ชื่อเรื่อง | Below Zero Netflix |
เรตติ้ง | 6.2 |
นักแสดง | Javier Gutiérrez, Karra Elejalde, Luis Callejo |
จำนวนตอน | 1.46 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง Collective
รีวิวหนัง Collective ภาพยนตร์สารคดีจากผู้กำกับชาวไทยสู่การเข้าชิงรางวัลออสการ์ รางวัลในวงการอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงนั้นมีเป็นจำนวนมาก ทั้งในแต่ละประเทศหรือแม้แต่ในระดับโลก โดยรางวัลสำหรับสาขาภาพยนตร์ที่ผู้คนรู้จักกันมากที่สุดและเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่เราไม่เคยคาดคิดว่าคนไทยจะสามารถมีชื่อเข้าชิงได้นั่นก็คือรางวัลออสการ์
เป็นรางวัลที่ให้กับภาพยนตร์ที่มีความสุดยอดในด้านต่างๆ อย่างเช่นงานภาพ เสียงประกอบ ผู้กำกับ หรือนักแสดง เป็นรางวัลที่หากภาพยนตร์เรื่องใดสามารถคว้าไปได้แล้วล่ะก็จะสามารถการันตีได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นเต็มไปด้วยคุณภาพอย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นมันยังเป็นรางวัลที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับทางผู้กำกับ นักแสดง และกลุ่มทีมงานอีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่องไหนที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้เยอะภาพยนตร์เรื่องนั้นก็จะยิ่งเป็นที่รู้จักในระดับโลกมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้รางวัลดังกล่าวจึงเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่เป็นความฝันของกลุ่มผู้ผลิตภาพยนตร์ทุกคน แต่อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ส่วนใหญ่ที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้นั้นส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากค่ายภาพยนตร์ชื่อดังหรือจากผู้กำกับมากฝีมือที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก
ทำให้ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ที่ได้รับรางวัลมักจะเป็นภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ดหรือกลุ่มทีมผู้สร้างจากแถบประเทศฝั่งตะวันตก ในฝั่งเอเชียนั้นช่วงหลังมานี้ก็เริ่มมีภาพยนตร์ที่สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นภาพยนตร์เรื่องปรสิตจากประเทศเกาหลีใต้ แต่สำหรับภาพยนตร์ในประเทศไทยนั้นส่วนใหญ่แล้วที่เอาไปออกฉายตามเทศกาลรางวัลภาพยนตร์ ก็มักจะเป็นภาพยนตร์แนวล่ารางวัลซึ่งไม่ใช่ภาพยนตร์แนวที่คนไทยชื่นชอบเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันมีแนวโน้มที่ความนิยมภาพยนตร์ในประเทศไทยนั้นจะเริ่มเปลี่ยนไป โดยหันมาให้ความสนใจภาพยนตร์คุณภาพที่สร้างออกมาเพื่อล่ารางวัลมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นสารคดีที่มีกระแสเป็นที่พูดถึงเมื่อไม่นานมานี้อย่างเอหิปัสสิโก ภาพยนตร์ที่นำเอาเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธศาสนาในประเทศไทยมาตีแผ่และบอกเล่าในเชิงสารคดี
