ชื่อเรื่อง | TURNING RED |
เรตติ้ง | 7 |
นักแสดง | – |
จำนวนตอน | 1.41 ชั่วโมง |
รีวิวอนิเมชั่น TURNING RED
รีวิวอนิเมชั่น TURNING RED อนิเมชั่นสุดน่ารักจากค่ายพิซซ่าที่สามารถถ่ายทอดครอบครัวเอเชียออกมาได้อย่างลุ่มลึก ถ้าพูดถึงครอบครัวเอเชียเราจะนึกถึงอะไร หลายคนนึกถึงครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมตารับประทานอาหารร่วมกันอย่างอบอุ่น ในขณะที่บางคนมองว่าเป็นครอบครัวที่กดดันเรื่องการเรียนอย่างหนักหน่วงถึงขั้นที่ลูกหลานจะต้องทำทุกอย่างให้ดีทุกด้านออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ ความเป็นครอบครัวเอเชียนั้นชาวไทยอย่างเรารู้ดีว่ามันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง พอเราได้รับชมเรื่องราวที่ถ่ายทอดประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวเอเชียออกมามันจึงทำให้เรารู้สึกอินได้ไม่ยาก อย่างเช่นอนิเมชั่นที่เราจะพาทุกคนมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็คือ TURNING RED อนิเมชั่นจากค่ายพิกซาร์ที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากที่ไม่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ สำหรับใครที่อยากรับชมต้องดาวน์โหลด DISNEY+ มารับชมเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น
มันเป็นอนิเมชั่นที่มีความน่ารักสดใสสมกับชื่อเป็นอย่างมาก เป็นการสะท้อนเรื่องราวครอบครัวชาวเอเชียผสมผสานกับความแฟนตาซี อัดแน่นมาด้วยมุกตลก และประเด็นเกี่ยวกับการก้าวข้ามผ่านช่วงวัยหรือ COMING OF AGE ผลงานอนิเมชั่นเรื่องยาวของผู้กำกับสามารถฝีมือโดมี่ เฉือเป็นครั้งแรกหลังจากที่อนิเมชั่นเรื่องสั้นอย่าง BAO ความยาวเพียงแค่ 8 นาทีสามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้สำเร็จ
สำหรับเวอร์ชั่นพากย์ไทยได้ไอดอลสาวมากฝีมือที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้อย่างอ๊ะอาย 4EVE มาพากย์เสียงตัวละครหลักอีกด้วย หรือสำหรับใครที่อยากจะรับชมเสียงต้นฉบับก็สามารถรับชมแบบ SUBTITLE ได้เช่นเดียวกัน เป็นอนิเมชั่นที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองรับชม รับรองว่ามันจะสามารถมอบความสนุกสนานและความซาบซึ้งให้กับคุณได้อย่างแน่นอน
อนิเมชั่น disney
เรื่องราวในอนิเมชั่นเรื่อง TURNING RED
TURNING RED เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่เล่าถึงเรื่องราวของเด็กสาวอายุ 13 ปีที่มีชื่อว่าเหมยหลิน เธอนั้นเป็นเหมือนเด็กสาวธรรมดาทั่วไปที่เติบโตมาในครอบครัวคนจีน โดยครอบครัวของเธอนั้นต้องรับผิดชอบดูแลศาลเจ้าจีนประจำตระกูลที่อยู่ในเมืองโตรอนโตของประเทศแคนาดา เธอนั้นเติบโตมาในครอบครัวชาวจีนแบบ TRADITIONAL สุดๆ ผู้เป็นแม่ของเธออย่างหมิงพยายามเลี้ยงดูลูกสาวให้อยู่ในกรอบที่ควรจะเป็นตามวัฒนธรรมอันดีของชาวจีน
แต่เรื่องราวที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันหนึ่งเด็กสาวตื่นขึ้นมาอย่างสดใสและทำทุกอย่างเหมือนกับที่เธอเคยทำในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อส่องกระจกเท่านั้นเธอก็ต้องตกใจสุดขีดเพราะตัวเธอได้กลายเป็นแพนด้าสีแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอพยายามหาคำตอบก่อนจะพบว่าเวลาที่เธอตื่นเต้นแบบสุดๆ เธอจะสามารถกลายร่างเป็นแพนด้าแดงร่างกายใหญ่โตได้ และการกลายร่างได้ในครั้งนี้ทำให้เธอได้ล่วงรู้เกี่ยวกับความลับของครอบครัวที่ซุกซ่อนมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเลยทีเดียว
แต่มันก็ไม่ได้สร้างความยุ่งยากมากเท่ากับการที่วงดนตรีที่เธอชื่นชอบกำลังจะมาเปิดการแสดงในเมืองในอีกไม่นานนี้ ทำให้เธอต้องตัดสินใจว่าเธอจะเป็นลูกสาวที่ดีตามกรอบอย่างที่แม่ต้องการหรือจะเป็นเด็กสาวธรรมดาที่สามารถทำทุกอย่างได้ตามความต้องการกับเพื่อนที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานของเธอ ก่อนที่วันจันทร์สีเลือดจะเดินทางมาถึงและทำให้เธอไม่สามารถกลับคืนสู่ร่างเดิมได้ต่อไป เธอจะตัดสินใจเช่นไรต้องไปติดตามเอาใจช่วยกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง TURNING RED
TURNING RED เป็นอนิเมชั่นที่เรียกได้ว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เป็นการต่อยอดจากภาพยนตร์เรื่อง LUCA ที่เล่าถึงเรื่องราวในอิตาลีออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยในครั้งนี้จะเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแคนาดาสไตล์จีนที่ดำเนินเรื่องได้อย่างฉับไว แม้จะเดินเรื่องเป็นเส้นตรงไปข้างหน้าแต่ก็สามารถทำออกมาได้น่าสนใจและน่าติดตาม เป็นการเล่าเรื่องราว COMING-OF-AGE ได้อย่างซาบซึ้งและอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมาก สามารถสะท้อนวัฒนธรรมและความเป็นมาของครอบครัวชาวจีนออกมาได้อย่างเจ็บแสบไม่น้อยเลยทีเดียว
เป็นอนิเมชั่นที่ต้องยอมรับเลยว่ากล้าที่จะฉีกความเป็นอนิเมชั่นสูตรสำเร็จสำหรับเด็กออกมาได้อย่างหมดคราบ สามารถพัฒนาตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยมจนทำให้ช่วงสุดท้ายของภาพยนตร์เต็มไปด้วยความซาบซึ้งที่ผู้รับชมจะต้องรู้สึกไปด้วยอย่างแน่นอน สามารถใส่ประเด็นการค้นหาตัวเองรวมไปถึงการเติบโตเข้ามาได้อย่างพอดิบพอดี ตัวละครแต่ละตัวมีมิติและความน่าสนใจที่แตกต่างกันออกไปแต่ที่สำคัญเลยก็คือทุกคนล้วนแล้วแต่มีความใกล้เคียงกับความเป็นคนในโลกแห่งความเป็นจริงเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ยังมีจุดที่น่าเสียดายเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นเส้นเรื่องที่ค่อนข้างบางเบา ในช่วงแรกยังติดอยู่กับสูตรสำเร็จของอนิเมชั่นสำหรับเด็กไปหน่อย ทำให้ไม่ได้มีการใส่อะไรที่แปลกใหม่น่าสนใจเข้ามามากมาย ตัวละครหลักมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากทำให้ตัวละครสมทบของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีบทบาทอะไรกับเรื่องราวมากมาย การกระจายความสำคัญของแต่ละตัวละครไม่เท่ากันทำให้ภาพยนตร์ขาดมิติในบางส่วนไป โดยรวมถือว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่สามารถทำออกมาได้ดีแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมระดับตำนาน สำหรับใครก็ตามที่เป็นแฟนคลับภาพยนตร์อนิเมชั่นของพิกซาร์เราขอแนะนำว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คู่ควรแก่การรับชมเป็นอย่างมาก รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังในการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน บาคาร่า จีคลับ
ตัวอย่างอนิเมชั่น TURNING RED
รีวิว อนิเมชั่น TURNING RED บางส่วนจาก playinone
อนิเมชั่นสีสันสดใสของพิกซาร์ที่การเล่าเรื่องและภาพรวมอาจจะธรรมดา ไม่ได้ดีว้าวใหม่ขนาดนั้น แต่ประเด็นครอบครัว มิตรภาพ และตัวตน การนำเสนอวัฒนธรรมจีนและความร่วมสมัยใน 2002 ที่ทำออกมาได้อย่างเพลิดเพลินและทรงพลัง เสียงพากย์ที่ยอดเยี่ยม รวมไปถึงดนตรีประกอบที่กระหึ่มและมีสไตล์ งานภาพที่มีเอกลักษณ์แปลกตาและไร้พิษภัย ทำให้มันน่าเสียดายที่ไม่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์
Turning Red (เขินแรงแดงเป็นแพนด้า) ภาพยนตร์อนิเมชั่น 3 มิติแนวแฟนตาซีตลกและข้ามผ่านวัย (Fantasy and Coming of Age) กำกับโดย Domee Shi งานอนิเมชั่นเรื่องยาวของเธอครั้งแรกหลังคว้าออสการ์จากอนิเมชั่นสั้น 8 นาที Bao สู่เรื่องราวของความเจริญวัยของเด็กสาวกับความวุ่นวาย และเช่นเดียวกับ Luca ภาพยนตร์เรื่องนี้ย้ายจากโรงลงสู่ดิสนีย์พลัส ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกอย่างล้นหลาม พร้อมเสียงพากย์จาก อ๊ะอาย กรณิศ หรือ อ๊ะอาย 4EVE
เม่ย หลิน เด็กสาวอายุสิบสามปี ลูกสาวคนเดียวในครอบครัวคนจีนที่เต็มไปด้วยความรับผิดชอบในฐานะคนดูแลศาลเจ้าจีนประจำตระกูล ในเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา หมิง แม่ของเธอพยายามให้เธออยู่ในกรอบ กระทั่งวันหนึ่งเธอตื่นมาพบว่าตัวเองกลายเป็นแพนด้าแดงเวลาที่ตื่นเต้นสุดขั้ว เธอจึงได้รับรู้ว่าครอบครัวของเธอมีความลับอะไรบางอย่างที่เก็บงำไว้มานับตั้งแต่บรรพกาล แต่นั่นไม่วุ่นวายเท่ากับวงดนตรีที่เธอหลงใหลกำลังจะมาเปิดการแสดงที่แถวบ้าน เธอต้องตัดสินใจว่า จะเป็นลูกสาวอย่างที่แม่เธอต้องการ หรือเป็นเด็กสาวธรรมดาของเหล่าเพื่อนติ่งสุดก๊วนปั๊วะปังปุริเย่ ก่อนที่ดวงจันทร์สีเลือดจะมาถึงและเธอจะไม่สามารถคืนร่างเดิมได้อีกต่อไป
ถือเป็นอนิเมชั่นที่มีงานภาพแปลกตามากสำหรับพิกซาร์ จริง ๆ พิกซาร์ก็เริ่มฉีกงานภาพมาตั้งแต่ Luca ที่ให้ภาพสไตล์อิตาลีแบบเรื่อย ๆ แต่งานนี้เป็นสไตล์จีนอเมริกันที่เดินเรื่องไว ตรงไปข้างหน้า แต่ไม่ได้รีบจนตามไม่ทัน ผสมผสานกับมุกตลกที่อาจจะไม่ขำก๊ากอะไรมากแต่ก็ทำให้เรื่องราวดูเพลินในช่วงแรกของเรื่อง แต่ช่วงกลางมันค่อนข้างจะเรื่อยเปื่อย เพราะหนังให้เงื่อนไข แต่ไม่ได้กดดันสถานการณ์ตัวละครขนาดนั้น เลยกลายเป็นการวางตัวละครองอื่น ๆ ให้มีบทบาทควบคู่กับตัวเอกเพื่อปูไปสู่องค์สุดท้ายที่ทำให้พูดได้เต็มปากว่ากล้ามาก ฉีกมาก ที่เคยคิดไว้ผิดหมดและกลายเป็นส่วนที่ทรงพลังที่สุดที่ใครได้ดูมีต้องได้เสียน้ำตา อาจจะไม่ได้หักมุมหรือฉีกแบบเวอร์วังแบบที่คาดไว้ เพราะหนังมีพื้นฐานค่อนข้างไม่แน่นหรือแปลกมากสักเท่าไหร่ แม้หนังเฉลี่ยพื้นที่ระหว่างรากฐานของเรื่อง คือ ความร่วมสมัยแบบปี 2002 ผสมกับวัฒนธรรมแบบจีนที่นำเสนอออกมาได้อย่างลงตัวกับการเล่าเรื่อง แต่ภาพรวมกลับค่อนข้างธรรมดา ไม่รู้ว่า ถ้าไม่ได้องค์ที่ 3 มาช่วย หนังอาจจะแทบไม่มีอะไรใหม่เลย
ตัวละครของเรื่องหลัก ๆ มีความน่าสนใจมาก ทั้ง เม่ย หลิน ที่ภาพลักษณ์คือสาวสุดคูลในหมู่เพื่อน แต่เมื่ออยู่กับแม่ เธอก็กลายเป็นลูกสาวตามระเบียบของครอบครัว ทำให้เราได้เห็นมุมมองว่าเธอคือเด็กผู้หญิงคนนึงที่ดูธรรมดา แต่ก็มีปัญหาคาใจที่ต้องผ่านไปตามประสาลูกสาวคนจีนที่ถูกคาดหวังและเมื่อไม่เป็นตามที่คาดหวัง เธอจึงกลายเป็นระเบิดเวลาที่ถูกสร้างขึ้นมาจาก หมิง แม่ของเธอ ที่ฝังความคิดความอ่านว่าเธอจะต้องสมบูรณ์แบบ จนสุดท้ายมันได้ทำให้ความสัมพันธ์ครอบครัวค่อย ๆ แตกสลายโดยไม่รู้ตัว สองตัวละครนี้ต้องขับเคี่ยวกันระหว่างกระแสน้ำ รากฐานความหัวโบราณของผู้ใหญ่+จีน กับ ความทันสมัยของเด็กสาววัยแรกแย้มที่ต้องเผชิญหน้าความเปลี่ยนแปลงทั้งความรู้สึกต่อเพศตรงข้าม ความสนุกสนานกับผองเพื่อนที่มีคาแร็คเตอร์คอยซัพพอร์ทเธอ และอาจจะไม่ได้สำคัญกับเส้นเรื่องเหมือนตัวละครแม่ลูก แต่ก็มีฉากที่น่าจดจำเหมือนกันในแง่การพัฒนาของตัวละคร
playinone