ชื่อเรื่อง | The Tourist |
เรตติ้ง | 6.0 |
นักแสดง | Johnny Depp,Angelina Jolie,Paul Bettany |
จำนวนตอน | 1.43 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง The Tourist Netflix
รีวิวหนัง The Tourist Netflix ภาพยนตร์แนวสายลับยุค 50 ที่ได้นักแสดงนำระดับพระกาฬ ฝั่งฮอลลีวูดแน่นอนว่าทุกคนจะต้องนึกถึงแองเจลิน่าโจลี่และจอห์นนี่เดปย่างแน่นอนนอกจากทั้งสองคนนี้จะเป็นนักแสดงนำมากฝีมือที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามและกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งโลกแล้วพวกเขายังสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทของตัวเองได้ตามความต้องการอีกด้วยอย่างเช่นการพลิกบทบาทมารับบทเป็นมาเลฟิเซนต์ของแองเจลิน่าโจลี่หรือการรับบทเป็นตัวร้ายในโลก Harry Potter
อย่างกิลเดอร์วัสของจอห์นนี่เดปป์ลองจินตนาการดูว่าจะเป็นอย่างไรหากสองคนนี้ได้โคจรมาเจอกันในฐานะนักแสดงนำทั้งคู่การแสดงของภาพยนตร์เรื่องนั้นคงจะเดือดไม่น้อยเลยทีเดียวหากคุณอยากทราบคำตอบว่ามันจะเป็นอย่างไรเราขอแนะนำภาพยนตร์เก่าเรื่อง The Tourist แนวสายลับในยุค 50 ที่สามารถดึงตัวนักแสดงนำทั้งสองคนนี้มารับบทบาทภายในเรื่องได้อย่างน่าเหลือเชื่อไม่เพียงเท่านั้นฉากหลังของภาพยนตร์เรื่องนี้ยังอยู่ในเมืองเวนิสที่เต็มไปด้วยความสวยงามอีกด้วยไม่ว่าจะองค์ประกอบไหนก็ตามล้วนแล้วแต่ส่งให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์สมบูรณ์แบบที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามได้ไม่ยากเย็น
หากคุณเป็นคนที่ชอบภาพยนต์แนวสายลับอยู่แล้วเราขอแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้เลยบรรยากาศของมันจะไม่ได้เหมือนกับภาพยนตร์แนวสายลับที่เราเคยรับชมมาก่อน แต่อย่างใดเพราะมันจะพาคุณย้อนกลับไปในช่วงยุค 50 ซึ่งเป็นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทุกอย่างกำลังเจริญเติบโตงอกงามขึ้นมาอีกครั้งเราจะได้เห็นว่าเมืองเวนิสนั้นฟื้นฟูขึ้นมาอย่างไรหลังจากที่เจอผลกระทบของสงครามโลกครั้งที่ 2 ความสวยงามของบ้านเมืองและบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโรแมนติกจะทำให้คุณรู้สึกอยากจะไปเยือนเมืองนี้สักครั้งอย่างแน่นอน
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง The Tourist
The Tourist เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวที่มีชื่อว่าอีลิสเธอเป็นสาวสวยทรงเสน่ห์ที่เต็มไปด้วยความลึกลับจนทำให้หลายคนอยากจะเข้ามาทำความรู้จักกับเธอมากยิ่งขึ้นในตอนนี้เธอโดนสะกดรอยตามโดยตำรวจ แต่ไม่มีใครทราบว่าเธอเป็นใครและเพราะเหตุใดจึงถูกสะกดรอยตาม แต่เธอนั้นติดต่อกลับอเล็กซานเดอร์เพียร์ซทางจดหมายและเพียร์ซก็คือคนที่ตำรวจต้องการจะตามจับมันเลยทำให้เธอโดนหางเลขไปด้วยเพราะทั้งสองคนเป็นคนรักกันเพียร์ซได้ทำการส่งจดหมายขอให้หญิงสาวเดินทางมายังเมืองเวนิสแล้วให้ตามหาผู้ชายคนหนึ่ง