ในครั้งนี้ผู้กำกับมากฝีมือที่เคยฝากผลงานไว้ในภาพยนตร์สารคดีเรื่องดังกล่าวได้ออกมาทำภาพยนตร์สารคดีอีกหนึ่งเรื่องที่สามารถเข้าชิงรางวัลออสการ์ได้ถึง 2 รางวัล เขาคนนั้นก็คือก้อง ฤทธิ์ดี และผลงานที่ว่านี้คือผลงานที่ชื่อว่า Collective
เรื่องราวในภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Collective
Collective เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของนักข่าวแนวสืบสวนสอบสวนที่ได้เข้าไปสืบหาข้อมูลและขุดคุ้ยจนพบว่าโรงพยาบาลรัฐในประเทศโรมาเนียนั้นได้ซื้อน้ำยาฆ่าเชื้อชนิดเจือจางและยังเป็นแบบที่ไม่มีมาตรฐานเป็นจำนวนมหาศาล และนั่นอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลดังกล่าวต้องเสียชีวิตลง จากนั้นเขาก็เริ่มสืบหาข้อมูลลึกลงไปจนได้พบกับการบริหารที่เต็มไปด้วยความเศร้าและล้มเหลว
ในขณะเดียวกันอดีตชายหนุ่มที่เคยออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิของผู้ป่วยนั้นก็ได้รับการแต่งตั้งให้กลายเป็นรัฐมนตรีสาธารณสุขหลังจากที่รัฐมนตรีคนเก่านั้นถูกเผยแพร่ข้อมูลที่ทำงานไม่โปร่งใสจนต้องลาออกไป เขานั้นจึงพยายามต่อสู้อย่างหนักเพื่อทำการแก้กฎระเบียบต่างๆ ที่ทำให้ระบบเต็มไปด้วยความเน่าเฟะ เพื่อให้ระบบสาธารณสุขของประเทศกลับมามีประสิทธิภาพอีกครั้ง
ทำให้การทำงานของทั้งสองชายหนุ่มมีศัตรูคนเดียวกันนั่นก็คือระบบ โดยภาพยนตร์นั้นจะบอกเล่าถึงการต่อสู้ของคนภายนอกที่มีวิชาชีพเกี่ยวกับการสื่อสารและการเป็นสื่อสาธารณะที่สามารถกุมอำนาจในการเปิดเผยข้อมูลความจริงออกมาให้กับสาธารณชนได้รับทราบ ในขณะอีกคนหนึ่งนั้นเป็นคนที่ต้องต่อสู้กับระบบภายใน แม้ว่าเขาจะมีอำนาจมากแค่ไหนก็ตามแต่มันก็ไม่ง่าย เพราะด้วยระบบที่เน่าเฟะทำให้การใช้อำนาจอย่างมิชอบและการติดสินบนกลายเป็นเรื่องปกติ
ความเป็นมาของภาพยนตร์เรื่อง Collective
Collective เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศโรมาเนีย เป็นภาพยนตร์ที่สามารถวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับระบบการปกครองและการบริหารประเทศออกมาได้อย่างเจ็บแสบ จนถึงขั้นที่มีคนขนานนามภาพยนตร์เรื่องนี้เอาไว้ว่าเป็นภาพยนตร์ชาติ เพราะมันจะออกมาเปิดเผยระบบการทำงานของข้าราชการที่เต็มไปด้วยความเน่าเฟะ
ไม่ว่าจะเป็นระบบกระทรวงสาธารณสุขหรือระบบการจัดซื้อสินค้าและการหาผู้รับเหมาที่ผลาญเงินภาษีไปเป็นจำนวนมากอย่างไม่จำเป็น การติดสินบนที่ผู้ค้นคิดว่าไม่มี มาเฟียที่อยู่ในกระทรวงต่างๆ รวมไปถึงระบบการรักษามาตรฐานของโรงพยาบาลที่ตกต่ำจนทำให้ต้องมีผู้เสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
