ชื่อเรื่อง | Pokemon Detective Pikachu |
เรตติ้ง | 6.6 |
นักแสดง | Ryan Reynolds,Justice Smith,Kathryn Newton |
จำนวนตอน | 1.44 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง Pokemon Detective Pikachu Netflix
รีวิวหนัง Pokemon Detective Pikachu Netflix เมื่อปิกาจูกลายมาเป็นยอดนักสืบสุดป่วน การ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องนั้นประสบความสำเร็จอย่างงดงามจะมีการนำเอาไปสร้างเป็นภาพยนตร์ Live Action หรือนำเอาไปสร้างเป็นอนิเมชั่นมากมาย แต่มีการ์ตูนเพียงแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่เป็นตำนานที่ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเป็น 10 ปีแต่ผู้คนก็ยังนิยมชมชอบ ไม่ว่าจะสร้างอะไรออกมาหากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการ์ตูนเรื่องนี้ก็จะยังได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีอยู่เสมอ หนึ่งในนั้นก็คือการ์ตูนเรื่องโปเกมอน การ์ตูนที่ทำให้เด็กหลายคนอยากจะให้โปเกม่อนมีจริงบนโลกใบนี้ เพราะพวกมันเต็มไปด้วยความสามารถในการต่อสู้แถมยังมีรูปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความน่ารักอีกด้วย
และภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองรับชมกันในวันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของการ์ตูนเรื่องโปเกมอนอย่าง Pokemon Detective Pikachu แต่การ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นแต่อย่างใด มันยังคงเป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดงที่มีการผสมผสานการใช้อนิเมชั่นเฉพาะตัวโปเกม่อนเข้ามา ไม่เพียงเท่านั้นเรื่องราวภายในภาพยนตร์ยังไม่ได้เล่าถึงเรื่องราวเช่นเดียวกับในอนิเมชั่นหรือในการ์ตูนที่เราเคยรับชมด้วย เพราะปิกาจูในครั้งนี้จะมาในฐานะของนักสืบตัวป่วนที่เต็มไปด้วยความน่ารักและความแสบสันต์
ความโดดเด่นของอนิเมชั่นเรื่องนี้ตั้งแต่มีตัวอย่างเปิดออกมาก็คือความน่ารักของเหล่าปิกาจูที่ถึงแม้ว่าจะมาในลักษณะของงานภาพอนิเมชั่นแต่ก็เน้นความสมจริงเป็นหลัก สำหรับใครที่อยากรู้ว่าถ้าโปเกม่อนมีจริงบนโลกใบนี้มีลักษณะรูปร่างของพวกมันจะเป็นอย่างไร ภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้คำตอบแก่คุณได้อย่างแน่นอน ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอเพียงแค่ปิกาจูตัวเดียวเท่านั้น แต่ยังขนกองทัพโปเกม่อนให้เราได้เห็นอีกมากมาย หากคุณเป็นแฟนการ์ตูนเรื่องโปเกมอนแล้วไม่ควรพลาดภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเด็ดขาด เพราะมันจะเติมเต็มความฝันให้กับคุณได้อย่างแน่นอน
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Pokemon Detective Pikachu
