ชื่อเรื่อง | PAPER GIRLS |
เรตติ้ง | 7 |
นักแสดง | Camryn Jones,Riley Lai Nelet,Sofia Rosinsky,Fina Strazza |
จำนวนตอน | 8 ตอน |
รีวิวซีรีส์ PAPER GIRLS
รีวิวซีรีส์ PAPER GIRLS ซีรีส์ที่ถูกดัดแปลงมาจากการ์ตูน COMIC กลิ่นอายคล้ายกับ STRANGER THINGS ในปัจจุบันสื่อบันเทิงที่เรารับชมนั้นส่วนใหญ่แล้วมักจะดัดแปลงมาจากนวนิยายหรือการ์ตูนที่ได้รับความนิยม ไม่เว้นแม้กระทั่งภาพยนตร์ฮีโร่ชื่อดังจากค่าย MARVEL หรือ DC ก็ได้รับการดัดแปลงมาจากการ์ตูน COMIC เช่นเดียวกัน ด้วยเนื้อเรื่องที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและความแปลกใหม่ไม่ซ้ำซากจำเจจึงทำให้เรื่องราวเหล่านี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในซีรีส์หรือภาพยนตร์ที่แบบแปลงมาจากหนังสือนวนิยายก็มีเช่นเดียวกันอย่างเช่น HUNGER GAMES หรือ GAME OF THRONES เช่นเดียวกับซีรีส์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้ก็ดัดแปลงมาจากการ์ตูน COMIC จากค่าย IMAGE COMICS เช่นเดียวกันนั่นก็คือ PAPER GIRLS
PAPER GIRLS เป็นซีรีส์ที่ออกฉายบน ซีรี่ย์ amazon prime จำนวนทั้งหมด 8 ตอนจบในซีซั่นแรก ดัดแปลงมาจากการ์ตูน COMIC มีชื่อเดียวกันที่ออกวางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2015 ที่ผ่านมาจำนวน 30 เล่มจบ ดังนั้นมั่นใจได้เลยว่าซีรีส์เรื่องนี้จะวางแผนทำต่อกันแบบยาวๆ อย่างแน่นอนหากประสบความสำเร็จ ส่วนคนเขียนบทก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นสเตฟานี่ ฟอลซอม นักเขียนบทที่เคยฝากผลงานชื่อดังอย่าง TOY STORY 4 ดังนั้นแน่นอนว่าคนที่รู้จักหรือไม่รู้จักการ์ตูน COMIC เรื่องนี้มาก่อนก็ตามต่างคาดหวังว่ามันจะต้องออกมาสนุกสนานอย่างแน่นอน
ซีรี่ย์ amazon prime แนะนํา
นอกจากนี้เรื่องราวที่เล่ายังใกล้เคียงกับซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามก่อนหน้านี้อย่าง STRANGER THINGS อีกด้วย แต่ไม่ต้องกังวลไปว่ามันจะเหมือนกับ STRANGER THINGS เวอร์ชั่น 2 หรือเปล่าเพราะในความเป็นจริงแล้วตัวการ์ตูนมีแกนเรื่องที่ค่อนข้างชัดเจน การเล่าเรื่องก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว สำหรับใครที่กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะรับชมซีรีส์เรื่องนี้ดีหรือไม่ วันนี้เราจะมารับคนมาทำความรู้จักกับซีรีส์เรื่องนี้ให้มากขึ้นไปพร้อมๆ กัน เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง PAPER GIRLS
PAPER GIRLS เป็นซีรีส์ที่จะพาเราย้อนกลับไปในปี 1988 มีแก๊งเด็กสาวส่งหนังสือพิมพ์อยู่ 4 คนประกอบไปด้วยแม็ก เคเจ ทิฟฟานี่ และอีรินเป็นเพื่อนกัน พวกเขาคิดว่าเทศกาลฮาโลวีนในปีนี้ก็คงจะเหมือนกับวันธรรมดาทั่วไปที่ยังคงต้องทำงานส่งหนังสือพิมพ์เหมือนเดิม พวกเขาจึงยังคงเดินหน้าไปตามเส้นทางการจัดส่งหนังสือพิมพ์ตามปกติเพื่อให้สามารถส่งหนังสือพิมพ์ได้ทันเวลา
แต่กลับกลายเป็นว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อพวกเขาถูกส่งตัวเดินทางข้ามเวลาไปสู่อนาคตในปี 2019 และเมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นพวกเขาจึงต้องร่วมมือกันในการเดินทางย้อนกลับเวลาที่ตัวเองจากมาให้สำเร็จ แต่นั่นไม่ใช่เพียงแค่ภารกิจเดียวที่พวกเขาจะต้องรับผิดชอบแต่อย่างใด เพราะพวกเขายังต้องพยายามเอาชีวิตรอดจากสงครามในอนาคตอีกด้วย
และมันก็รวมไปถึง OLD WATCH กลุ่มตัวร้ายที่ต้องการอำนาจมาครอบครองแต่เพียงผู้เดียวและสังฆาตไม่ให้ใครเดินทางข้ามเวลาโดยเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้กลุ่มเด็กสาววัย 12 ปีทั้ง 4 คนจึงต้องร่วมมือกันเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้สำเร็จ แต่ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์ก็หนักหนาเกินกว่าที่พวกเขาจะสามารถรับมือได้ สุดท้ายแล้วพวกเขาจะยังคงไว้วางใจกันและเชื่อใจกันเหมือนเดิมหรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาต้องพบเจอกับตัวเองที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เราต้องไปหาคำตอบกันต่อในซีรีส์ และนี่คือความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง PAPER GIRLS
PAPER GIRLS เป็นซีรีส์เด็กที่มีความคล้ายคลึงกับ STRANGER THINGS เป็นอย่างมาก แต่ยืนยันว่าหากได้รับชมแล้วรับรองว่าเป็นกลิ่นอายที่แตกต่างกันอย่างแน่นอน เพราะอย่างแรกการ์ตูนคอมมิคของเรื่องนี้มาก่อนแถมยังเป็นการเล่าเรื่องราวไซไฟข้ามเวลาแบบเต็มรูปแบบอีกด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีบรรยากาศของความสยองขวัญหรือมิติลี้ลับอะไรถึงขนาดนั้น การวางโครงเรื่องถือว่าทำออกมาค่อนข้างดีไม่เสียเครดิตคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องทอยสตอรี่ 4
มีการนำเอาปัญหาของคนยุคใหม่ในโลกแห่งความเป็นจริงมาสอดแทรกในโลกสมมุติในซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอนาคตได้ดี สามารถสอดแทรกประเด็น BUTTERFLY EFFECT เข้ามาได้อย่างยอดเยี่ยมและเก็บทุกเม็ดไม่มีส่วนไหนที่ทำให้รู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผลหรือรู้สึกขัดใจแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่อง GENERATION GAP ที่คนต่างวัยมีความคิดเห็นไม่ตรงกันและเกิดความขัดแย้งกันในที่สุด เพราะตัวละครที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ในยุคหนึ่งต้องมาต่อสู้กับระบบที่ล้าหลังอยู่นานแล้วไม่สำเร็จ สุดท้ายพวกเขาจึงใช้วิธีการเดินทางข้ามเวลากลับมายังอดีตเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขอนาคต แต่มันกลับกลายเป็นว่าพวกเขาก่ออาชญากรรมทางเวลาอย่างร้ายแรงเสียอย่างนั้น
ด้วยประเด็นที่ค่อนข้างตรงกับสังคมในยุคปัจจุบันจึงไม่ค่อยน่าแปลกใจสักเท่าไหร่ที่แฟนซีรีส์รุ่นใหม่จะรู้สึกชื่นชอบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแต่น่าเสียดายที่ประเด็นดังกล่าวไม่ค่อยได้ใช้ในการดำเนินเรื่องสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเน้นไปเรื่องความดราม่าชีวิตส่วนตัวของเด็กแต่ละคนมากกว่า ในส่วนของงานคอมพิวเตอร์กราฟิกก็ลงทุนต่ำไปทำให้ฉากที่ควรจะรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการกับไม่มีอะไรที่ทำให้ผู้รับชมรู้สึกประทับใจได้เลย