ทำการล่อลวงให้ตำรวจเชื่อใจว่าชายคนนั้นคือเพียร์ซด้วยเหตุนี้เธอจึงได้ขึ้นรถไฟไปยังเมืองเวนิสเพื่อช่วยเหลือคนรับของตนเองและหาชายผู้โชคร้ายบนรถไฟซึ่งเขาคนนั้นก็คือแฟรงค์ชายหนุ่มธรรมดาทั่วไปที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เขาถูกเสน่ห์มารยาของอีมิลเข้าเต็มเปาจนเชื่อเธอสนิทใจเธอตีสนิทเขาได้ไม่นานเขาก็รู้สึกดีกับเธอเข้าแล้ว แต่ดูเหมือนว่าแผนการณ์นี้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากตำรวจรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดคนที่พวกเขาต้องการจะตามจับจึงแปลกไปด้วยเหตุนี้เขาจึงได้ทำการตามสืบและพบว่าแฟรงค์นั้นเป็นเพียงแค่อาจารย์ที่สอนคณิตศาสตร์ธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น
เขาเป็นนักท่องเที่ยวอเมริกันที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังยุโรปในเมืองเวนิสหลังจากที่ภรรยาเพิ่งเสียชีวิตไปหลังจากที่ทั้งคู่ลงมาจากรถไฟพวกเขาก็ต้องออกเดินทางแยกย้ายกันไปจะดูเหมือนว่าโชคชะตาได้สิชิตให้พวกเขาได้คู่กันแล้วเพราะหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ได้พบกันอีกครั้งคราวนี้หญิงสาวชวนแฟนไปเข้าพักในโรงแรมหรูหราในเมืองเวนิสในขณะที่ถ้ารวจเองก็ยังสะกดรอยตามเธออยู่เรื่องราวยิ่งวุ่นวายมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อซอว์เจ้าพ่อมากอำนาจที่ถูกเพียร์ซูยักยอกเงินไปก็รู้ว่าเขาเดินทางมายังเมืองเวนิสเพื่อพบกับคนรักจึงได้พาคนมารอพบเพื่อชำระสะสางเรื่องที่ค้างคาไว้และคนที่โดนเข้าใจผิดก็คือแฟรงค์ที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนจากการโดนเจ้าพ่อตามล่า
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Tourist
The Tourist เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ได้มีความเป็นภาพยนตร์สายลับจำหรือเป็นภาพยนตร์แนวต่อสู้อะไรมากมายมันออกเป็นภาพยนตร์แนวตลกร้ายด้วยซ้ำไปโดยเฉพาะตัวละครแฟรงก์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย แต่ต้องมารับเคราะห์แทนหลังจากที่เขาได้รับความเดือดร้อนจากตัวหญิงสาวแทนที่เขาจะตีตัวออกห่างเขากลับดันไปช่วยเหลือเธอเสียอย่างนั้นมันเลยเต็มไปด้วยเรื่องราวที่สุดแสนจะวุ่นวายพร้อมกับผสมผสานความโรแมนติกแบบรักสามเศร้าเข้ามาต้องบอกว่าสิ่งที่ดีที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้
ไม่ได้เป็นตัวนักแสดงหรือเรื่องราวที่เข้มข้นเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่ฉากในภาพยนตร์เมืองเวนิสยุค 50 มันเป็นอะไรที่สามารถทำให้เรารู้สึกได้ถึงความโรแมนติกแม้ว่าภาพยนตร์จะเล่าเรื่องราวที่สุดแสนจะตลกร้ายก็ตามมันเหมือนกับเราได้เดินทางไปท่องเที่ยวในเมืองเวนิสอย่างแท้จริงแต่ละฉากที่ถ่ายทำออกมานั้นสามารถนำเสนอความสวยงามได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว แต่จุดด้อยของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีเช่นเดียวกันนั้นก็คือความไม่สมเหตุสมผลของมันนั่นเอง
มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากที่เราจะตกหลุมรักใครสักคนในช่วงเวลาที่ขึ้นรถไฟแม้ว่าพวกเขาจะสวยหรือหล่อมากแค่ไหนก็ตามยิ่งพวกเขาเอาเรื่องวุ่นวายถึงชีวิตมาให้มันยิ่งเป็นเรื่องยากเข้าไปอีกที่เราจะเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เพราะมันเป็นภาพยนตร์แนวตลกร้ายสิ่งเหล่านี้จึงกลายมาเป็นสิ่งที่เสริมให้ภาพยนตร์ยิ่งตลกร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีก