ชื่อเรื่อง Below Zero Netflix
เรตติ้ง6.2
นักแสดง Javier GutiérrezKarra ElejaldeLuis Callejo
จำนวนตอน 1.46 ชั่วโมง

รีวิวหนัง The White Tiger Netflix

รีวิวหนัง The White Tiger Netflix ภาพยนตร์ที่นำเอาชนชั้นวรรณะของอินเดียมาตีแผ่ แม้ในหลายประเทศจะยกเลิกระบบชนชั้นวรรณะไปแล้วแต่ยังคงมีอยู่หนึ่งประเทศที่ยังยึดถือเรื่องระบบของชนชั้นวรรณะอยู่นั่นก็คือประเทศอินเดีย แต่ละวรรณะจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนทั้งสถานะทางสังคม สถานะทางรายได้ พวกเขาจะถูกปฏิบัติแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ว่าอยู่ในชนชั้นไหน 

วรรณะที่สูงที่สุดในอินเดียคือพราหมณ์ ต่อมาเป็นวรรณะกษัตริย์ วรรณะแพศย์ ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มีความมั่นคงและรายได้สูง สุดท้ายคือศูทร คือกลุ่มคนที่เป็นลูกจ้างใช้แรงงาน ช่างฝีมือ รายได้ค่อนข้างต่ำ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีคนนอกวรรณะอย่างจัณฑาลเป็นคนที่เกิดมาจากพ่อแม่คนละวรรณะ การเป็นชนชั้นต่ำที่สุดจะถูกกีดกันจากสังคมในทุกๆ ทาง 

The White Tiger เป็นภาพยนตร์จากประเทศอินเดียที่ได้นำเอาเรื่องชนชั้นวรรณะมาตีแผ่ให้โลกได้รับทราบมากยิ่งขึ้น ดัดแปลงมาจากบทนวนิยายยอดนิยมแนวตลกร้ายที่เหมือนจะขำแต่ก็หัวเราะไม่ออก นำเสนอและจิกกัดด้านมืดเกี่ยวกับระบบชนชั้นภายในอินเดียได้อย่างไม่เกรงใจใคร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันเป็นภาพยนตร์บน netflix ที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

ในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะไม่ได้เห็นอะไรเดิมๆ แบบที่หนังอินเดียชอบทำอย่างเช่นฉากเวอร์วังอลังการหรือการร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนาน ตลอดเวลา 2 ชั่วโมง 5 นาทีที่ภาพยนตร์ดำเนินเรื่องราวนั้นจะทำให้เราได้รับกลิ่นอายแบบเดียวกับภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง Parasite แต่เป็นบริบทในอินเดียแทน หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบวัฒนธรรมอินเดีย อยากจะเรียนรู้เกี่ยวกับระบบชนชั้นผ่านมุมมองของคนอินเดียเอง ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้คุณได้มีสิ่งที่ต้องการพร้อมกับความสนุกสนานตลอดการรับชม

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง The White Tiger 

The White Tiger เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีชื่อว่าพลราม แม้ว่าจะมีฐานะยากจนแต่เขาก็ได้รับโอกาสในการศึกษาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก การศึกษาทำให้ผู้คนได้ค้นพบว่าเขานั้นเป็นคนที่ทั้งหัวไวและฉลาด ครูต่างก็ชื่นชมว่าเขานั้นเป็นเด็กที่มีความเก่งกาจเปรียบเสมือนกับเสือขาวที่นานๆ ทีจะมีให้เห็นสักตัว ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับการสั่งสอนจากครูและผู้เป็นพ่อ คนที่เป็นทั้งเพื่อน พ่อ และครูให้กับเขา

แต่ด้วยความที่พ่อของเขานั้นป่วยเป็นโรควัณโรคทำให้ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลที่ห่างไกลจากตัวเมืองที่ใช้เวลาถึง 2 วัน ทำให้ครั้งล่าสุดที่อาการของพ่อเขาทรุด แม้ว่าจะไปถึงโรงพยาบาลได้ทันเวลาแต่โรงพยาบาลกลับไม่มีหมอ สุดท้ายพ่อของเขาก็เสียชีวิตลงไป

ไม่ว่าจะเป็นคนเก่งมากแค่ไหนก็ตามแต่เพราะไม่มีเงินทำให้เขานั้นต้องออกจากโรงเรียนมานั่งขายถ่านเพื่อหาเงินเลี้ยงดูตัวเองแทน ในวันหนึ่งมีนายทุนเศรษฐีเข้ามาในหมู่บ้านเพื่อเก็บหนี้กับทุกคน ทำให้พลรามได้พบกับลูกชายของนายทุนที่มีชื่อว่าอโศก เป็นคนที่มีสง่าราศีดีกรีนักเรียนนอก เด็กหนุ่มจึงพยายามหาทางที่จะไปเป็นคนขับรถให้กับอโศกให้สำเร็จ เพื่อที่ครอบครัวที่เหลือของเขานั้นจะได้เป็นคนที่ร่ำรวยมากที่สุดในชุมชน 