ดังนั้นโดยรวมแล้วซีรีส์เรื่องนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีแต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ไม่มีอะไรให้ติ แนวเรื่องที่เล่าออกมานั้นมีความน่าสนใจ สามารถสอดแทรกปัญหาเข้ามาได้อย่างกำลังพอดี ตัวละครก็แสดงออกมาได้อย่างสมบทบาท แต่ด้วยความที่ใส่งานดราม่าชีวิตมากจนเกินไปทำให้เรื่องราวขาดความสมดุล และงานคอมพิวเตอร์กราฟิกในบางฉากยังทำออกมาได้ไม่ดีพอ
ตัวอย่างซีรีส์ PAPER GIRLS
รีวิว ซีรีส์ PAPER GIRLS บางส่วนจาก playinone
ซีรีส์ที่อาจจะดูเหมือน Stranger things แต่ไม่ได้ลอกกันมาแน่นอน เพราะคอมมิคมาก่อนและก็เป็นแนวไซไฟข้ามเวลาเต็มตัว ตัวเรื่องมีคอนเซ็ปต์โครงเรื่องที่ดีมากกับการยกปัญหาคนรุ่นใหม่ในโลกจริงสวมทับเข้าไปในโลกสมมุติในอนาคตที่ข้ามเวลากลับมาแก้ปัญหาในอดีตได้ แต่กลับกลายเป็นความขัดแย้งกับผู้ใหญ่ฝ่ายที่กุมอำนาจมาตลอด จนเป็นสงครามทางความคิดที่ลุกลามไปใหญ่โต แต่ตัวเรื่องกลับมีปัญหาตรงการดำเนินเรื่องที่เน้นดราม่าชีวิตตัวละครเด็กหลังพบเจอตัวเองในอนาคตมากเกินไป แทบจะเรียกได้ว่าส่วนไซไฟที่เป็นคอนเซ็ปต์ดีๆ ของเรื่องน้อยลงไปมากจนเสียบาลานซ์ความน่าติดตามไป และ CG ก็ยังดูไม่ดีมาก แค่พอดูได้ ทำให้บางฉากที่ต้องควรว้าวกับไอเดียบรรเจิดของเรื่องกลับดูธรรมดาไปเลย แต่จุดดีที่ต้องยกให้จริงๆ คือนักแสดงเด็กทั้ง 4 คนเล่นได้ดี มีเสน่ห์คาแรกเตอร์ที่แตกต่างพร้อมใส่ปมปัญหาแนวคิด สังคม การใช้ชีวิตจากยุค 80 90 มาได้ดีเลย แต่ตอนจบพึ่งเข้าสู่เรื่องราวจริงๆ ที่น่าติดตาม จนรู้สึกว่าถ้าไม่ได้สร้างต่อก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน (แนะนำให้รอดูประกาศสร้างต่อหรือโดนยกเลิก หลังจากนี้ก่อนก็ได้ครับ)
Paper Girls เปเปอร์เกิร์ล ซีรีส์ดังจากคอมมิคค่าย Image Comics ที่วางขายปี 2015-2019 มีจำนวน 30 เล่มจบ และก็ถูกนำมาสร้างโดย Stephany Folsom ที่เขียนบททอยสตอรี่ 4 ลงบน Amazon Prime มีทั้งหมด 8 ตอนจบซีซั่นแรก โดยเป็นเรื่องราวของแก๊งเด็กสาวส่งหนังสือพิมพ์ 4 คนที่ถูกส่งข้ามเวลาจากปี 1988 ข้ามมายังอนาคตปี 2019 ก่อนจะไปติดอยู่กลางสงครามข้ามเวลาในโลกอนาคต
ซีรีส์เรื่องนี้แน่นอนว่าต้องถูกมองว่าพยายามทำตาม Stranger things ของ Netflix ด้วยความเหมือนตั้งแต่แก๊งเด็กผจญภัยเรื่องลึกลับ ท้องฟ้าสีแปลกๆ ที่ชวนให้คิดถึงภาพโปรโมทต่างๆ ของ Stranger things โดยตรง แต่ความจริงคือเรื่องนี้ไม่ได้ลอกแน่นอนเพราะตัวคอมมิคมาก่อน 1 ปี แล้วท้องฟ้าสีแปลกๆ นั่นก็มีตั้งแต่ในคอมมิคอยู่แล้ว เป็นลักษณะของเหตุการณ์มิติบิดผันในเรื่องนี้ที่เป็นตัวหลักของเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง
และที่สำคัญคือเรื่องราวก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปีศาจ แต่เป็นไซไฟข้ามเวลาล้วนๆ มีแนวเรื่องแบบบัตเตอร์ฟลายเอฟเฟ็กต์การกระทำในอดีตอนาคตเปลี่ยนแปลงเชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งพล็อตแบบนี้ไม่ได้แปลกใหม่อะไรแล้วในยุคนี้ แต่สิ่งที่เรื่องนี้เด่นจริงๆ ก็คือ คอนเซ็ปต์โครงเรื่องที่อิงกับปัญหาคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันและต่อจากนี้ไม่พอใจในสภาพชีวิตที่เป็นอยู่อย่างลำบากกว่ายุคก่อน แล้วก็พยายามเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ในโลกเปลี่ยน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้เกิดเป็นปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ในปัจุบัน
แล้วตัวเรื่องดึงส่วนนี้มาใช้ยังไง ตรงนี้ต้องขอสปอยล์เรื่องราวที่จะเฉลยในตอน 3 เลยจะได้เข้าใจคอนเซ็ปต์ที่ว่า เปเปอร์เกิร์ลนำปัญหาความขัดแย้งระหว่าง GEN ในโลกจริงไปทำเป็นเรื่องราวในโลกสมมุติว่าอนาคตข้างหน้ามีการย้อนเวลาได้ คนรุ่นใหม่ในยุคนั้นหลังต่อสู้ตามระบบมานานก็ไม่เป็นผล ก็เลยใช้การข้ามเวลากลับมายังอดีตเพื่อแก้ไขสิ่งต่างๆ เพื่อให้อนาคตเปลี่ยน จนกลายเป็นถูกมองว่าเป็นการก่อการร้ายทางเวลา ฝ่ายขวาหรืออนุรักษ์นิยมผู้มีอำนาจมาตลอดก็เริ่มรู้สึกว่าปล่อยไว้ไม่ได้เพราะอำนาจที่ตัวเองมีจะหายไป จึงจัดตั้งหน่วยงานตามล่าพวกนี้ และแก้ไขทำให้สภาพเวลากลับมาเป็นปกติเช่นเดิมไม่เปลี่ยน ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตน จนกลายเป็นสองขั้วแนวคิดที่ขัดแย้งกันจนลุกลามเป็นศึกสงครามไม่รู้จบ แล้วแก๊งเด็กสาวตัวเอกก็คือคนที่มาติดอยู่ในกลางสงครามนี้นั่นเอง
จะเห็นว่าไอเดียคอนเซ็ปต์เรื่องดีมาก ไม่แปลกใจว่าทำไมเรื่องนี้มีแฟนๆ รุ่นใหม่ชอบมากมาย แต่ปัญหาของเรื่องนี้กลับเป็นการดำเนินเรื่องที่ใช้คอนเซ็ปต์นี้ไม่คุ้มในซีซั่นแรก คือหลังจากตัวเรื่องเปิดเผยจุดนี้ออกมาแล้ว ก็กลับดำเนินเรื่องไปทางชีวิตส่วนตัวของเด็กแต่ละคนที่ได้มาพบเจอตัวเองในอนาคต แล้วไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ ซึ่งดราม่าอะไรแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแย่ แต่เรื่องกลับให้เวลาส่วนนี้มากเกินไป จนบางตอนแทบจะกินเวลาทั้งตอนเต็มๆ กับตัวละครหนึ่ง โดยทิ้งเรื่องราวไซไฟที่กำลังดำเนินมาดีๆ หายไปเลย แล้วค่อยกลับมาหลังจบการปูดราม่าเหล่านั้น จนทำให้บาลานซ์ของเรื่องเสียไปเลย อย่างตอน 1 เป็นไซไฟ ตอน 2 กลับเป็นดราม่าการทะเลาะกันของเด็กๆ ตอน 3-4 เป็นไซไฟ ตอน 5-7 กลับมาเป็นดราม่าเต็มๆ ตอน 8 ค่อยเป็นไซไฟอีกรอบ ซึ่งน่าผิดหวังมากที่เรื่องมีวัตถุดิบดี แต่กลับให้น้ำหนักการดำเนินเรื่องไม่ดีเอง (ตรงนี้อาจจะเพราะผู้แต่งเรื่องนี้คือ Brian K. Vaughan จากผลงาน Y: The Last Man ที่สไตล์การเล่าเรื่องในโลกอนาคตดูดี แต่เน้นดราม่าชีวิตมากกว่าจนทำให้ซีรีส์ลาสแมวก็โดนแคนเซิลไปเช่นกันทั้งๆ ที่ตัวคอมมิคดังพอตัวเลย)
playinone