ชื่อเรื่อง | THE PRINCESS |
เรตติ้ง | 5.5 |
นักแสดง | Joey King,Dominic Cooper |
จำนวนตอน | 1.34 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง THE PRINCESS
รีวิวหนัง THE PRINCESS ภาพยนตร์ที่จะลบภาพจำว่าเจ้าหญิงอ่อนแอและต้องรอคอยความช่วยเหลือของเจ้าชาย ภาพลักษณ์ของเจ้าหญิงในอุดมคติของหลายๆ คนน่าจะนึกถึงเด็กสาวหน้าตาดี ผมยาวสลวย ใส่ชุดเดรสฟูฟ่องที่ยิ่งทำให้เธอดูสวยมากขึ้นกว่าเดิม เป็นคนที่ทั้งใจดี อ่อนโยน มองโลกในแง่บวก เป็นมิตรกับทุกคน เมื่อตกอยู่ในอันตรายเธอจึงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะสุดท้ายแล้วเจ้าชายก็จะมาช่วยเหลือเธอในภายหลังอยู่ดี ภาพจำลองนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการ์ตูนดิสนีย์ที่ทำให้เราได้เห็นถึงเจ้าหญิงที่ถึงแม้ว่าบางคนจะมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความกล้าหาญ แต่ในยุคเก่าส่วนใหญ่แล้วพวกเธอก็ยังคงต้องพึ่งพาผู้ชายอยู่ดี
ต่างจากในยุคนี้ที่ผู้หญิงมีความสามารถในการปกป้องตัวเองและพาตัวเองออกจากสถานการณ์อันตรายได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาใคร ดังนั้นภาพยนตร์ที่เราจะพาทุกคนมาแนะนำในวันนี้จึงฉีกภาพลักษณ์เจ้าหญิงเดิมๆ ที่ดูอ่อนแอและต้องรอคอยการช่วยเหลือจากเจ้าชายทิ้งไป นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง THE PRINCESS ภาพยนตร์แนวนวนิยายสูตรสำเร็จที่ตัวละครเอกอย่างเจ้าหญิงของเราจะได้ต่อสู้อย่างเต็มที่
หนังน่าดู disney plus 2022
เธอแตกต่างจากภาพลักษณ์เจ้าหญิงที่เราคุ้นตา เพราะเธอคนนี้เต็มไปด้วยความแสบและความซ่าแตกต่างจากทุกคน เธอเป็นนักสู้และมีความสามารถในการต่อยตีไม่แพ้ใคร แถมยังมีความสามารถในการใช้ดาบอีกด้วย มันจึงมีความน่าสนใจเป็นอย่างมากว่าภาพยนตร์จะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาในทิศทางไหนและจะทำออกมาได้ดีหรือไม่ ในเมื่อภาพยนตร์ไม่ได้เป็นไปตามในอุดมคติของใครหลายๆ คน และนี่คือเรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง THE PRINCESS
THE PRINCESS เป็นภาพยนตร์ที่จะพาเราไปรู้จักกับองค์หญิงคนหนึ่งในอาณาจักรขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรุ่งโรจน์ เธอใช้ชีวิตอย่างปกติสุขทุกวันในฐานะเจ้าหญิงแม้ว่าเธอนั้นจะมีพฤติกรรมที่ค่อนข้างจะแตกต่างจากเจ้าหญิงอื่นๆ ไปสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นความแสบซ่าหรือแม้แต่ความสนใจในด้านการใช้ศิลปะป้องกันตัว การเรียนรู้ใช้อาวุธต่อสู้เหมือนกับผู้ชายอย่างเช่นดาบ
ในวันหนึ่งเธอตื่นขึ้นมาและพบว่าตนเองกำลังถูกมัดและฝังเอาไว้บนหอคอยสูงชั้นในปราสาทของตนเอง เธอพยายามรวบรวมสติและคิดย้อนกลับไปว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่เกินกว่าที่เธอจะสามารถต่อสู้ได้ เขาบุกเข้ามาจงใจจะทำร้ายเธออย่างไม่หยุดหย่อน
