ชื่อเรื่อง | The Forgotten Battle |
เรตติ้ง | 7.2 |
นักแสดง | Gijs Blom,Jamie Flatters,Susan Radder |
จำนวนตอน | 2.04 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง The Forgotten Battle Netflix
รีวิวหนัง The Forgotten Battle Netflix ภาพยนตร์ที่จะบอกเล่าถึงความเจ็บปวดในช่วงสงครามโลก ภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวในช่วงสงครามโลกส่วนใหญ่แล้วก็จะมักจะเล่าถึงเรื่องราวการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความดุเดือดและการชิงไหวชิงพริบมันเป็นภาพยนตร์ที่ทำให้เรานั้นลุ้นระทึกตลอดเวลาและพยายามเอาใจช่วยตัวละครหลักของภาพยนตร์น้อยครั้งที่ภาพยนตร์แนวสงครามจะทำออกมาเพื่อตีแผ่ความเจ็บปวดของผู้คนที่ได้รับผลกระทบในสงครามไม่ว่าจะเป็นทหารที่ต้องไปออกรบหรือแม้กระทั่งพลเรือนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัวก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ภาพยนตร์แนวนี้ออกมาทีไรก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามทุกครั้งอย่างเป็นภาพยนตร์เรื่อง The grave of fireflies ที่ทำให้เราได้เห็นถึงผลกระทบที่ชาวญี่ปุ่นได้รับก่อนพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 วันนี้เรามีภาพยนตร์ในกลิ่นอายเดียวกันกับเป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดงมาแนะนำนั่นก็คือ The Forgotten Battle ภาพยนตร์บน netflix ที่เปิดตัวออกมาแล้วก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจนถึงขั้นที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ยอดนิยมบน netflix เลยทีเดียว
ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจก็คือเจ้าของบทเดรโกมัลฟอยอย่างทอมเฟลตันมารับบทนำ แต่สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ใจผู้รับชมคือการนำเสนอและเรื่องราวที่สามารถสะท้อนประวัติศาสตร์ออกมาได้อย่างสมจริงผ่านมุมมองของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามดังนั้นแน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เน้นการเล่าเรื่องราวการต่อสู้กันที่จะทำให้เราได้เห็นฉากการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่อลังการการชิงไหวชิงพริบกัน แต่อย่างใด แต่มันจะเน้นเล่าไปถึงเรื่องราวสิ่งที่ผู้คนได้รับไม่ว่าจะเป็นความสูญเสียทั้งสิ่งของร่างกายรวมไปถึงจิตใจท่ามกลางสภาวะสงครามเช่นนี้พวกเขาจะเอาตัวรอดได้อย่างไรเราอยากให้ทุกคนได้ลองไปติดตามรับชมในภาพยนตร์
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง The Forgotten Battle
The Forgotten Battle จะเล่าถึงเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ปี 1944 เป็นช่วงที่สงครามกำลังปะทุหนักและดูเหมือนว่าจะยังไม่มีวี่แววว่าจะสิ้นสุด แต่อย่างใดทำให้ในช่วงเวลานี้ทุกคนทั้งทหารไม่เว้นแม้กระทั่งพลเรือนต่างก็ได้รับผลกระทบกันทั้งสิ้นภาพยนตร์จะพาเราไปรับรู้เรื่องราวของ 3 เชื้อชาติในยุโรปประกอบไปด้วยหญิงสาวชาวดัตช์คนหนึ่งที่ต้องทำงานเป็นข้าราชการอยู่ภายในเมืองที่เหล่ากองทัพนาซีเป็นผู้ปกครองอยู่แม้ว่าเธอนั้นจะยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างไม่มีปากเสียง