Pokemon Detective Pikachu จะเล่าถึงเรื่องราวโลกในอนาคตที่ทุกคนล้วนแล้วแต่มีโปเกม่อนประจำตัวกันทั้งนั้นเป็นเรื่องปกติเปรียบเสมือนกับสัตว์เลี้ยงในอดีต แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่ได้มีโปเกม่อนประจำตัวแต่อย่างใด เพราะเขามีปมในจิตใจตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กว่าเขาถูกโปเกม่อนแย่งทั้งความรักและเวลาที่พ่อควรจะมีให้กับเขาไปจนหมดสิ้น ประกอบกับการที่แม่ของเขาเสียชีวิตไปทำให้เขากลายเป็นเด็กที่แทบจะไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับคนในครอบครัวเลยแม้แต่น้อย
แต่แล้วในวันหนึ่งเขาก็ได้พบเข้ากับปิกาจูซึ่งเป็นโปเกม่อนประจำตัวเก่าของพ่อเขา ปกติแล้วคนธรรมดาทั่วไปจะไม่สามารถฟังที่โปเกม่อนสื่อสารออก แต่ชายผู้นี้กลับฟังออกอย่างชัดเจนแถมยังสามารถโต้ตอบกับเหล่าโปเกม่อนได้เหมือนกับคุยกับคนธรรมดาทั่วไปอีกด้วย การที่เขาสามารถฟังโปเกม่อนออกทำให้ปิกาจูรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก และมันก็ทำให้ทั้งสองคนได้พบเรื่องราวสุดป่วนด้วยกันมากมาย เพราะปิกาจูตัวนี้เป็นนักสืบที่เต็มไปด้วยความวายป่วง ทำให้อคติของชายหนุ่มที่มีต่อเหล่าโปเกม่อนลดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด ไม่เพียงเท่านั้นมันยังทำให้เขาได้รับรู้ถึงสัจธรรมบางอย่างอีกด้วย
สำหรับใครที่ชอบปิกาจูจะต้องชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอนเพราะเราจะได้เห็นปิกาจูในงานภาพที่เต็มไปด้วยความสมจริงไม่ว่าจะเป็นขนปุกปุยหรือตัวที่อ้วนป้อมของมันแทบจากตลอดเวลาและแทบจะทุกฉากในภาพยนตร์ เรียกได้ว่าเราจะได้เห็น Pokemon เหล่านี้แบบเต็มอิ่มกันอย่างแน่นอน ที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือโปเกม่อนแต่ละตัวจะยังคงจุดเด่นของพวกมันแบบเดียวกับในการ์ตูนแบบไม่มีผิดเพี้ยน ไม่ว่าจะเป็นลักษณะนิสัย วิธีการโจมตี ทักษะในการโจมตี
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Pokemon Detective Pikachu
ก่อนหน้านี้เคยมีภาพยนตร์มากมายหลากหลายเรื่องที่พยายามที่จะใช้วิธีการถ่ายทำแบบคนแสดงแล้วนำเอามาใส่ภาพอนิเมชั่นการ์ตูนในภายหลัง แต่ส่วนใหญ่ผลงานที่ออกมานั้นไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าที่ควรเพราะมันเต็มไปด้วยความไม่สมจริง มีฉากลอยๆ เต็มไปหมด การสื่อสารระหว่างผู้แสดงกับอนิเมชั่นบางครั้งก็ไม่เชื่อมต่อกันเท่าที่ควร แต่สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Pokemon Detective Pikachu ถือว่าสามารถทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ งานภาพคอมพิวเตอร์กราฟิกไม่มีหลุดลอยจนดูไม่สมจริงแต่อย่างใด มีความละเอียดคมชัดสูง สามารถทำให้ตัวละครโปเกม่อนจากงานภาพ 2 มิติกลายเป็นงานภาพ 3 มิติที่มีความสมจริงได้เป็นอย่างดี เราอาจจะไม่ทันคิดว่าความจริงแล้วปิกาจูนั้นมีลักษณะคล้ายกระต่ายที่มีขนฟูเพราะการเป็นการ์ตูนฉบับ 2 มิติไม่ได้บ่งบอกถึงรายละเอียดเรื่องนั้น แต่ภาพยนตร์ก็ได้ใส่รายละเอียดเหล่านี้เข้ามาจนทำให้เรารู้สึกถึงความสมจริงได้มากยิ่งขึ้น
