ชื่อเรื่อง | THE TRAGEDY OF MACBETH |
เรตติ้ง | 7 |
นักแสดง | Denzel Washington |
จำนวนตอน | 1.45 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง THE TRAGEDY OF MACBETH
รีวิวหนัง THE TRAGEDY OF MACBETH จากวรรณกรรมสุดคลาสสิคของเช็คสเปียร์สู่ภาพยนตร์ยุคใหม่งานภาพขาวดำ ถ้าพูดถึงหนึ่งในนักประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในโลกหลายคนก็คงจะนึกถึงวิลเลี่ยม เช็คสเปียร์อย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นนักประพันธ์ที่ฝากเรื่องราวน่าประทับใจเอาไว้บนโลกใบนี้หลายต่อหลายเรื่อง วรรณกรรมของเขาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวแนวโศกนาฏกรรม จุดจบของตัวละครแทบจะสามารถคาดเดาได้ทุกเรื่องว่าไม่ดีอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นคนก็ยังชื่นชอบเพราะตลอดการเดินทางของตัวละครมันเต็มไปด้วยความสวยงามและความสนุกสนานอย่างคาดไม่ถึง
วรรณกรรมของเช็คสเปียร์ได้ถูกนำเอามาสร้างใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นนวนิยาย ละครเวที ซีรีส์ รวมไปถึงภาพยนตร์ อย่างเช่นภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมของเช็คสเปียร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของกษัตริย์สกอตแลนด์นั่นก็คือ THE TRAGEDY OF MACBETH แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์ใหม่ ORIGINAL จากทาง APPLE TV+ แต่ผู้กำกับตอบเลือกใช้งานภาพสีขาวดำเพื่อเพิ่มความคลาสสิคและความขลังให้กับภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น ก่อนหน้านี้เคยออกฉายในเทศกาลภาพยนตร์และได้รับคำชมกลับมามากมาย
นอกจากมันจะเป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราววรรณกรรมของเช็คสเปียร์ที่มีความน่าสนใจแล้ว ตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์อีกด้วย เป็นกษัตริย์สกอตแลนด์ที่อาศัยอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 10 ในช่วงเวลาที่เขาขึ้นปกครองสกอตแลนด์เป็นระยะเวลา 17 ปีจากการสังหารราชาคนเก่าดินแดนเต็มไปด้วยความสงบสุขไม่น้อยเลยทีเดียว แต่สุดท้ายเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับงานหนักอย่างการรับมือกับอังกฤษ ชะตากรรมสุดท้ายของเขาไม่สู้ดีสักเท่าไหร่จากการที่เขาแย่งชิงบัลลังก์มาอย่างไม่ถูกต้อง สำหรับใครที่อยากจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับกษัตริย์ผู้นี้มากขึ้นผ่านวรรณกรรมของเช็คสเปียร์ก็สามารถไปหารับทำภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แล้ว
apple tv รีวิว
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง THE TRAGEDY OF MACBETH
THE TRAGEDY OF MACBETH เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมคลาสสิคของวิลเลี่ยม เช็คสเปียร์ เล่าถึงเรื่องราวของชายที่ชื่อว่าแม็คเบธ เขาเป็นชายหนุ่มนักรบประจำสกอตแลนด์ที่เดินทางไปต่อสู้และกำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางกลับคืนสู่บ้านด้วยชัยชนะพร้อมกับเพื่อนร่มสนามรบอย่างแบงโกว ในระหว่างทางทั้งสองหนุ่มได้พบเจอกับแม่มดทั้ง 3 พวกเธอได้ให้คำพยากรณ์แก่แม็คเบธว่าในวันหนึ่งเขาจะได้เป็นอัศวินผู้ยิ่งใหญ่และยังจะมีโอกาสได้เป็นกษัตริย์ประจำสกอตแลนด์อีกด้วย ในขณะเดียวกันเพื่อนของเขาอย่างแบงโกวแม้ว่าจะไม่มีวาสนาได้เป็นกษัตริย์ด้วยตัวเอง แต่ในอนาคตทั้งลูกหลานของเขาก็จะได้รับสถานะดังกล่าวเช่นเดียวกัน
หลังกลับมาพร้อมกับชัยชนะนักรบทั้งสองก็ได้รับคำชื่นชมมากมายโดยแม็คเบธที่กษัตริย์ได้มีการแต่งตั้งให้เขากลายเป็นอัศวินจริงตามคำทำนายของสามพี่น้องแม่มด มันทำให้ความทะเยอทะยานของเขาถูกปลุกเร้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับภรรยาของเขาที่มีความทะเยอทะยานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ทั้งสองพยายามวางแผนเพื่อที่จะทำให้คำพยากรณ์จากแม่มดสามพี่น้องกลายเป็นจริงให้ได้นั่นก็คือการที่เขาจะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองสกอตแลนด์นั่นเอง
แต่การที่เขาจะเป็นกษัตริย์ได้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นก็คือการที่กษัตริย์คนปัจจุบันจะต้องเสียชีวิตลงก่อน ดังนั้นเขาและภรรยาจึงวางแผนลอบสังหารกษัตริย์ขึ้นมา แต่คำทำนายของแม่มดที่เล่าว่าลูกหลานของเพื่อนเขาจะขึ้นมาชิงอำนาจทำให้เขาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงถึงขั้นคิดสังหารเพื่อนรักร่วมสนามรบเลยทีเดียว สุดท้ายแล้วเรื่องราวของเขาจะเป็นอย่างไรต้องติดตามชมกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง THE TRAGEDY OF MACBETH
THE TRAGEDY OF MACBETH เป็นผลงานคลาสสิคของวิลเลี่ยม เช็คสเปียร์ที่มีการนำเอามาดัดแปลงเป็นสื่อบันเทิงมากมายหลายต่อหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือละครเวทีก็ตาม บางครั้งก็มักจะมีเนื้อหาเชื่อมโยงอยู่ในภาพยนตร์ฝั่งตะวันตกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่สำหรับผลงานภาพยนตร์ในครั้งนี้เรียกได้ว่ามีความแปลกใหม่เป็นอย่างมากเพราะหากพูดกันถึงในแง่ของเทคนิคการสร้างภาพยนตร์ขึ้นมาแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์ทดลองก็ว่าได้ มันเป็นความเสี่ยงที่ผู้กำกับต้องการจะหยิบยกนำเอาบทละครชื่อดังมาดัดแปลงใหม่โดยใช้เทคนิคการถ่ายทำเข้าช่วยหลายอย่าง ดังนั้นภาพและการเล่าเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงมีความแปลกใหม่ไม่เหมือนกับที่เราเคยรับชมมาก่อน
นอกจากนี้การนำเสนองานภาพออกมาเป็นงานภาพสีขาวดำแต่มีความคมชัดสูงทำให้มันดูสวยงามแปลกตาไม่น้อยเลยทีเดียว มีการผสมผสานการใช้ศิลปะเข้ามาเป็นจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นการใช้กรอบสี่เหลี่ยมกำหนดเฟรม การจัดวางมุมกล้องที่มีระยะใกล้ไกลแตกต่างกันทำให้เรื่องราวดูมีความน่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในด้านการถ่ายทำที่เต็มไปด้วยศิลปะและการทดลองทำอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อย การถ่ายทอดด้วยงานภาพสีขาวดำทำให้ภาพยนตร์มีความคลาสสิกและมีมนต์ขลังมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม การนำเอานักแสดงผิวสีมาแสดงในบทของคนขาวทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ขัดตาเลยแม้แต่น้อย แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่มันเป็นศิลปะเป็นอย่างมากทำให้มันค่อนข้างรับชมยากสักหน่อยสำหรับคนที่มักจะรับชมภาพยนตร์ BLOCKBUSTER เป็นหลัก ไดอะล็อกบางครั้งมาเป็นบทกวีทำให้เรารู้สึกสับสนได้ และการใช้งานภาพขาวดำก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของทุกคนแต่อย่างใด joker slot เว็บตรง
ตัวอย่างหนัง THE TRAGEDY OF MACBETH
รีวิว หนัง THE TRAGEDY OF MACBETH บางส่วนจาก playinone
หนังอาร์ตที่หยิบวรรณกรรมคลาสสิกของเช็กสเปียร์มาดัดแปลงได้อย่างแปลกใหม่ เดนเซลแสดงนำอย่างเทพ พยายามคงเนื้อหาดั้งเดิมตามต้นฉบับไว้แทบจะครบถ้วน อาจจะได้เข้าชิงรางวัลใหญ่บางสาขา ควรเปิดใจลองรับชมสักครั้ง The Tragedy of Macbeth Apple TV+ รีวิว ภาพยนตร์ที่ได้ เดนเซล วอชิงตัน มารับบทนำเป็น แม็คเบธ เป็นการเอาบทละครคลาสสิกชื่อดังของ วิลเลียม เช็กสเปียร์ มาดัดแปลงใหม่ กำกับโดย โจเอล โคเอน ซึ่งผ่านงานกำกับและงานเบื้องหลังมาแล้วหลายเรื่อง