แต่ในใจเธอก็ยังหวังว่าอนาคตประเทศของเธอจะได้กู้อิสรภาพกลับคืนมา แต่เรื่องราวที่เลวร้ายมากยิ่งขึ้นเมื่อน้องชายของเธอนั้นได้เข้าไปมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวที่ร้ายแรงเกินกว่าที่พวกเขาทั้งสองคนจะสามารถจัดการได้เองมันทำให้หญิงสาวต้องตัดสินใจทำบางอย่างเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้สำเร็จในขณะเดียวกันมีชายหนุ่มซึ่งเป็นลูกคนโตในครอบครัวอังกฤษคนหนึ่งที่มีชื่อว่าวิลเลี่ยมเขานั้นอยากที่จะเข้าร่วมการเกณฑ์ทหารเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของสงครามเนื่องจากเขาหวังว่าเขานั้นจะได้สร้างชื่อเสียงและกลายเป็นฮีโร่และเขาก็ได้กลายเป็นทหารในการบังคับบัญชาของโทนี่ได้สำเร็จ
แต่หลังจากที่เข้าสู่สนามรบเขาก็ต้องพบเจอกับสิ่งที่ไม่คาดฝันทุกอย่างผิดพลาดและทำให้เขานั้นต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากการเป็นฮีโร่สู่การเอาชีวิตรอดจากเหล่ากองทัพนาซีส่วนคนสุดท้ายคือชายที่ตัดสินใจหันหลังให้ครอบครัวมาเป็นทหารของกองทัพนาซีอย่างมานัสต้องยอมรับว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นไม่ใช่ว่าชาวเยอรมันทุกคนก็เห็นงามด้วยกับสิ่งที่นาซีทำ แต่อย่างใดการเข้าร่วมกับกองทัพในครั้งนี้แม้ว่ามันจะขัดใจครอบครัวของเขา แต่มันเป็นเพียงแค่วิธีการที่จะทำให้เขาสามารถเอาชีวิตรอดกลางสภาวะที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังเท่านั้น
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Forgotten Battle
The Forgotten Battle เป็นภาพยนตร์ที่สามารถสะท้อนผลกระทบที่ส่งต่อทั้งพลเรือนและทหารออกมาได้เป็นอย่างดีเราจะเห็นว่าตัวละครหลักทั้ง 3 ตัวในเรื่องนั้นประกอบไปด้วยพลเรือนที่อยู่ภายใต้การปกครองของนาซีทหารนาซีเองและทหารฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเรื่องราวทั้งหมดนั้นจะอยู่ในช่วงที่มีการทำยุทธการในแม่น้ำเกลความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือฉากการต่อสู้ในสงครามมันไม่ทำให้เรารู้สึกเมามันส์หรือตื่นเต้นแต่อย่างใด
แต่มันกลับทำให้เรานั้นรู้สึกหดหูและสะเทือนใจมากกว่าความโหดร้ายที่ทั้งทหารและพลเรือนจะต้องรับจากการต่อสู้ที่พวกเขาไม่ได้ต้องการการถ่ายทอดเรื่องราวนั้นสามารถทำออกมาได้ดีเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศโดยรวมนักแสดงที่สามารถถ่ายทอดทุกอย่างออกมาได้ผ่านทางสายตาเสียงประกอบมันแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดความหวาดกลัวและความสิ้นหวังที่จะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาให้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือ
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการบอกเล่าเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านมุมมองของคนยุโรปไม่ใช่คนฝั่งญี่ปุ่นเยอรมันหรือสหรัฐอเมริกาแบบที่ภาพยนตร์แนวสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนใหญ่นิยม แต่อย่างใดมันจึงเป็นการทำให้เราได้เห็นภาพโดยรวมของสงครามอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้นไปอีกใครที่ชอบเรื่องราวภาพยนตร์แนวดราม่าชีวิตเราขอแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้เลย