และเธอก็นึกขึ้นได้ว่าคนเหล่านี้คือทรราชที่ต้องการจะบุกยึดอำนาจครองบัลลังก์แต่เพียงผู้เดียว พวกเขาจึงได้บุกเข้ามายึดบัลลังก์ของพ่อเธอ ทำให้เธอเป็นเพียงความหวังเดียวของอาณาจักรเท่านั้นที่จะสามารถกอบกู้แผ่นดินให้กลับคืนสู่ความสงบสุขได้อีกครั้ง แม้ว่าคนอื่นจะประเมินเธอต่ำแต่เธอก็เต็มไปด้วยพละกำลังและการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วเธอจะรักษาอาณาจักรของตนเองเอาไว้ได้สำเร็จหรือไม่ ต้องติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์ ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง THE PRINCESS
THE PRINCESS เป็นภาพยนตร์ที่เหมือนถูกสร้างออกมาสำหรับการปฏิวัติภาพลักษณ์ของเจ้าหญิงจากดิสนีย์อย่างสิ้นเชิง ในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะไม่เห็นเจ้าหญิงคุยกับสัตว์หรือเพลินไปกับความงดงามของธรรมชาติ ร้องเพลง ทำอาหาร หรือรอคอยความรักจากเจ้าชาย ทุกอย่างถูกแทนที่ด้วยฉากการต่อสู้แบบบู๊ระห่ำแถมยังเป็นการต่อสู้ที่เอาจริงเอาจังอย่างดุเดือดตั้งแต่ช่วงแรกที่เปิดฉากภาพยนตร์ออกมาแบบไม่รอให้เราได้ทันตั้งตัว
ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดยผู้กำกับชาวเวียดนามที่เคยมีประสบการณ์ทำภาพยนตร์ทางฝั่งตะวันตกมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ภาพยนตร์ที่เขากำกับนั้นมักเป็นภาพยนตร์ต้นทุนต่ำด้วยข้อจำกัดของงบประมาณ ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสทำงานชิ้นใหญ่ให้กับสตูดิโอ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คุณภาพก็ออกมาตามงบประมาณ มันอาจจะไม่ได้มีความหรูหราน่าตื่นเต้นอะไรมากมายเหมือนกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่ในส่วนของการออกแบบฉากการต่อสู้ทุกอย่างสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดี จนไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นผลงานของผู้กำกับที่ไม่เคยจัดงานใหญ่มาก่อน
THE PRINCESS นับเป็นภาพยนตร์แนวต่อสู้อีกเรื่องหนึ่งที่สามารถมอบความสนุกสนานและความบันเทิงให้กับผู้รับชมได้ตลอดการรับชมผ่านตัวละครเอกที่เป็นเจ้าหญิง แต่น่าเสียดายที่องค์ประกอบอื่นๆของภาพยนตร์ค่อนข้างที่จะเบาบางไปหน่อย บทภาพยนตร์ไม่มีอะไรเลยเพราะเรื่องที่นำเอามาเล่านั้นเป็นเพียงแค่ประเด็นเล็กๆ น้อยๆ แต่นำเอามาขยายใหญ่เล่าให้เป็นเวลากว่า 90 นาที ดังนั้นตลอดการรับชมหากไม่นับจากการต่อสู้แล้วก็ถือว่ามีแต่น้ำไม่มีเนื้อ มันจึงมีความรู้สึกเหมือนกับเป็นภาพยนตร์จอเล็กมากกว่าภาพยนตร์ที่ฉายในโรงภาพยนตร์
ดังนั้นสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเราจึงอยากจะแนะนำให้กับคนที่ชื่นชอบการต่อสู้และความแฟนตาซี เพราะมีฉากการต่อสู้ยาวให้เราได้รับชมเกือบครึ่งเรื่องโดยที่แทบจะไม่มีเนื้อหาอะไรเลย สามารถนั่งลงบนเก้าอี้เอนหลังแล้วดูฉากการต่อสู้ได้แต่สบายๆ ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย แต่หากคุณเป็นคนที่ชอบติดตามเรื่องราว ความสลับซับซ้อนของเนื้อหา หรือแม้แต่บทพูดที่ทำให้เราสามารถนำเอาไปคิดต่อได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะยังไม่สามารถตอบโจทย์ได้เท่าที่ควร