โดยตัวเรื่องนี้จงใจสร้างให้เป็นหนังขาวดำ เพื่อเพิ่มความคลาสสิก ให้ดูขลังขึ้น เป็นผลงานแบบ Original ของ Apple TV+ เข้าฉายก่อนหน้านี้ในงานเทศกาล BFI London Film Festival และได้รับคำชมมาก รับชมกันได้เลย สำหรับข้อมูลในประวัติศาสตร์พบว่า แม็คเบธ เป็นกษัตริย์ชาวสกอตแลนด์ที่มีตัวตนจริง เขามีชีวิตอยู่ในราวศตวรรษที่ 10 ได้รับฉายาว่า เรดคิง ขึ้นปกครองสกอตแลนด์ต่อจากกษัตริย์ดันแคนในระหว่าง ค.ศ. 1040-1057 แล้วจึงสิ้นชีพลง เขาได้บัลลังก์มาจากการสังหารกษัตริย์ดันแคน แต่กระนั้นมีข้อมูลว่าการปกครองของเขาเป็นเวลา 17 ปีนั้นอยู่ในความสงบสุขไม่น้อย กระทั่งเขาต้องรับศึกจากอังกฤษที่นำโดย ซิวาร์ด เอิร์ลแห่งนอร์ททรัมเบีย สามปีต่อมาเขาจึงถูกสังหารโดยมัลคอร์มที่ 3 โอรสของกษัตริย์ดันแคน แม็คเบธไม่มีทายาททางสายเลือด มีเพียงบุตรบุญธรรมซึ่งต่อมาก็ถูกมัลคอร์มที่ 3 สังหารเช่นกัน ภายหลังเรื่องของเขาถูก วิลเลียม เช็กสเปียร์นำมาเขียนเป็นบทละครแนวโศกนาฎกรรม จนเป็นที่แพร่หลายรู้จักไปทั่วโลกจนถึงวันนี้
ที่ผ่านมา “แม็คเบธ” เป็นผลงานคลาสสิกชื่อดังที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นละครเวที ภาพยนตร์ และมีเนื้อหาหรือความเชื่อมโยงที่แฝงอยู่ในภาพยนตร์ตะวันตกอีกมากมายนับไม่ถ้วน แต่สำหรับงานนี้ของผู้กำกับ โจเอล โคเอน นับว่ามีความแปลกใหม่ ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว เรื่องนี้เข้าข่ายเป็น “หนังทดลอง” ที่ผู้กำกับราวกับต้องการเสี่ยงทดลองอะไรบางอย่างในการหยิบบทละครคลาสสิกชื่อก้องโลกเรื่องนี้มาดัดแปลงใหม่ พร้อมทั้งใช้เทคนิคในการสร้างภาพยนตร์หลายอย่างเข้าช่วย ทำให้งานภาพและการเล่าเรื่องออกมามีรสชาติแปลกใหม่พิสดาร และน่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งมิติใหม่ของการเอางานวรรณกรรมหรือบทละครคลาสสิกมาลงสู่หน้าจอกันเลย
แต่ทั้งหมดทั้งปวง เรื่องนี้อาจจะดับไปเลยก็ได้หากว่าไม่ได้นักแสดงนำอย่าง เดนเซล วอชิงตัน มารับบทแม็คเบธในเวอร์ชั่นนี้ เพราะต้องยอมรับว่าพลังการแสดงและออร่าซุปเปอร์สตาร์ของ เดนเซล นั้นสุดเอามากๆ เรียกว่าแกเอาอยู่จริงๆกับการแบกรับภาระของหนังทั้งเรื่อง ทำให้หลายคนที่อาจจะตัดขิดตะขวงใจกับการเอานักแสดงผิวสีมาเล่นบทแม็คเบธและการมีนักแสดงผิวสีจำนวนมากมาเล่นในเรื่องนี้ คงจะรู้สึกว่า เออ ก็ไม่เห็นเป็นไร ตรงนี้ต้องขอคารวะเดนเซลเลยที่ทำให้คนดูรู้สึกกลมกลืนไปกับตัวละครและสิ่งแวดล้อมในเรื่องได้อย่างไม่เคอะเขินว่าทำไมในสกอตแลนด์ยุคกลางจึงได้มีคนผิวสีขึ้นมาเป็นอัศวินและเป็นกษัตริย์ได้
อีกจุดหนึ่งที่ต้องชมผู้กำกับคือการที่หนังเลือกที่จะสร้างออกมาในรูปแบบกึ่งละครเวทีเหนือจริง ทำให้เราไม่จำเป็นต้องอิงกับความเป็นจริงในแง่ Realism ของเรื่องราวมากนักว่าจะต้องเป็นคนผิวขาวในการเล่นเรื่องนี้ไปซะหมด
ด้านเทคนิคการถ่ายทำ ตรงนี้มีความแปลกใหม่พอสมควร เพราะมีการเล่นกับ ฉาก สถานที่ มุมกล้อง ค่อนข้างมาก เรียกว่าเป็นการนำเสนอและทดลองใช้ศิลปะการกำกับและถ่ายทำขั้นสูงที่น่าสนใจ เช่น การใช้กรอบสี่เหลี่ยมของสถานที่เป็นตัวกำหนดภาพเฟรม และในหลายฉากที่จะเห็นว่าเต็มไปด้วยสี่เหลี่ยม ซึ่งดูเหมือนจงใจเอามากๆ ไปจนถึงการจัดวางมุมกล้องเพื่อฉายภาพใกล้และไกลที่มีความเป็นศิลปะและใช้ฉากรอบด้านอย่างคุ้มค่าที่สุด ชวนให้เรื่องราวดูมีความลึกลับ เหล่าตัวละครเสมือนติดกับดักอยู่ในบางอย่างที่เสมือนกรงอยู่ตลอดเวลา นับว่าทีมสร้างยอดเยี่ยมมากในการจัดวางองค์ประกอบศิลป์ให้กับเรื่องนี้
playinone