ชื่อเรื่อง | LOOK BOTH WAYS |
เรตติ้ง | 6 |
นักแสดง | Lili Reinhart,Danny Ramirez |
จำนวนตอน | 1.50 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง LOOK BOTH WAYS
รีวิวหนัง LOOK BOTH WAYS ภาพยนตร์แนวดราม่าที่นำเอาแนวทางการเล่าเรื่องเก่ามารีไซเคิลใหม่ เมื่อเราเติบโตขึ้นจนถึงช่วงอายุหนึ่งแน่นอนว่าทุกคนต้องเผชิญกับทางแยกในชีวิตที่ต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป เส้นทางแยกใหญ่ที่จะส่งผลต่ออนาคตข้างหน้าไปอีกหลายสิบปีหรืออาจจะส่งผลไปจนถึงวันตายของเราเลยก็เป็นได้ มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ต้องตัดสินใจให้ดีและพิจารณาว่าตนเองนั้นต้องการอะไรกันแน่ ซึ่งต้องยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อยกับการตัดสินใจเรื่องใหญ่ในชีวิต เพราะแม้แต่ผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์มากมายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทางเลือกเหล่านี้ก็ยังคิดไม่ตกเช่นเดียวกัน
ภาพยนตร์แนว COMING OF AGE จึงกลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมเพราะมันได้แสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนผ่านและทางแยกที่ตัวละครจะต้องตัดสินใจเลือกเดิน มันจะเต็มไปด้วยเรื่องราวความสามารถและความน่าประทับใจที่ไม่สามารถหาได้ในภาพยนตร์แนวอื่น และหากคุณชอบภาพยนตร์แนวนี้เราขอแนะนำภาพยนตร์เรื่อง LOOK BOTH WAYS ภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการเติบโตของเด็กสาวคนหนึ่งด้วยโครงสร้างภาพยนตร์เหมือนกับที่เราเคยรับชมในอดีตแต่นำเอาแนวทางการเล่าเรื่องแบบนั้นมารีไซเคิลเล่าใหม่ให้เป็นเรื่องราวในยุคปัจจุบัน
หนังดราม่า โรแมนติก
สิ่งที่ตามมาก็คือคำถามว่าการนำเอาการเล่าเรื่องสไตล์เก่ามารีไซเคิลใหม่ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันนั้นมันจะโอเคหรือไม่ เพราะการทำแบบนี้ก็แทบจะไม่แตกต่างอะไรกับการใช้วิธีการเล่าเรื่องราวแบบสูตรสำเร็จ หากรับชมภาพยนตร์เรื่อง SLIDING DOORS ในปี 1998 มาก่อน คุณจะสัมผัสได้เลยว่าเค้าโครงเรื่องราวนั้นแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างกัน เหมือนการหยิบเอาหนังเก่ามารีเมคอีกครั้งภายใต้ชื่อใหม่ในยุคสมัยที่ใหม่มากขึ้นกว่าเดิม วันนี้เราจะพาคุณไปหาคำตอบกันว่าภาพยนตร์รีไซเคิลเรื่องนี้เวิร์คหรือไม่ เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง LOOK BOTH WAYS
LOOK BOTH WAYS เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนก่อนวันรับปริญญา เด็กวัยรุ่นทุกคนที่ใกล้จะจบการศึกษาล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความสุขที่จะได้สัมผัสกับชีวิตที่เป็นผู้ใหญ่ มีอิสระในการตัดสินใจและได้ทำงานตามที่ตนเองต้องการซักทีหลังจากที่รอคอยมาอย่างยาวนาน แต่เด็กสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่านาตาลีกับต้องเผชิญกับเหตุการณ์ใหญ่ที่ทำให้เธอต้องเลือกว่าจะดำเนินชีวิตหลังจากนี้ต่อไปอย่างไรดี
มี 2 ทางเลือกใหญ่ที่เธอจะต้องเลือกและแต่ละทางนั้นก็ดูเหมือนจะมีความสำคัญไม่แพ้กัน ทางเลือกแรกเธอพบว่าตนเองนั้นกำลังตั้งครรภ์และตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปในเมืองบ้านเกิดของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่ามันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและไม่ได้เกิดการพัฒนาขึ้นแต่อย่างใด ส่วนอีก 1 เส้นทางเธอไม่ได้ตั้งครรภ์และตัดสินใจที่จะย้ายไปอยู่ในเมืองใหญ่อย่างลอสแอนเจลิส เมืองที่พร้อมจะมอบโอกาสในการเติบโตทั้งในสายอาชีพและพัฒนาตนเองให้ไปไกลได้มากขึ้นกว่าเดิม
แต่สิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างจากวัยรุ่นคนอื่นที่กำลังเผชิญกับทางเลือกในชีวิต นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอได้ไปสัมผัสกับทางเลือกทั้ง 2 ทางว่ามันจะพาเธอไปถึงจุดไหน ประสบการณ์ที่ได้จากทั้ง 2 ทางเลือกนั้นแตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นการได้เป็นคุณแม่หรือแม้แต่การที่ได้เดินตามความฝันพี่ต้องการจะเป็นศิลปินเองก็ตาม เหตุการณ์ในครั้งนี้จะทำให้เธอได้ค้นพบกับตัวตนและคำตอบบนทางแยกที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตเธอหรือไม่ ต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์ และนี่คือความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง LOOK BOTH WAYS
LOOK BOTH WAYS เป็นภาพยนตร์ของผู้กำกับใหม่ดาวรุ่งจากเคนยาอย่างวานุริ คาฮุยที่คว่ำหวอดอยู่ในวงการเบื้องหลังมาอย่างยาวนานหลายปี ก่อนจะได้มาทำภาพยนตร์เป็นของตัวเองในเชิงพาณิชย์เรื่องแรกอย่างเต็มตัว ซึ่งต้องยอมรับกันตามตรงว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ยังไม่สามารถออกจาก COMFORT ZONE ได้สักเท่าไหร่ ยังคงเล่าแบบปลอดภัย ยังไงก็ขายได้แน่นอน ดังนั้นสิ่งที่ขาดไปจึงเป็นความแปลกใหม่และความน่าสนใจที่ควรจะมีมากกว่านี้
ยิ่งเป็นการนำเอาภาพยนตร์เก่าที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามมาดัดแปลงรีไซเคิลให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันโดยวิธีการเล่าเรื่องที่แยกออกเป็น 2 เส้นทาง ยิ่งทำให้ผู้ที่รับชมภาพยนตร์แนวนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้งอาจรู้สึกเบื่อได้ ทั้งที่การเล่าเรื่องแนวนี้มีความน่าสนใจตรงที่ว่าจะเลือกทางแยกไหนก็ล้วนแล้วแต่สำคัญและส่งผลกระทบต่อชีวิตที่สร้างความดราม่าได้เป็นอย่างดี แต่โครงเรื่องรวมไปถึงประเด็นค่อนข้างน่าเบื่อและไม่สามารถดึงดูดให้ผู้รับชมอยากจะรับรู้เหตุการณ์ต่อไปได้ถึงขนาดนั้น มันจึงเป็นภาพยนตร์ที่มีทิศทาง สามารถเล่าเรื่องได้แบบเพลินๆ แต่ไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นถึงขั้นที่น่าจดจำ
ดังนั้นตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมงที่รับชมมันจึงเหมือนกับการดูชีวิตของเด็กสาวคนหนึ่งที่ต้องเลือกว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรเท่านั้น ไม่มีจุดที่ทำให้รู้สึกว่าขึ้นไปจนถึงขีดสุดของอารมณ์ ดำเนินเรื่องราวไปแบบเฉื่อยชาอย่างน่าเสียดายทั้งที่แนวคิดของภาพยนตร์ออกจะน่าสนใจถึงขนาดนั้น การเล่าเรื่องที่ทำออกมาได้ไม่ดีพอมันจึงไม่สามารถทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไปถึงฝั่งฝันสำเร็จ
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นภาพยนตร์แนวดราม่าที่เล่าเรื่องราว COMING-OF-AGE ออกมาได้ค่อนข้างจืดชืด ไม่มีความโดดเด่นหรือจุดพีคอะไรที่น่าสนใจถึงขนาดนั้น การเล่าเรื่องราวเป็นไปแบบเส้นตรง แต่ถึงอย่างนั้นประเด็นก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเช่นเดียวกัน เสียตรงที่วิธีการเล่าเรื่องราวยังทำออกมาได้ไม่สนุกสักเท่าไหร่ แม้ว่าจะมีการหยิบยกนำเอารูปแบบการเล่าเรื่องของภาพยนตร์คลาสสิกมาใช้แต่ก็ยังไม่สามารถพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไปได้อย่างตรงจุดเท่าที่ควร