ตัวอย่างหนัง The Forgotten Battle
รีวิว หนัง The Forgotten Battle บางส่วนจาก playinone
The Forgotten Battle (สงครามที่ถูกลืม) ภาพยนตร์ดราม่าสงครามสัญชาติดัตช์ (เนเธอร์แลนด์) สะเทือนอารมณ์ที่สร้างมาเพื่อผลประโยชน์ในการปลุกใจของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ปี 2020 ในการหยิบนำประวัติศาสตร์อันโหดร้ายในช่วงก่อนสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1944 ช่วงเวลาที่แสนสิ้นหวังที่ยากจะลืมเลือนที่ทุกคนในตอนนั้น ต่างทำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายและการมีชีวิตรอดของตัวเอง จากผลงานของผู้กำกับ Matthijs van Heijningen Jr. ที่เคยฝากผลงานมฤตยูอสูรใต้โลกใน The Thing พร้อมการแสดงนำร่วมของ ทอม เฟลตัน เจ้าของบท เดรโก มัลฟอย ที่โด่งดังจากแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ และดารานำจากยุโรปสองสัญชาติ โดยภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์สูงมากจากหลายสำนักวิจารณ์ ก่อนหนังจะถูกซื้อมาฉายในเน็ตฟลิกซ์ มีแค่ซับไทยเท่านั้น
เรื่องราวของสามชีวิต สามเชื้อชาติยุโรป ในปี 1944 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรและอักษะ ก่อนหน้าเหตุการณ์สำคัญที่พลิกประวัติศาสตร์โลกผ่านตัวละครเทิน หญิงสาวชาวดัตช์ที่ทำงานเป็นข้าราชการในเมืองที่กำลังถูกปกครองโดยกองทัพนาซีและคาดหวังให้อนาคตที่จะได้อิสรภาพคืนมา กระทั่งน้องชายของเธอได้เข้าไปพัวพันกับเรื่องราวที่ร้ายแรงและทำให้เธอต้องตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง วิลเลี่ยม ชายหนุ่มลูกคนใหญ่คนโตชาวอังกฤษที่อยากเข้าร่วมสงครามเพื่อจะได้มีชื่อและเป็นฮีโร่โดยมีโทนี่ ผู้บังคับบัญชาคอยห้ามปรามและคอยดูแล กระทั่งการเดินทางไปยังสนามรบผิดพลาดและเปลี่ยนเขาจากการเป็นวีรบุรุษกลายเป็นการเอาชีวิตรอดจากกองทัพนาซี และคนสุดท้าย มารินัส ชายที่หันหลังให้กับครอบครัวเพื่อมาเป็นทหารฝั่งนาซีที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อมีชีวิตอยู่ในยามที่ทุกอย่างดูสิ้นหวัง ทั้งสามชีวิตไม่รู้ตัวเลยว่า ชีวิตของพวกเขาจะถูกร้อยเรียงและพันผูกไปสู่บทสรุปอันน่าสลดและสะเทือนใจที่ถูกทำให้ลืมเลือนหายจากโลกใบนี้
แม้เรื่องราวจะเล่าผ่านประวัติศาสตร์ที่เล่าถึงเหตุการณ์สงครามจริง ยุทธการที่แม่น้ำสเกลต์ แต่หนังกลับไม่ได้เล่าเรื่องสงครามที่ยิ่งใหญ่อย่างที่เราเข้าใจ แต่เป็นชีวิตดราม่าของตัวละครสมมติทั้งสามคนที่ต่างเป็นตัวเอกของเรื่องราวตัวเอง และปะทะกันในแง่ของอุดมการณ์ที่เป็นเหตุผลของชื่อเรื่อง ก่อนที่หนังจะพาเราไปพบกับเรื่องราวความโหดร้ายในสายตาของพวกเขา ความสูญเสีย ความเจ็บปวด ความหวาดกลัว ความสิ้นหวังที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนไปตลอดกาล และเป็นมุมมองของชาวยุโรปที่เราไม่ค่อยได้เห็นมากนักในภาพยนตร์สงครามที่ชอบเน้นเรื่องราวของอเมริกาหรืออังกฤษ แต่เรื่องนี้จะกระจายบทให้เห็นชีวิตและความเป็นอยู่ของพวกเขาที่ไม่ได้สนใจ ต่างเห็นแก่ตัว เพื่อครอบครัว เพื่อตัวเอง จนสุดท้ายพวกเขาก็ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อแก้แค้น เพื่อมีชีวิตรอด เพื่อพิสูจน์ตัวเอง
หนังจะเล่าชีวิตความดราม่าที่ค่อนข้างหดหู่ บีบคั้น กดดัน ไร้ความหวังโดยเฉพาะช่วงกลางเรื่อง ไม่มีเรื่องของความโชคดี มีแค่ชีวิตที่ไม่แน่นอน ความทรงเกียรติและฉากหลังของผู้คนในช่วงสงคราม ก่อนที่ช่วงท้ายจะกลายเป็นหนังผจญภัยเอาชีวิตรอดเล็ก ๆ พร้อมไคลแม็กซ์สั้น ๆที่ยิ่งใหญ่ในฉากการต่อสู้ในสงครามที่ไม่ได้เวอร์วัง แต่ก็ทรงพลังในแบบของหนังดราม่าที่ยังคงไว้ซึ่งประเด็นที่ชัดเจนตรงไปตรงมา ไม่มีกั๊ก ไม่ลังเลเหมือนตัวละครในหนัง จนทำให้อาจทนไม่ได้ เพราะความรุนแรงและสะเทือนขวัญ และบทสรุปที่สูตรสำเร็จเพราะเรารู้ว่าสงครามจบลงอย่างไร ซึ่งทำให้เราเข้าใจเลยว่า บางครั้งชีวิตที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน อาจจะมีชะตากรรมให้ร่วมเผชิญหน้าฝ่าฟันกับอุปสรรคได้อย่างคาดไม่ถึงเลย
ตัวละครของเรื่องมีตั้งแต่ขาวจนไปถึงเทาดำ ๆ นอกจากพวกทหารที่เป็นเหมือนตัวละครสมทบ ก็คงจะมีเทิน ตัวละครเอกสาวชาวดัตช์ จังหวัดเซลันด์ ที่เป็นเหมือนใจกลางสำคัญของเรื่องราวเพราะเป็นคนที่อยู่ในสถานการณ์ ที่สนใจแค่การทำให้ครอบครัวปลอดภัยจากการถูกคุกคาม จนยอมละทิ้งได้แม้กระทั่งชีวิตคนบริสุทธิ์ ตัวละครนี้จะค่อนข้างฉลาด และเก็บอารมณ์เก่ง แต่พอถึงเวลาที่ทนไม่ไหวเธอก็น่าสงสารเอามาก ๆ และทำให้เราอยากรู้ว่าชีวิตของผู้หญิงคนนี้ในสงครามจะเป็นอย่างไร เธอจะรอดจากการไล่ล่าได้มั้ย วิลเลี่ยม หนุ่มอังกฤษมาดกวนที่มั่นใจในตัวเอง ไม่กลัวที่จะตายในสงครามเพราะเชื่อว่าตัวเองมีฝีมือมากพอ และมีเส้นสายเป็นลูกของคนใหญ่คนโต แต่เมื่อเขาต้องพบเจอกับสถานการณ์จริง เขากลับต้องตัดสินใจที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตที่ทำให้เขากลายเป็นทหารอย่างแท้จริง
ที่พร้อมจะดิ้นรน และยอมรับความโหดร้ายของสงคราม และปล่อยวางกับทุกสิ่งอย่าง แม้ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปมากแค่ไหนก็ตาม และคนสุดท้าย มารินัส ที่เป็นตัวละครที่น่าสนใจที่สุด เพราะเขาไม่ได้เป็นตัวละครประเภททหารที่สู้เพื่อความถูกต้อง แต่ใช้ชีวิตเพื่อการอยู่รอด ยอมละทิ้งคนอื่นเพื่อให้ตัวเองมีชีวิต ทำทุกอย่างตามคำสั่ง แม้แต่สังหารคน จนกระทั่งเวลาผ่านไป เขาก็ได้เห็นถึงความโหดร้ายที่แท้จริงในสงคราม แต่ก็ยังลำบากใจที่จะละทิ้งความสบายเพื่อสิ่งในถูกต้อง ซึ่งตัวละครนี้บทอาจจะน้อยที่สุดแต่ก็ทำให้เห็นความเป็นมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวจนหลุดพ้นได้ดีเลยทีเดียว ทุกตัวละครที่เหลือต่างก็มีแรงจูงใจและแรงผลักดันในการทำทั้งในสิ่งที่ดีและไม่ดี แต่นั่นเพราะพวกเขาเชื่อแบบนั้น และมันก็ทำให้ชีวิตพวกเขาต้องได้เจอบทเรียนที่ยากจะลืมเลือนทั้งนั้น
ประเด็นสำคัญจริง ๆ เลยของเรื่องนี้ เราเป็นมนุษย์ แต่ทำไมยังหยิบปืนมายิงเพื่อดินแดน สงครามมันก่อให้เกิดผลดีอะไร นอกจากการได้ยึดครองแผ่นดินเพิ่มเพื่อทรัพยากร ความสูญเสียและความอาฆาตแค้นไม่มีสิ้นสุด แทนที่จะช่วยเหลือกัน หาทางประนีประนอม แต่มนุษย์ก็เลือกจะทำสงครามเพื่อให้ได้มาในศักดิ์ศรีและสิ่งที่ต้องการจนสุดท้ายก็กลายเป็นไฟที่รุกราวชีวิตของประชาชนคนบริสุทธิ์ที่พยายามจะดิ้นรนให้พ้นจากวังวนไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็ตาม
playinone