ในส่วนของการดำเนินเนื้อเรื่องนั้นสามารถทำออกมาได้กำลังพอดีระหว่างความตลกและฉากต่อสู้ เรื่องราวและการนำเอาคาแรคเตอร์มาใช้นั้นสามารถเคารพต้นฉบับได้เป็นอย่างดี เนื้อเรื่องค่อนข้างเบา สามารถรับชมได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แม้ว่าภาพยนตร์จะไม่ได้กระจายบทบาทให้ตัวละครอื่นๆ มีความสำคัญเทียบเท่ากับพระเอกและนางเอก แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่จะสามารถมอบความสนุกสนานและความสุขกับคุณได้อย่างแน่นอน
ตัวอย่างหนัง Pokemon Detective Pikachu
รีวิว หนัง Pokemon Detective Pikachu บางส่วนจาก beartai
จากมันสมองของ ซะโตชิ ทะจิริ ประธานบริษัทโปเกมอน ที่ให้กำเนิดโปเกมอน หรือ พ็อคเกตมอนสเตอร์ ตั้งแต่รูปแบบเกมบอยเมื่อปี 1996 จนแตกหน่อต่อยอดกลายเป็นทั้งมังงะ อนิเมะซีรีส์ การ์ดเกม ฯลฯ จนถือเป็นคอนเทนต์ที่ทำรายได้ให้ นินเทนโด ได้เป็นอันดับสองรองจาก มาริโอ และคาแรกเตอร์หมื่นล้านประจำเกมอย่างเจ้า พิคาชู มอนสเตอร์สีเหลืองที่รูปร่างคล้ายกระรอกผสมแมวก็ระบาดสร้างความคลั่งไคล้ไปทั่วโลกดังจะเห็นได้จากสินค้าที่ซื้อสิทธิเมอร์แชนไดส์มากมาย จนสามารถมีเกมของตัวเองในชื่อ Detective Pikachu วางขายเมื่อปี 2016 ซึ่งก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามและได้กลายเป็นต้นธารให้กับหนัง Pokemon Detective Pikachu ฉบับนี้อีกด้วย
ตัวหนังได้ ร็อบ เลตเทอร์แมน ซึ่งผลงานทั้งอนิเมชั่นดังอย่าง Shark Tales (2004) และ Monsters vs. Aliens (2009) และหนังไลฟ์แอ็คชั่นสุดฮิตอย่าง Goosebumps (2015) มากุมบังเหียน ซึ่งดูจากชื่อก็น่าจะพอเชื่อมือได้ว่าจะถ่ายทอดโลกแฟนตาซีออกมาได้น่าตื่นตาตื่นใจแน่นอน ซึ่งผลลัพธ์ก็ไม่ผิดจากที่คาดหวังนัก คือต้องยอมรับว่า ร็อบ ให้ทุกอย่างที่คนดูอยากเห็นโดยเฉพาะเหล่า พ็อคเกตมอนสเตอร์ ที่ถอดแบบมาจากเกมและสื่อต่างๆในจักรวาลโปเกมอนชนิดที่ว่าเห็นหน้าปุ๊บเหล่าเทรนเนอร์มีกรี๊ดแน่นอน ยิ่งได้กระแสจากเกม Pokemon Go! เกม AR ที่ฮิตระเบิดสร้างปรากฎการณ์คนเดินตกท่อ-รถหวิดประสานงาทั่วโลกเมื่อ2-3 ปีก่อนด้วยแล้วก็ยิ่งทำให้โลกของโปเกมอนใกล้ชิดกับเหล่าเกมเมอร์มากขึ้น และก็เหล่าคาแรกเตอร์สุดน่ารักของโปเกมอนนี่แหละคือข้อดีหลักซึ่งก็กลายเป็นว่าตัวหนังทำออกมาดูเด็กน้อยมากๆ จนอาจให้คะแนนความเด็กน้อยทะลุปรอทยิ่งกว่าอนิเมะซีรีส์เสียอีกนะ 555
เมื่อวัดข้อดีข้อเสียของหนังแล้วก็ต้องบอกว่า Pokemon Detective Pikachu อาจไม่ใช่หนังจากเกมที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยมันก็รู้จักใช้ประโยชน์ของคาแรกเตอร์น่ารักๆจากเกมมาสร้างความบันเทิงได้เป็นอย่างดี เสียดายแค่บทหนังอาจจะต้องคราฟต์มากกว่านี้ ให้รายละเอียดหรือสร้างเรื่องราวให้เหมาะกับการมีอยู่ของคาแรกเตอร์จากเกมมากกว่าแค่นำเสนอความน่ารักผ่านๆ เชื่อว่าหนังจะออกมาลงตัวมากกว่านี้ แต่เชื่อเถอะว่านี่เป็นหนังที่คุณพ่อคุณแม่น่าจะอยากพาเจ้าตัวน้อยมาสนุกกันทั้งครอบครัวในโรงภาพยนตร์แน่นอน
beartai