โดยชื่อของภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากชื่อของสถานบันเทิงยามค่ำคืนแห่งหนึ่งซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวขึ้นทั้งหมด โดยเมื่อ 6 ปีก่อนนั้นสถานบันเทิงแห่งนี้ได้มีการจัดคอนเสิร์ตขึ้นมาทำให้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากเข้าไปร่วมรับชม แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อมีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นจะทำให้ผู้คนต่างต้องหนีตายเพื่อเอาชีวิตรอดออกมาจากทะเลเพลิงให้สำเร็จ แต่ด้วยความที่เป็นสถานบันเทิงที่ไม่มีมาตรฐานทำให้สถานที่แห่งนี้ไม่มีทางหนีไฟหรือทางออกฉุกเฉิน ด้วยเหตุนี้ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจำนวนสูงถึง 26 คน
แต่มันยังไม่จบเพียงเท่านั้นเพราะผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ถูกส่งเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง หลังจากนั้นก็เสียชีวิตตามมาเป็นจำนวนสูงถึง 38 คนเลยทีเดียว ทำให้มีผู้คนมากมายออกมาตั้งคำถามถึงมาตรฐานการรักษาและการรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล ทำให้รัฐมนตรีสาธารณสุขนั้นต้องออกมาสร้างความเชื่อมั่นด้วยการยืนยันว่าโรงพยาบาลรัฐทุกแห่งนั้นมีมาตรฐานที่สูงเช่นเดียวกับโรงพยาบาลในทวีปเดียวกัน และมีความสามารถในการรับมือกับผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสได้เป็นจำนวนมาก
แต่อย่างไรก็ตามด้วยผลงานที่ออกมานั้นทำให้ผู้คนต่างเชื้อไปแล้วว่ากระทรวงสาธารณสุขรวมไปถึงโรงพยาบาลรัฐของประเทศนั้นยังไม่สามารถจัดการกับการรับมือวิกฤติเมื่อมีผู้ป่วยเป็นจำนวนมากและยังเป็นผู้ป่วยอาการบาดเจ็บสาหัส ความเชื่อมั่นของผู้คนที่มีต่อกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลรัฐจึงตกต่ำลง และกลายมาเป็นเรื่องเล่าในภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง
ตัวอย่างหนัง Collective
รีวิว หนัง Collective จาก workpointtoday และ IMDB
Collective’ เป็นสารคดีจากประเทศโรมาเนียที่เข้าชิงสองรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมและสาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม ตัวสารคดีบอกเล่าเรื่องราวของ กาตาลิน โตลอนตัน นักข่าวจาก Sport Gazette หนังสือพิมพ์ข่าวกีฬารายวัน ที่เปิดเผยเรื่องทุจริตของวงการสาธารณะสุขสุดเน่าเฟะของโรมาเนียที่ผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน หลังจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่คลับ Collectiv ที่มีเสียชีวิต 27 คน บาดเจ็บกว่า 180 คน
แต่หลังจากนั้นมีคนเสียชีวิตในโรงพยาบาลอีก 37 คนเพราะติดเชื้อ กาตาลินและทีมจึงลงมือสือบสวนจนพบว่าน้ำยาฆ่าเชื้อที่ใช้ในโรงพยาบาลทั้งหมด มีความเข้มข้นน้อยกว่าที่กำหนดไว้ถึง 10 เท่า นอกจากนี้โรงพยาบาลที่รักษายังไม่มีความพร้อมในการรักษาผู้ป่วยแผลไฟไหม้รุนแรง แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธที่จะส่งต่อผู้ป่วยไปรักษาที่ประเทศใกล้เคียงที่มีความพร้อม เพราะไม่อยากจ่ายค่ารักษาและซุกทุกอย่างอยู่ใต้คำหลอกลวงและผลการตรวจสอบที่เลื่อนลอย
การเปิดโปงแบบกัดไม่ปล่อยของกาตาลิน ส่งผลให้ประชาชนออกมาประท้วง เรียกร้องการเปลี่ยนแปลง จนสุดท้ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องประกาศลาออกและมีการเลือกตั้งใหม่ มีคนในวงการการแพทย์ เจ้าหน้าที่รัฐ กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูลการทุจริตเงินจำนวนมหาศาลกับกาตาลินอีกมากมาย เพราะหวังว่าจะหยุดวงจรนี้ได้
นอกจากเรื่องของกาตาลินแล้ว ‘Collective’ ยังเล่าเรื่องในมุมของเหยื่อเหตุการณ์ไฟไหม้ และ วลาด วอยคูเลสคู นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้ป่วยที่มารับหน้าที่รัฐมนตรีที่ลาออกไป กับความพยายามของเขาที่จะเปลี่ยนแปลงระบบ ท่ามกลางแรงต้านจากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
เหตุการณ์ใน ‘Collective’ เป็นภาพสะท้อนที่ทำให้เห็นว่าความน่าเชื่อถือและความเข้มแข็งของสื่อ สามารถส่งผ่านพลังงานนั้นออกไปถึงผู้อื่น ให้เจ้าหน้าที่และประชาชนมั่นใจที่จะบอกความจริง เพราะเขาเชื่อว่าเสียงของเขาจะถูกรับฟัง อย่างที่กาตาลินกล่าวไว้ว่า ความเงียบของสื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีอำนาจโกหกประชาชน อาชีพสื่อมวลชนอย่างพวกเขาไม่มีเป้าหมายสุดท้าย แต่แค่ต้องการที่จะให้ความรู้เพื่อให้ทุกคนรู้ถึงอำนาจที่กำลังกำหนดชีวิตของพวกเราอยู่
แม้ในตอนท้ายของสารคดีพรรคที่ใช้นโยบายประชานิยมที่ชนะการเลือกตั้ง และนำนักการเมืองมาบริหารระบบสาธารณะสุขซึ่งอาจนำทุกอย่างเข้ามาสู่วงจรเดิม ๆ ไม่จบสิ้น และนักข่าวใน Sport Gazette จะถูกข่มขู่ แต่พวกเขาก็สู้ไม่ยอมถอย เพราะ ‘เมื่อใดสื่อมวลชนสยบยอมต่ออำนาจรัฐ เมื่อนั้นรัฐจะข่มเหงประชาชน’ ‘Collective’ จึงไม่ใช่แค่สารคดีที่เปิดเผยการต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชั่น ที่ทุกคนจะสามารถรู้สึกอินไปด้วยได้ แต่เป็นการแสดงให้เห็นพลังของสื่อมวลชนที่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากเกิดคาดคิด
workpointtoday
ทักทายอีกครั้งจากความมืด คุณอาจจําได้ว่าเห็นวิดีโอที่น่าสยดสยอง มันเป็น 2015 เมื่อไฟกวาดผ่านสโมสรบูคาเรสต์ที่วงดนตรีกําลังแสดงสด วิดีโอที่ถ่ายด้วยโทรศัพท์มือถือแสดงให้เห็นว่าฝูงชนพยายามหลบหนีผ่านประตูหลักอย่างสิ้นหวัง มีผู้เสียชีวิต 27 คนในคืนนั้น และอีกกว่า 100 คนได้รับบาดเจ็บและถูกไฟไหม้ มันเป็นโศกนาฏกรรมที่น่ากลัวและโศกนาฏกรรมที่แผ่ออกไปในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าและนั่นคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่เล่าที่นี่โดยผู้กํากับ Alexander Nanau
เมื่อผู้ป่วยที่ฟื้นตัวเต็มหอผู้ป่วยและหน่วยดูแลผู้ป่วยหนักที่โรงพยาบาลของโรมาเนียสิ่งที่น่ากลัวเริ่มเกิดขึ้น มีผู้เสียชีวิตอีก 37 คน เหล่านี้ไม่ใช่คนที่ได้รับการยอมรับด้วยสถานะที่คุกคามชีวิต แต่เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่รับผิดชอบ อะไรคือสิ่งหนึ่งที่เรามอบให้ที่โรงพยาบาล? ใช่ ความสะอาด เมื่อสื่อเริ่มตั้งคําถามถึงการเสียชีวิตนี้นาย Nicolae Banicioiu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของโรมาเนียซึ่งเป็นพรรคประชาธิปัตย์เริ่มโม้เกี่ยวกับสถานพยาบาลของประเทศ ในเวลาเดียวกันกับที่ Catalin Tolontan บรรณาธิการของ “Sports Gazette” กําลังตรวจสอบสาเหตุของการเสียชีวิตเหล่านี้ สิ่งที่เราได้เห็นคือนักข่าวสืบสวนที่ดีที่สุด ท่ามกลางการกระทําที่น่ารังเกียจโดยคนเหล่านั้นเราควรสามารถไว้วางใจได้
นาย Tolontan และทีมงานของเขาค่อยๆลอกกลับชั้นและค้นพบการทุจริตและการทุจริตขนาดใหญ่ ผู้แจ้งเบาะแสนําผู้สื่อข่าวลงเส้นทางไปยัง Hexi Pharma และเจ้าของ Dan Condrea การประท้วงและความวุ่นวายทางสังคมตามมาเนื่องจากนักการเมืองปัจจุบันยังคงพ่นคําโกหกต่อไป เมื่อการทดสอบพิสูจน์โรงพยาบาลที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อเนื่องจากสารฆ่าเชื้อเจือจางและผู้ป่วยถูกปฏิเสธหรือล่าช้าการถ่ายโอนไปยังสิ่งอํานวยความสะดวกที่เหมาะสมในกรุงเวียนนาหรือเยอรมนีเนื่องจากความภาคภูมิใจและความโลภความโกรธเคืองเกิดขึ้น นําไปสู่การขับไล่ Banicioiu และอื่น ๆ
อดีตนักกิจกรรมด้านสิทธิของผู้ป่วย Vlad Voiculescu ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขชั่วคราวและเขาอนุญาตให้มีความโปร่งใสทั้งหมดโดยอนุญาตให้ผู้อํานวยการ Nanau เข้าถึงการประชุมและโทรศัพท์ได้ กล้องดังต่อไปนี้เป็นการปฏิรูปที่มีสถาบันและการวิจัยของ Tolontan ยังคง. มันระบุด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้งว่า “ระบบการดูแลสุขภาพของเราเน่าเปื่อย” และ “เราแพทย์ไม่ใช่ชีวิตมนุษย์อีกต่อไป เราใส่ใจแต่เรื่องเงินเท่านั้น” เมื่อการทุจริตและการหลอกลวงถูกเปิดเผยมากขึ้นก็ชัดเจนว่านี่คือทั้งหมดที่เกี่ยวกับเงินมากกว่าการดูแลสุขภาพ
ภาพยนตร์ของ Nanau จะมีประสิทธิภาพและน่าจดจําและมีความสําคัญหากเขายังคงมุ่งเน้นไปที่งานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและนักข่าวคนใหม่ แต่มันยกระดับขึ้นเพื่อความฉลาดโดยการรวมชิ้นส่วนของเขาในเหยื่อที่ถูกเผาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Tedy Ursuleanu การเผาไหม้ที่รุนแรงของเธอทิ้งหัวของเธอเป็นแผลเป็นและเอาหนึ่งในมือของเธอ แต่เธอปฏิเสธที่จะวัวหรือซ่อน เลือกแทนการถ่ายภาพเพื่อให้ทุกคนเห็น มันเป็นส่วนที่ได้รับผลกระทบและสิ่งหนึ่งที่จิตใจของเราจะไม่ลืมในไม่ช้า นี่คือสารคดีหายากที่ยังทํางานเป็นระทึกขวัญทางการเมือง แทนที่จะพูดหัวและกระแสของการสัมภาษณ์เราได้รับเชิญให้เข้าสู่โลกของนักข่าวและนักปฏิรูปที่ต้องการสิ่งที่ถูกต้อง มันตึงเครียดและอารมณ์และความโกรธแค้นที่รู้สึกในตอนท้ายค่อนข้างไม่เป็นที่พอใจและจะติดกับคุณ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทุจริตถูกอธิบายว่าเป็น “รังของนักเลงไร้ยางอาย” และเราไม่สามารถช่วยได้ แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับจริยธรรมทางการแพทย์และศีลธรรมของมนุษย์ เราเป็นพยานเรื่องราวเหล่านี้ขณะที่พวกเขาแฉและอาจไม่มีเครื่องบรรณาการที่ดีกว่าสําหรับความสําคัญของนักข่าวสืบสวน
ferguson-6