20th Century Fox เข้ามาร่วมชายคา และคงต้องบอกว่าเป็นการเอาเผ่าพันธุ์ยวตจา (Yautja) กลับมาสู่จอได้อย่างเหมาะสมเสียที หลังจากหลงทางและพยายามรีบูตแฟรนไชส์โดยไม่ใช้เลขภาคต่อใน ‘Predators’ (2010) และ ‘The Predator’ (2018) ที่กลายเป็นหนังที่มีแนวทางเฉพาะ คือถ้าใครไม่เข้าใจสไตล์จนชอบก็คงเกลียดกันไปเลย

มารอบนี้ได้ผู้กำกับ แดน ทราชเตนเบิร์ก (Dan Trachtenberg) ที่มีผลงานประทับใจคนดูอย่าง ’10 Cloverfield Lane’ (2016) มา ก่อนจะห่างหายไปหลายปี มีโผล่ไปชิมลางกับซีรีส์ ‘Black Mirror’ ตอน Playtest (2016) กับ ‘The Boys’ ตอน The Name of the Game (2019) อยู่บ้าง มารอบนี้ก็ถือว่าใช้ฝีมือของเขาในแนวทางธริลเลอร์ได้เข้ากับตัวหนัง ซึ่งเรื่องราวก็เป็นไอเดียของทราชเตนเบิร์กกับ แพตทริก ไอซอน (Patrick Aison) ที่มีผลงานเขียนบทในซีรีส์เดินเรื่องชวนสงสัยปนลุ้นระทึกใน ‘Wayward Pines’ (2015) และแนวธริลเลอร์เข้มข้นอย่าง ‘Jack Ryan’ (2018)

ถ้ามองอย่างผิวเผินเรื่องราวใน ‘Prey’ นั้นเรียบง่ายแต่แจ่มชัดอย่างยิ่ง มันคือการหวนคืนสู่นิยามตั้งต้นของคำว่า ผู้ล่าและเหยื่อในห่วงโซ่อาหารที่มีลำดับชั้น แต่มีนัยถึงเรื่องศักดิ์ศรีการยอมรับของนักรบอยู่ในตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่กินใจผู้ชมที่ชื่นชอบหนังแอ็กชันหรือแนวนักสู้ได้ง่าย ในหนังแนวนี้ยิ่งมีความห่างชั้นระหว่างผู้ล่าและเหยื่อมากเท่าใด คนดูก็ยิ่งจะลุ้นเอาใจช่วย และจะยิ่งปลาบปลื้มได้มากขึ้นเมื่อฝั่งมวยรองพลิกเอาชนะหรือเอาชีวิตรอดมาได้

มันจึงนำมาสู่วิธีคิดที่ว่าให้นักล่าต่างดาวที่โหดเหี้ยม พละกำลังมหาศาล มีสติปัญญาสูงส่ง แถมมีอาวุธล้ำสมัยทั้งระยะประชิดและระยะไกล รวมถึงหายตัวได้อีก ต้องมาสู้กับเหยื่อที่อารยธรรมต้อยต่ำกว่า มีเครื่องไม้เครื่องมือเอาชีวิตรอดในธรรมชาติไปวัน ๆ ยังดูยากลำบากอย่างชนเผ่าพื้นเมืองโคแมนชี (Comanche) ของอเมริกาที่มีวัฒนธรรมของการล่าอยู่ด้วยนี่เอง

ตัวหนังให้เรามองผ่านสายตาของ นารู น้องสาวของว่าที่นักรบหนุ่มของเผ่า แม้เธอจะมีความเฉลียวฉลาดช่างสังเกตแต่ก็ยังถูกดูแคลนในความเป็นเพศหญิงที่พละกำลังในการล่าต่ำกว่าผู้ชาย เธอจึงฝึกฝนและแสวงหาการยอมรับผ่านพิธีล่าสัตว์ดุร้ายอย่างสิงโต และแน่นอนว่าบัดนี้ในป่าไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์ร้ายอย่าง งูพิษ หมาป่า สิงโต หรือหมีเท่านั้น เพราะมีนักฆ่าต่างดาวออกมาเดินหาคู่ต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรีอยู่ด้วย และในเวลาใกล้เคียงกันพวกคนยุโรปที่อพยพก็เริ่มรุกรานใช้ปืนฆ่าชนเผ่าพื้นเมืองด้วยเช่นกัน

และต้องชื่นชมด้วยว่า นักแสดงสาวอย่าง แอมเบอร์ มิดธันเดอร์ (Amber Midthunder) ที่มารับบท นารู นั้นมีเสน่ห์ทั้งด้านรูปลักษณ์และการแสดงที่สามารถตรึงสายตาไปกับเธอตลอดเรื่องได้จริง ๆ ไม่ว่าจะตอนสวย ๆ หรือผ่านนาทีชีวิตจนโทรมไปทั้งตัว แม้ตอนดูตัวอย่างยังหวั่น ๆ ว่าเธอไม่ค่อยดึงดูดสายตานักแต่ของจริงเธอฉายออร่าได้แรงไม่เบาทีเดียว

beartai

รีวิวหนัง/ซีรีส์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *