ชื่อเรื่อง | Below Zero Netflix |
เรตติ้ง | 6.2 |
นักแสดง | Javier Gutiérrez, Karra Elejalde, Luis Callejo |
จำนวนตอน | 1.46 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง 6 Underground 6 ลับ ดับ โหด
รีวิวหนัง 6 Underground 6 ลับ ดับ โหด ภาพยนตร์ที่นำเอาเศรษฐีทั้ง 6 คนมาเป็นฮีโร่ หลังจาก Marvel ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับการนำเสนอเรื่องราวของมหาเศรษฐีอย่างโทนี่ สตาร์คที่ลุกขึ้นมาประดิษฐ์หุ่นยนต์และกลายเป็นฮีโร่อย่างไอรอนแมน ฮีโร่ที่ได้รับความนิยมและมีผู้คนชื่นชอบแทบจะมากที่สุดในจักรวาล Marvel ในครั้งนี้ได้มีการนำเอามหาเศรษฐีทั้ง 6 คนมารวมตัวกันและเป็นฮีโร่ใต้ดินที่แทบจะไม่ต่างอะไรกับไอรอนแมนไม่ได้สวมชุดเกราะเท่านั้น นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง 6 Underground
ภาพยนตร์ที่ออกฉายบน netflix หลังจากที่เปิดตัวออกมามันก็ถูกแซวทันทีว่าเป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของไอรอนแมน 6 คนที่มีความฮาเหมือนกับภาพยนตร์เรื่อง Deadpool และด้วยความที่ผู้กำกับคือไมเคิล เบย์ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยฉากระเบิดภูเขาเผากระท่อม ถึงในยุคหลังรูปแบบการกำกับภาพยนตร์ของไมเคิลจะไม่ค่อยถูกโฉลกกับผู้รับชมในปัจจุบันนัก ชื่อเสียงของเขาก็ยังคงใช้หากินได้ netflix จึงยังคงมอบเงินลงทุนในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กับเขาถึง 150 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ
แม้ว่าจะโชคไม่ค่อยดีที่ปล่อยตัวออกมาใกล้กับภาพยนตร์เรื่อง Army of the dead ซึ่งเป็นผลงานกำกับของแซ็ค สไนเดอร์ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ได้แย่ถึงขั้นที่พ่ายแพ้ย่อยยับ สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์ฮีโร่สไตล์ Marvel ก็น่าจะชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน เนื่องจากคนเขียนบทนั้นเป็นมือเขียนบทของภาพยนตร์เรื่อง Deadpool แถมนักแสดงนำยังเป็นไรอัน เรย์โนลส์อีกด้วย ดังนั้นรับรองว่ามันจะเต็มไปด้วยความฮาอย่างแน่นอน ประกอบกับความยิ่งใหญ่ในการระเบิดภูเขาเผากระท่อมจะยิ่งส่งให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความเมามันส์มากยิ่งขึ้น
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง 6 Underground
6 Underground เป็นการเล่าถึงเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่งที่ได้มารวมตัวกันเพราะไม่สามารถอดทนต่อความไม่ยุติธรรมของโลกใบนี้ได้ กฎหมายไม่สามารถลงโทษคนชั่วที่แท้จริง ทำให้ผู้กระทำความผิดไม่ได้รับโทษอย่างสาสม ด้วยเหตุนี้เศรษฐีหนุ่มคนหนึ่งจึงได้สร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อแกล้งให้ผู้คนเข้าใจว่าตนเองนั้นได้ตายไปแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ได้รวมตัวกับพรรคพวกทั้ง 5 คนตั้งเป็นกลุ่มใต้ดินที่จะคอยผดุงความยุติธรรมในสังคมให้เป็นไปตามที่สมควร
พรรคพวกทั้ง 5 คนนั้นต้องสร้างสถานการณ์ให้ตนเองเข้าใจว่าเสียชีวิตแล้วเช่นเดียวกัน แต่ด้วยอุดมการณ์ที่แรงกล้าในการผดุงความยุติธรรมในที่สุดพวกเขาทั้ง 6 คนก็ได้ตายไปจากโลกใบนี้ในนาม แต่ได้แฝงตัวไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อทำภารกิจในฐานะของฮีโร่ใต้ดิน พวกเขาไม่มีชื่ออีกต่อไปแต่ใช้วิธีการเรียกแต่ละคนด้วยหมายเลขประกอบไปด้วย 1 เป็นมหาเศรษฐี 2 เป็นสายลับ 3 เป็นมือปืน 4 เป็นหัวขโมยที่มีความสามารถในการฟรีรันนิ่ง 5 เป็นคุณหมอ 6 เป็นนักขับรถ และ 7 เป็นคนแม่นปืน แม้ว่าจะมี 7 หมายเลขแต่ความจริงแล้วพวกเขาเหลือกันเพียงแค่ 6 คนเท่านั้นเพราะในระหว่างการทำภารกิจพวกเขาต้องเสียหนึ่งในสมาชิกไป
ในครั้งนี้พวกเขาได้เดินทางมายังหมู่บ้านที่ห่างไกลแห่งหนึ่งเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านจากการถูกผู้มีอำนาจเข้าคุกคาม แต่แล้วภารกิจของพวกเขาก็เลยเถิดไปมากกว่าการช่วยเหลือชาวบ้านแต่กลับเป็นการปลดปล่อยประเทศแห่งหนึ่งจากการปกครองอย่างไม่เป็นธรรมภายใต้นายพลเผด็จการที่มีความชาญฉลาด เต็มไปด้วยไหวพริบ มีชั้นเชิง โหดเหี้ยม และไม่ไว้ใจใครง่ายๆ พร้อมกับอุดมการณ์ที่ทำให้เขานั้นกลายเป็นคนชั่วแบบเต็มพิกัด
ทั้ง 6 คนเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่มีความสามารถแตกต่างกันออกไป การจะปลดปล่อยประเทศนั้นจึงไม่ใช่ภารกิจที่สามารถทำได้ง่ายๆ พวกเขาต้องพบเจอกับอุปสรรคและอันตรายมากมายเพื่อที่จะทำให้อุดมการณ์ของพวกเขาสำเร็จลงได้ สุดท้ายแล้วเรื่องราวของพวกเขานั้นจะลงเอยอย่างไร สามารถติดตามรับชมต่อได้ในภาพยนตร์
6 Underground ในมือของไมเคิล เบย์ดีหรือไม่
6 Underground เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ใช้ทุนสร้างมหาศาลไม่ต่างจากภาพยนตร์ที่มีการฉายแบบ official ในโรงภาพยนตร์แม้แต่น้อย แต่ด้วยความที่ผู้กำกับคือไมเคิล เบย์ที่ผู้รับชมในยุคใหม่ไม่ค่อยชอบสไตล์การกำกับที่เต็มไปด้วยความร่วมมือระหว่างและการระเบิดภูเขาเผากระท่อม ทำให้มีการตั้งคำถามว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เมื่ออยู่ในมือของผู้กำกับอย่างไมเคิลแล้วจะดีหรือไม่
ก็ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย อย่างแรกเลยคือลายเซ็นของไมเคิลที่ใส่ลงมาในภาพยนตร์จนทำให้มันเต็มไปด้วยความเชย แถมฝีมือในการระเบิดภูเขาเผากระท่อมนั้นยังตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด มีการยัดเยียดฉากการต่อสู้เข้ามาแบบงงๆ ตัดฉากรวดเร็วไปมาจนทำให้ผู้รับชมเวียนหัวได้ แม้ว่าจะได้พระเอกยอดนิยมมาแสดงฝีมือเป็นตัวละครหลัก แต่ตัวละครลูกทีมนั้นต่างก็เป็นนักแสดงเบอร้องนั้น บทบาทของตัวร้ายกลวงจนแทบจะเป็นผู้ร้ายสูตรสำเร็จไปแล้ว พยายามนำเสนอมิตรภาพที่เต็มไปด้วยความซึ้งแต่มันมากเกินไปจนผู้รับชมไม่อินไปด้วย มีปมมากมายที่ไม่ได้รับการเคลียร์ให้ชัดเจน
แต่ข้อดีก็คือภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายบน netflix ดังนั้นมันจึงสามารถถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความดิบเถื่อนได้อย่างอิสระ ฉากชวนแหวะจะโผล่มาให้เราได้รับชมตลอดทั้งเรื่อง ด้วยความที่ได้ผู้เขียนบทฝีมือดีทำให้บทของภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยความกวนประสาทและความตลก สามารถรับชมได้แบบเพลินๆ แม้ว่าอุปกรณ์ไฮเทคภายในเรื่องจะเวอร์วังแต่มันก็ดูเข้าท่าไม่น้อยสำหรับการใช้จริง และสุดท้ายคืองานฉากสวยมากเนื่องจากโลเคชั่นที่ถ่ายทำนั้นไปในหลากหลายประเทศทั้งในเอเชีย อเมริกา และยุโรป
ตัวอย่างหนัง 6 Underground 6 ลับ ดับ โหด
รีวิว หนัง 6 Underground 6 ลับ ดับ โหด จาก beartai
หนังเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้เป็นที่จับตามองตั้งแต่ชื่อทีมสร้างถูกประกาศ โดยไม่ต้องสนใจพลอตมากมายนัก ไล่ไปตั้งแต่นักแสดงนำใหญ่หนึ่งเดียวของหนังอย่าง มิสเตอร์เดดพูล ไรอัน เรย์โนลด์ ที่มาร่วมงานกับผู้กำกับมากผลงานอลังการผลาญทรัพยากรบู๊อย่าง ไมเคิล เบย์ ในโพรเจกต์ที่เน็ตฟลิกซ์ควักกระเป๋าให้ทุนสูงถึง 150 ล้านเหรียญ เพื่อเนรมิตหนังบล็อกบัสเตอร์แบบที่การันตีอันดับต้น ๆ ในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศได้สบาย (ถ้าฉายโรง) แล้วเอามาให้ลงบริการสตรีมมิ่ง เพื่อแสดงศักยภาพว่าเน็ตฟลิกซ์เป็นมากกว่าบริการดูหนังออนไลน์ แต่มันคือค่ายหนังใหญ่ที่มีพลังพอ ๆ กับค่ายหนังโรงยักษ์ใหญ่ทั้งหลายด้วย
จริง ๆ ก็เป็นคำถามตั้งแต่แรก ๆ ล่ะ ไมเคิล เบย์ อาจเป็นผู้กำกับที่ฉกาจในการตีหนังเป็นภาพมีสไตล์ รังสรรค์ฉากบู๊ที่สวยติดตา และสดใหม่จนติดใจคอบู๊มานักต่อนัก แต่จุดพร่องของเขาก็คือการวางเนื้อเรื่องหลวมโพรก บางครั้งก็ไม่สนตรรกะอะไรอีกเลย จนคนดูมักได้ล้อได้แซวอยู่เสมอ แต่งานนี้เขาได้ยาขจัดความกาวของหนังตัวเองได้ดี นั่นคือกาวชั้นดีมียี่ห้อเกรดสูงอย่าง เรตต์ รีส และ พอล เวอร์นิก มือเขียนบทสุดฮาบันเทิงจากหนัง Deadpool และ Zombieland ทั้ง 2 ภาค ที่ติดสอยห้อยตามไรอัน เรย์โนลด์ มาเขียนโครงสร้างหนังได้อย่างมีระเบียบ มีชั้นเชิงการเล่าที่น่าสนใจ ด้วยการเปิดกลุ่มตัวละครแบบไม่ลำดับเวลา ตัดสลับภารกิจปัจจุบันที่อิตาลีในการชิงดวงตาของทนายความจอมฉ้อฉลของจอมเผด็จการเพื่อเอามาสแกนเปิดโทรศัพท์ที่เชื่อมกับฐานข้อมูลความลับทั้งหลาย กับอดีตและที่มาที่ไปรวมถึงความเชี่ยวชาญของสมาชิกกลุ่มแต่ละคน ที่แทนตัวด้วยหมายเลข ทำให้เราเห็นโครงร่างว่านี่ไม่ใช่หนังทีมรวมยอดคนธรรมดา แต่มันมีความน่าสนใจในตัวเองแต่ละคนมากกว่านั้น
หนังยังมีจุดเสียอีกนิดหน่อยคือการถ่ายฉากแอ็กชันระยะประชิด ผสมการตัดต่อฉับไว หลายฉากมีความมึนหัวสับสนเล่นงานดวงตาอยู่เหมือนกัน ที่เป็นหนัก ๆ เลยคือฉากรถซิ่งไล่ล่ากลางอิตาลีบางช่วง แต่โดยรวมก็ไม่เป็นปัญหา วิสัยทัศน์งานภาพของไมเคิล เบย์ เขาเอาอยู่ทุกองศาอยู่แล้ว ไว้ใจได้เรื่องภาพเสียง
สรุป นี่เป็นหนังเน็ตฟลิกซ์ที่มันสุด ฮาป่วง โหดเอี้ย ๆ และมีคุณสมบัติสำหรับการเป็นอันดับหนึ่งตารางหนังทำเงินแบบฉายโรงสบาย ๆ ด้วยฝีมือของแต่ละวงการทั้งนักแสดง ผู้กำกับ มือเขียนบท ทีมสร้าง อยากจะบอกว่าเสียดายแค่ว่ามันไม่ได้ดูในโรงแค่นั้นล่ะ นอกนั้นโคตรดี คุ้มค่าเน็กฟลิกซ์เว่อ ๆ
beartai