เขาพยายามถีบตัวเองจนเรียนขับรถได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็เข้าไปสมัครงานและได้เป็นคนขับรถให้กับอโศกในที่สุด แต่มันก็ยังไม่จบแค่ตรงนั้นเพราะอโศกนั้นมีคนขับรถประจำอยู่แล้วทำให้เขาเป็นแค่ตัวสำรอง เขาจึงต้องหาวิธีที่จะทำให้ตนเองได้ก้าวขึ้นไปเป็นคนขับรถประจำให้สำเร็จ เขาจึงใช้ประเด็นทางศาสนาของคนขับรถประจำที่นับถือศาสนาอื่นที่ไม่ใช่ศาสนาฮินดูจนทำให้ตนเองนั้นได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นคนขับรถประจำ

ถึงเขาจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการเรียบร้อยแล้วแต่หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องราวมากมายตามมาที่เป็นโอกาสให้เขานั้นได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นเสือขาวของหมู่บ้าน และอุปสรรคมากมายที่อาจจะทำให้เขาต้องติดคุก สุดท้ายแล้วเรื่องราวของชายหนุ่มผู้นี้จะจบลงอย่างไร ต้องไปติดตามรับชมต่อในภาพยนตร์ 

The White Tiger ภาพยนตร์ที่จิกกัดชนชั้นวรรณะได้มากกว่าในประเทศอินเดีย

แม้ว่าอินเดียนั้นจะเป็นประเทศที่มีชนชั้นวรรณะอย่างชัดเจนและมีการปฏิบัติต่อกันด้วยความเข้มข้นจนเราสามารถเห็นความแตกต่างได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าในประเทศแถบเอเชียนั้นยังมีหลายประเทศที่วัฒนธรรมชนชั้นยังคงฝังรากลึกมาจนถึงปัจจุบันไม่เว้นแต่ในประเทศไทย 

The White Tiger จึงเป็นภาพยนตร์ที่สามารถจิกกัดเกี่ยวกับระบบชนชั้นวรรณะได้อย่างเจ็บแสบมากกว่าแค่ระบบในประเทศอินเดีย แต่ยังรวมไปถึงประเทศอื่นที่ยังมีการใช้ระบบชนชั้นอยู่ ภาพยนตร์จะนำพาเราไปสู่ด้านมืดที่ลึกที่สุดในสังคมอินเดียที่คนชนชั้นสูงปฏิบัติกับคนชนชั้นต่ำกว่าอย่างโหดร้าย 

ประกอบกับความที่ประเทศอินเดียนั้นเต็มไปด้วยคนยากจนทำให้ปัญหานั้นยากที่จะได้รับการแก้ไข เพราะไม่ว่าเราจะเอาความทันสมัยไปให้ภูเขาเท่าไหร่มันก็ไม่ช่วยให้เกิดอะไรขึ้นมา ตัวละครอย่างพลรามนั้นรู้ว่าปัญหาที่กำลังพบเจอคืออะไร ครอบครัวขนาดใหญ่กลายเป็นกับดักที่ทำให้หลายคนไม่สามารถไปถึงฝันได้ เพราะในครอบครัวไม่ใช่ทุกคนที่จะมีความสามารถพอที่จะหาเงินมาเลี้ยงดูตัวเอง ดังนั้นคนที่ทำงานหนึ่งคนจึงหาเลี้ยงมากกว่าหนึ่งปากท้อง แค่ทำงานอย่างเดียวก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด คนเหล่านี้จึงไม่มีโอกาสในการพัฒนาและถีบตนเองให้อยู่ในชนชั้นที่ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่างหนัง The White Tiger Netflix

รีวิว หนัง The White Tiger Netflix จาก beartai

เน็ตฟลิกซ์ได้คอนเทนต์เพชรเม็ดงามมาฉายอีกครั้ง กับหนังอินเดียที่ดัดแปลงจากหนังสือขายดีของ อาร์วินด์ อดิกา เรื่อง พยัคฆ์ขาวรำพัน (The White Tiger) โดยได้การกำกับและเขียนบทของ รามิน บาห์รานิ เจ้าของผลงานอย่าง Fahrenheit 451 (2018) ที่เคยเข้าชิงรางวัลเอมมี่ไพรม์ไทม์สาขาหนังทีวียอดเยี่ยมมาแล้ว และนี่ก็เป็นการมาร่วมงานกับเน็ตฟลิกซ์โดยมีโพรดิวเซอร์มือรางวัลอย่าง เอวา ดูเวอร์เนย์ ที่เคยกำกับผลงานชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้วกับ Selma (2014) มาช่วยอำนวยการสร้างให้ด้วย แต่เหนือกว่ารายชื่อทีมงานที่น่าสนใจแล้ว ก็คือ หนังเล่าเรื่องสนุกมาก

การพยายามไต่เต้าเอาชนะโชคชะตาทุกวิถีทางของพลราม (จนบางทีการกระทำเขาก็ดูเทา ๆ) จึงเป็นการต่อสู้กับอุปสรรคของสังคมอินเดีย ทั้งเรื่องวรรณะ ความเชื่อ จารีต และที่สำคัญที่สุดคือความเป็นทาสที่ฝังลึกอยู่ในกมลสันดานของคนจน เช่นเดียวกับที่พลรามเปรียบเปรยว่าหลายครั้งที่คมคาย ทั้งคำพูดที่ว่า อย่าเป็นคนจนในระบบประชาธิปไตย, อินเดียมีแค่ 2 วรรณะคือคนจนกับคนรวย และ คนจนอินเดียเป็นไก่ในกรง ที่ไม่คิดแหกกรงหนี และมีความเป็นทาสที่ยินดีรับใช้นายในทุกโอกาส

พลรามเหมือนระเบิดแสนซื่อที่ยังไร้ดินปืน จนกระทั่งเขาถูกกระทำระยำตำบอนจากคนที่เขาให้ใจที่สุดทั้งเจ้านายหัวฝรั่งผู้เมตตา และครอบครัวที่ผูกพันทางสายเลือด นั่นทำให้เขาพูดว่า ตนเองตรัสรู้ หรือรู้แจ้งเห็นชัดแล้วว่า คนจนจะเปลี่ยนวรรณะเป็นคนรวยได้ก็มีเพียง 2 เส้นทาง ไม่อาชญากรรม ก็การเมือง ซึ่งเราจะได้เป็นประจักษ์พยานการเติมดินปืนใส่หัวพลราม ที่สุดท้ายจะกลายเป็นเจ้าพ่อซิลิกอนวัลเลย์แห่งอินเดีย ตามที่ตัวตนเขาในอนาคตได้บอกผู้ชมมาตั้งแต่ต้นเรื่อง

เอาจริงคือบรรยากาศเนื้อเรื่องและโพรดักชันต่าง ๆ ชวนนึกถึงหนังออสการ์อย่าง Slumdog Millionaire (2008) ของ แดนนี่ บอยล์ อยู่ไม่น้อยเลย และก็พอให้หายลงแดงได้ไม่น้อยเลยทีเดียวด้วย แต่บรรยากาศที่ว่าก็คล้ายสลัมด็อกฯ แค่ครึ่งเรื่องแรก โดยตัดความแฟนซีโรแมนติกออก เหลือเพียงตลกร้ายและการเสียดสีอย่างเมามัน

ก่อนจะกลายเป็นคัมมิงออฟเอจแบบเรียล ๆ ในครึ่งหลัง ที่เราจะเห็นการก่อกำเนิดของเสือขาวที่เหี้ยมโหดพอจะรับมือโลกที่เลวร้ายได้ทัดเทียมกัน ซึ่งแม้ดาราดัง ๆ อย่าง ปริยังกา โจปรา โจนัส ที่ไปโผล่ในหนังฮอลลีวูดหลายเรื่องแล้วจะเล่นในเรื่องนี้ แต่บอกเลยว่าไม่มีใครแจ้งเกิดเกิน อาดาร์ช กอราฟ พระเอกหน้ามนที่น่าจดจำทั้งลูกเซ่อและลูกเจ้าเล่ห์แต่ก็เกลียดไม่ลง นึกไปถึงครั้ง เดฟ พาเทล ที่ทำสำเร็จโกอินเตอร์มาก่อนหน้านี้ด้วยเลย หนังอาจให้ข้อคิดผ่านตัวละครต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจว่าเราเป็นตัวละครไหนในสังคมนี้อยู่หรือไม่ และหนังก็บันดาลความสะใจในบทสรุปได้อยู่ไม่น้อยทีเดียว

beartai

แนะนำ การลงทุน :ทำความรู้จัก UFABETufa369 หรือ ufabet369 ผู้ให้บริการระบบทางการเงิน อันดับ 1 ถ้าสนใจ สมัครบาคาร่า เล่นเกม บาคาร่า99 ที่มีบริการครบครัน sa game 66 ช่วยให้ท่านได้กำไรและปลอดภัย sa66 สร้างรายได้ง่ายๆ กับ ufa777จีคลับ6666 และ จีคลับ88888 สนใจคลิ๊กเลย

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *