ชื่อเรื่องBLACKLIGHT
เรตติ้ง5.0
นักแสดงLiam Neeson,Emmy Raver-Lampman
จำนวนตอน1.44 ชั่วโมง

รีวิวหนัง BLACKLIGHT

รีวิวหนัง BLACKLIGHT ภาพยนตร์แนวต่อสู้ผลงานของเลียม นีสันที่ยังเต็มไปด้วยปัญหา องค์ประกอบที่จะช่วยให้ภาพยนตร์แนวต่อสู้มีความสนุกสนานขึ้นมาได้มักเกิดจากการที่มีฉากต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจและความลุ้นระทึก ดังนั้นภาพยนตร์แนวต่อสู้ส่วนใหญ่เวลาที่เปิดฉากออกมาเราจึงมักจะเห็นฉากการต่อสู้ก่อนหรือไม่ก็จะมีการปูเรื่องซักเล็กน้อยก่อนจะเข้าสู่การต่อสู้อย่างรวดเร็วอย่างเช่นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามอย่างจอห์นวิค แต่ด้วยความที่ภาพยนตร์แนวต่อสู้มักจะตีคู่มากับความดราม่า ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากสำหรับการปูเรื่องน้อยๆ แล้วนำเอาความดราม่าที่มีอยู่เล็กน้อยในช่วงต้นมาขยี้มาในฉากการต่อสู้ให้ผู้รับชมสามารถเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี 

ภาพยนตร์แนวต่อสู้ส่วนใหญ่จึงมักจะประสบปัญหาสตาร์ทช้าจากการที่ภาพยนตร์พยายามปูเรื่องราวดราม่าให้ผู้รับชมเข้าใจถึงอารมณ์และความรู้สึกของตัวละครก่อนที่จะพาเราเข้าสู่ฉากการต่อสู้ซึ่งสำหรับคนที่ชอบภาพยนต์แนวต่อสู้แล้วการปูเรื่องมากไปหรือการสตาร์ทติดช้ามันเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง อย่างเช่นภาพยนตร์ที่เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกันในวันนี้นั่นก็คือ BLACKLIGHT

ภาพยนตร์ที่ค่อนข้างจุดเครื่องติดได้ช้า กว่าเราจะสนุกสนานไปกับการต่อสู้ต้องเผชิญกับเรื่องราวของตัวละครที่เต็มไปด้วยความดราม่า การปูเรื่องราวอย่างละเอียดจนทำให้ผู้รับชมที่ชื่นชอบการดูฉากต่อสู้อาจจะรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ดูภาพรวมของภาพยนตร์แล้วมันก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในมาตรฐานในระดับหนึ่ง มีการใส่รายละเอียดอะไรเข้ามามากมาย มีการปูเรื่องราวเป็นเวลานานเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว 

ดังนั้นสำหรับใครที่ชอบภาพยนต์ที่เต็มไปด้วยฉากการต่อสู้สุดมันส์อลังการตลอดทั้งเรื่องคุณอาจจะไม่รู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกสนานสักเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบรับชมภาพยนตร์ที่ใส่รายละเอียดเข้ามาเยอะ มีการเล่าเรื่องราวมากกว่าฉากการต่อสู้คุณอาจจะชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นได้

รีวิวหนังสนุกๆ

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง BLACKLIGHT

BLACKLIGHT เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของสายลับที่ปกปิดอัตลักษณ์ของตัวเองมาโดยตลอดจนเหมือนกับเขาไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้อย่างทราวิส ในวันหนึ่งเขาได้รับภารกิจบางอย่างจนทำให้เขานั้นได้ไปค้นพบกับความลับที่สุดแสนจะดำมืดขององค์กรใหญ่ระดับโลกอย่าง FBI ความลับดังกล่าวเป็นการปฏิบัติการที่ต้องมีคนบริสุทธิ์ตกเป็นเครื่องเดิมพันจำนวนหลายคน ด้วยเหตุนี้เขาจึงรู้สึกต่อต้านปฏิบัติการดังกล่าวและพยายามต่อสู้ด้วยตัวเองเพื่อความถูกต้องและความยุติธรรม 

แต่มันกลับไม่ง่ายเช่นนั้นเพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นสายลับและปกปิดตัวตนแต่เขาก็เป็นคนที่มีครอบครัว การตัดสินใจขัดขวางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่รัฐและอำนาจมืดมันได้ดึงให้ครอบครัวของเขาเข้ามาเสี่ยงอันตรายไปด้วย นอกจากนี้เขายังมีอดีตเป็นของตัวเองที่คอยค้ำคออยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่เขารักและผู้บริสุทธิ์เอาไว้ให้สำเร็จ พร้อมทั้งพยายามเปิดโปงความชั่วร้ายขององค์กรเพื่อลบล้างมลทินให้กับตัวเอง 

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง BLACKLIGHT

BLACKLIGHT เป็นภาพยนตร์ข้อต่อสู้ที่มีการสอดแทรกประเด็นทางการเมืองและความดราม่าเข้ามาได้อย่างค่อนข้างน่าสนใจ มีการใส่รายละเอียดและประเด็นเข้ามามากมาย แต่ถึงอย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงเต็มไปด้วยปัญหาและการขาดเสน่ห์อย่างน่าเสียดาย 

การที่ใส่เรื่องราวเข้ามามากจนเกินไปทำให้กว่าจะสตาร์ทติดก็กินเวลาไปเกือบชั่วโมงแล้ว สำหรับคนที่ชอบรับชมการต่อสู้จึงอาจจะมองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างน่าเบื่อ จังหวะที่ค่อนข้างช้าทำให้ภาพยนตร์ทั้งเรื่องเกือบถูกทำลายไปจนหมด ที่น่าเสียดายไปมากกว่านั้นคือจังหวะไคลแม็กซ์ของเรื่องยังเป็นสูตรสำเร็จที่ไม่มีอะไรแปลกใหม่น่าสนใจเท่าที่ควร มันจึงกลายเป็นภาพยนตร์ที่ไม่น่าประทับใจสักเท่าไหร่ ไม่สามารถสร้างความน่าจดจำให้กับผู้รับชมได้เท่าที่ควร 

แม้ว่าเลียม นีสันจะเป็นนักแสดงที่สามารถแสดงบทบาทการต่อสู้ได้เป็นอย่างดีแต่ในภาพยนตร์เรื่องนี้เห็นได้ชัดเลยว่าเขามีอายุมากขึ้นแถมยังดูเหนื่อยไม่น้อยสำหรับการเล่นฉากการต่อสู้ แม้แต่นักแสดงตัวพ่อก็ยังไม่สามารถแบกภาพยนตร์เรื่องนี้เอาไว้ได้ เนื่องจากตัวละครของเขาดูเหมือนจะน่าสนใจแต่กลับไม่สามารถนำเสนอออกมาได้อย่างเต็มที่จนทำให้ตัวละครกลายเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่น่าค้นหาแถมยังไม่มีเสน่ห์ให้รู้สึกอยากเอาใจช่วย 

ส่วนประเด็นทางการเมืองที่ใส่เข้ามามีความน่าสนใจเป็นอย่างมากแต่มันกลับไม่สามารถดึงเสน่ห์และการเล่าเรื่องออกมาได้อย่างน่าเสียดาย จังหวะการเล่าที่ราบเรียบจนเกินไปทำให้มีอะไรหลายอย่างที่ดูไม่เป็นชิ้นเป็นอัน โชคดีที่ฉากการต่อสู้ยังทำออกมาได้ค่อนข้างดีจึงทำให้ภาพยนตร์มีความสนุกขึ้นมาได้ 

ดังนั้นสิ่งที่กลายมาเป็นปัญหาของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงกลายเป็นบทและการเล่าเรื่องที่ทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร หากนำเสนอในรูปแบบของภาพยนตร์ดราม่าน่าจะได้กระแสการตอบรับที่ดีกว่านี้เพราะโดยภาพรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใด แถมยังมีนักแสดงชั้นนำมาร่วมแสดงบทบาทอีกมากมายด้วย โดยรวมมันจึงเป็นภาพยนตร์ที่สามารถรับชมได้แต่อาจจะเหมาะสำหรับผู้รับชมบางกลุ่มเท่านั้น เว็บคาสิโนรวมสล็อตทุกค่าย

ตัวอย่างหนัง BLACKLIGHT

รีวิว หนัง BLACKLIGHT บางส่วนจาก beartai

BLACKLIGHT เป็นเรื่องราวของ ทราวิส บล็อก (เลียม นีสัน) เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ ชีวิตทำงานที่ผ่านมาเขาต้องอยู่หลังเงามืด ไร้ตัวตน คอยช่วยเหลือเหล่าบรรดาสายลับที่ทำงานพลาดและกำลังถูกเปิดโปง จนกระทั่งวันหนึ่งเจ้าหน้าที่บล็อกกลับพบความลับบางอย่างที่เกี่ยวกับภารกิจที่มีตัวเขาเป็นตัวแปรสำคัญและกำลังส่งผลต่อชีวิตผู้บริสุทธิ์ ระหว่างที่เขาสับสนต้องเลือกหน้าที่การงานหรือความถูกต้อง บล็อกพบว่าครอบครัวของเขาหายตัวไป และผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลับกลายเป็นหัวหน้าหน่วยงานที่เขาสังกัด

ต้องยอมรับว่าเลียม นีสัน (Liam Neeson) มาไกลจริง ๆ จากดาราที่เล่นแต่หนังชิงรางวัล ผันตัวมาสู่การเป็นแอ็กชันสตาร์วัยเก๋า หลังจากได้ลองลิ้มชิมลางบทนักบู๊วัยดึกจากภาพยนตร์เรื่อง Taken ก็ดูเหมือนว่า เขาจะติดใจจนกู่ไม่กลับ ฟาดงานแอ็กชันติดต่อกันแทบทุกปีจนเราเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะบู๊ไปถึงเมื่อไหร่

และปีนี้นีสันก็พร้อมจะกลับมาวาดลวดลายแอ็กชันกันอีกครั้ง ในบทเอฟบีไอวัยดึกที่ไม่หยุดระห่ำกับ BLACKLIGHT

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง BLACKLIGHT เป็นภาพยนตร์ที่แปะไว้เลยว่า นี่คือหนังขายฝีมือของเลียม นีสัน ซึ่งมันก็จริงอย่างที่ผู้สร้างเขากล่าวมานั่นแหละ เพราะนอกจากนีสันแล้วหนังเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรให้ขายแล้วล่ะ

เริ่มที่ตัวละครเจ้าหน้าที่บล็อก โดยนีสันนำเสนอในบทคุณตาของหลานสาววัยกระเตาะและตำรวจใหญ่วัยไม้ใกล้ฝั่งในคนเดียวกันได้เป็นอย่างดี ตลอดทั้งเรื่องเราจะเห็นถึงความเจ็บปวดจากอดีตที่สร้างปมใหญ่ให้ตัวละครของเขาดูเป็นคนอมทุกข์ตลอดเวลา ทั้งสีหน้า แววตา ฉากแอ็กชัน นีสันก็เอาบทนี้ได้อยู่หมัด ซึ่งก็ถือว่าดีงามตามมาตรฐาน เพราะคาแรกเตอร์ในเรื่องนี้ก็ไม่ได้ต่างจากหนังแอ็กชันเรื่องอื่น ๆ ของเขาเท่าไหร่ เราจึงไม่ได้เซอร์ไพรส์อะไรไปกับการแสดงของนีสันมากนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาช่วยแบกหนังไว้มากจริง ๆ 

เมื่อมองทางด้านเนื้อหา ตอนต้นเรื่องหนังเปิดปมปริศนาได้อย่างน่าติดตามแถมยังมีซีนที่ได้โชว์ความเทพของเจ้าหน้าที่บล็อกให้เราได้ว้าวด้วย แต่ทว่าความว้าวก็มีแค่นั้นแหละ หลังจากนั้นหนังกลับลดขนาดตัวเองลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นละครหลังข่าวที่บังเอิญได้ทำเป็นหนังโรง เพียงแค่เปลี่ยนจากตอนย่อย ๆ มาเป็นซีเควนซ์ที่รวบรัดอัดมาในหนังเรื่องเดียว นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่รู้สึกอินกับอะไรเลย จะดราม่าก็ไม่ผ่าน จะแอ็กชันก็ไม่สุด แถมจุดที่ควรให้น้ำหนักอย่างฉากย้อนความหลังที่เกี่ยวพันถึงปมใหญ่ในเรื่องนั้น หนังก็ดันเล่นง่ายโดยให้ตัวละครมานั่งเล่าทื่อ ๆ ซะงั้น ซึ่งเป็นอีกจุดที่เราค่อนข้างเสียดายเป็นอย่างมาก

ทั้งตัวอย่างและคำโปรยในโปสเตอร์ ต่างหลอกเราว่า BLACKLIGHT จะเป็นหนังแอ็กชันที่มันเต็มสูบ แต่ความจริงแล้วหนังกลับอุดมไปด้วยซีนที่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใส่มาทำไม หาความสำคัญก็ไม่มี หาความระทึกก็ไม่เจอ แถมหนังยังบียอนด์ไปกว่านั้นด้วยการอุดมไปด้วยตัวละครที่โง่เขลา แม้แต่ตัวเอกอย่างเจ้าหน้าที่บล็อกผู้มีไหวพริบปฏิภาณก็ยังติดความเขลาจากตัวละครตัวอื่นมาด้วย

ซึ่งความเก่งกาจของผู้สร้างยังไม่จบแค่นั้น พวกเขาสามารถสร้างหนังแอ็กชันที่ให้อารมณ์แบนราบออกมาได้ ถึงขนาดที่ว่าจังหวะเร้าอารมณ์ของเพลงประกอบในฉากแอ็กชันก็ยังชวนเราง่วงจนเกือบจะหลับเลยล่ะ แต่อนิจจา ผู้ชมคนอื่น ๆ รอบตัวเราน่ะ หลับไปเรียบร้อยแล้ว

และที่เจ็บปวดกว่านั้นคือหนังทำให้เรารู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง ในขณะที่เราคิดว่าหนังกำลังจะปูเข้าสู่ไคลแมกซ์ที่จะทำให้เราหายง่วงได้ หนังกลับหักมุมโดยให้ปมทุกอย่างถูกคลี่คลายง่าย ๆ และไม่มีไคล์แมกซ์ซะงั้น

ความดีงามของเรื่องนี้อาจมีเพียงแค่เลียม นีสันบังเอิญเผลอตัวมาเล่น และงานภาพที่สวยงามจนอยากออกปากชม โดยซีนภาพกว้างนั้นถ่ายได้สวยเหมือนกับงานมิวสิกวิดีโอ จนรู้ได้ทันทีว่าผู้กำกับภาพของเรื่องนี้บรรจงจัดวางมุมกล้องอย่างดี ซึ่งทำให้เรายังพอเพลิดเพลินไปกับงานภาพของหนังได้

สำหรับแฟน ‘ป๋าเลียม’ หรือผู้ชมที่อยากลองดู ก็ให้คิดซะว่า BLACKLIGHT เป็นหนังที่นำเสนอแบบภาพยนตรฺแอ็กชันยุค 80s ก็ถือว่าไม่เลวนะ เพราะหนังมีองค์ประกอบที่ค่อนข้างเหมาะ ทั้งพระเอกวัยดึกที่เตรียมจะวางมือ ตัวโกงสุดเก๋าที่รู้จักตัวเอกเป็นอย่างดี รวมทั้งตัวประกอบที่ทำให้เราแอบตลกในความโง่เขลา จนชวนให้แอบขำเบา ๆ ที่บทแบบนี้ยังมีในปี 2022 ได้ 

จริง ๆ หนังค่อนข้างน่าเสียดายในแง่ของภาพรวม ทั้งตอนต้นที่เปิดออกมายิ่งใหญ่ แต่กลับเบาลงไปจนถึงช่วงท้ายที่แผ่วซะเหมือนถูกตัดจบ อีกทั้งบทภาพยนตร์ก็ไม่มีความน่าติดตาม การนำเสนอในแต่ละซีนดูทื่อ ซะจนเหมือนหนังเกรด B ที่มีเลียม นีสันแปะป้ายอย่างไรอย่างนั้น 

แต่หากจะมองอีกแง่ หนังเรื่องนี้อาจจัดอยู่ในหมวดหนังคัลต์ชั้นครูเลยก็ได้ ทั้งบทบาทที่ชวนเราขำโดยไม่ตั้งใจ หรือแอ็กติงที่แข็งเป็นไม้ รวมทั้งฉากแอ็กชันที่ชวนหาวอยู่เรื่อยไป ซึ่งถ้าผู้สร้างต้องการทำหนังทดลองในหัวข้อ ‘ทำหนังแอ็กชันอย่างไรให้คนดูหลับ’ ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้วล่ะ

beartai

slot god

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *