ชื่อเรื่องToy Story 4
เรตติ้ง7.7
นักแสดงTom Hanks,Tim Allen
จำนวนตอน1.40 ชั่วโมง

รีวิวอนิเมชั่น Toy Story 4 Disney+Hotstar

รีวิวอนิเมชั่น Toy Story 4 Disney+Hotstar การกลับมาของเหล่าของเล่นที่จะทำให้คุณหายคิดถึงอีกครั้ง Toy Story นั้นเป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายมาอย่างยาวนานหลายสิบปีแล้วเป็นการเล่าถึงเรื่องราวของเหล่าของเล่นต้องเผชิญกับชะตากรรมต่างๆที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานในการผจญภัยมันทำให้เด็กที่รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในตอนนั้นมีความรักและห่วงแขนตุ๊กตารวมไปถึงของเล่นของพวกเขามากยิ่งขึ้นความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือมันเป็นภาพยนตร์เด็กที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานความตื่นเต้นแฝงแนวคิดเอาไว้มากมายและที่สำคัญคือมันเต็มไปด้วยความซาบซึ้งที่ทำให้เรานั้นจะต้องหลั่งน้ำตาภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจนทำให้มีการสร้างภาคต่อออกมาเรื่อย ๆ

จนทำให้ตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้แต่ละตัวเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดีไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ในยุคปัจจุบันก็ตามของเล่นเกี่ยวกับตุ๊กตาและของเล่นในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันทำให้ถึงแม้ว่าคุณไม่เคยรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้มาก่อนเลยก็ตามก็ยังจะคุ้นหูคุ้นตากับตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ดีในครั้งนี้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้กลับมาสานต่อเรื่องราวและทำให้เราได้หายคิดถึงอีกครั้งในชื่อภาพยนตร์เรื่อง Toy Story 4

หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Toy Story 3 นั้นสามารถทำได้ดีเป็นอย่างมากจนเข้าขั้นภาพยนตร์ในตำนานที่หลายคนชื่นชอบเลยทีเดียวการกลับมาในครั้งนี้จึงทำให้หลายคนคาดหวังว่าพวกเขาจะสามารถทำมันได้ดียิ่งขึ้นสำหรับใครที่เป็นแฟนตัวละครวัดแล้วล่ะก็คุณไม่ควรพลาดภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเด็ดขาดเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกับภาคก่อน ๆ ที่เป็นการเล่าเรื่องราวการผจญภัยและการร่วมมือกันของเหล่าของเล่น แต่อย่างใด แต่มันจะเล่าไปถึงการฉายเดี่ยวของตัวละครอย่างวัดดี้ทำให้เขานั้นมีแอร์ทำเยอะที่สุดมากกว่าใครเรื่องราวของเขาจะเป็นอย่างไรและภาพยนตร์เรื่องนี้สนุกสนานหรือไม่วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกัน

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Toy Story 4

Toy Story 4 โดยย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วสมัยที่วัดนั้นยังคงอยู่กับแอนดี้ในวันหนึ่งมีฝนตกลมแรงวัดได้พาพรรคพวกของเขาไปหาเบอร์ที่กำลังปฏิบัติการอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็มีของเล่นหายไปมีรถ CR ที่ถูกลืมทิ้งไว้ในร่องน้ำทิ้งภายในสนามหญ้าข้างบ้านไม่เพียงเท่านั้นมันกำลังจะถูกน้ำฝนพืชหายไปอีกด้วยวัดจึงไม่รอช้าร่วมมือกับสลิงในการโหนตัวไปช่วยเหลือในทันทีหลังจากช่วย CR กลับมาในห้องได้สำเร็จก่อนที่วัดและสลิงก็จะเดินกลับเข้าห้องแล้วปิดหน้าต่างลงเขาก็พบเข้ากับคนหนึ่งที่เดินมาเก็บโบว์พร้อมกับแกะ 3 ตัวในห้องใส่กล่องแล้วจะเอาไปขายต่อ

นั่นก็เป็นเพราะว่าน้องสาวของแอนตี้อย่างมอลลีนั้นไม่ต้องการของเล่นของตัวเองอีกต่อไปแล้วนั่นเองกล่องดังกล่าวถูกนำไปวางไว้ใต้รถวัดจึงเดินทางลงไปช่วยทันทีเขายังพอมีเวลาช่วยเหลือตุ๊กตาในนั้นเนื่องจากคนขับรถลืมกุญแจไว้ แต่เมื่อเปิดกล่องออกมาพร้อมกับแก่ของเธอนั้นกลับไม่ยอมกลับเข้าบ้านเนื่องจากเธอทำใจไว้แล้วและรู้ตัวดีของเล่นอย่างเธอนั้นมีหน้าที่ให้เด็กสนุกสนานและมีความสุขเมื่อเจ้าของไม่ต้องการของเล่นอย่างเธอนั้นอยู่ไปก็ได้ความหมายวัตตี้รู้ดีถึงสิ่งที่โบว์พูด แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะยอมปล่อยให้เธอไปพวกเขาบอกรายการก่อนที่คนขับรถจะหยิบกล่องมาใส่รถแล้วขับออกไปแผนที่ที่ออกมาตามหาวัดก็เจอเขานอนตากฝนอยู่เลยพาเขากลับเข้าบ้านหลังจากนั้นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวจนมาถึงในภาค 3

หลังจากนั้นอีก 2 ปีวัดและของเล่นของบอนนี่ที่กำลังลุ้นอยู่ภายในตู้เก็บของว่าใครที่บอกนี่จะเลือกขึ้นมาเล่นด้วยหลังทานอาหารเช้าบอลนี้เปิดต้องออกมาแล้วหยิบของเล่นไปเกือบหมดเหลือเพียงแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นและ 1 ในตุ๊กตาที่ไม่ถูกเลือกก็คือวัดดี้นั่นเองเล่นได้ไม่นานเธอก็ต้องเลิกไปเพราะวันนี้เธอต้องเตรียมเข้าโรงเรียนอนุบาลเป็นวันแรกหลังจากนั้นวัดดี้ก็แทบจะไม่ถูกเลือกมาเล่นอีกเลยตลอดระยะเวลา 3 สัปดาห์เรื่องราวของเหล่าตุ๊กตาและของเล่นจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้นต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Toy Story 4

Toy Story 4 แฟนภาพยนตร์อนิเมชั่นที่เราต่างก็รู้จักตัวละครดีมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กการที่มันกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ภาค 3 สามารถทำผลงานไว้ได้เป็นอย่างดีและเป็นการจบเรื่องราวทั้งหมดอย่างสวยงามเป็นที่เรียบร้อยแล้วทำให้หลายคนรู้สึกดีใจในขณะที่หลายคนก็มองว่าไม่น่าจะทำภาคต่อออกมาเลยเพราะเรื่องราวมันจบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วภาพยนตร์จะติดตามตัวละครวัดเป็นหลักโดยจะตามหาของเล่นที่มีชื่อว่าฟอร์กที่หนีออกไปจากกลุ่ม

เพราะเขานั้นไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นของเล่นและคิดว่าตัวเองเป็นขยะภายในภาพยนตร์ภาคนี้ตุ๊กตาเลี้ยงแกะอย่างโบรวมไปถึงแกะทั้ง 3 ตัวของเธอนั้นได้กลับมาอีกครั้งในฐานะของสาวแกร่งเนื่องจากเธอต้องอยู่ด้วยตัวเองมาโดยตลอดไม่เพียงเท่านั้นในภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีการใส่ของเล่นใหม่ ๆ เข้ามามากมายผสมผสานกับของเล่นเก่าที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี แต่ด้วยความที่ตัวละครเหมือนจะเยอะจนเกินไป

ทำให้ภาคนี้เสน่ห์เกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างของเล่นค่อนข้างจืดชืดตัวละครบางตัวน่าสนใจ แต่กลับไม่ได้รับกันพูดถึงเท่าที่ควรและสิ่งที่น่าเสียใจมากที่สุดก็คือของเล่นที่โดดเด่นมากที่สุดอีกหนึ่งตัวอย่างบัซไลท์เยียร์ถูกลดบทบาทให้กลายเป็นเพียงแค่ตัวตลกเท่านั้นกลายเป็นของเล่นที่ไม่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย

ตัวอย่างอนิเมชั่น Toy Story 4

รีวิว อนิเมชั่น Toy Story 4 บางส่วนจาก beartai

เรื่องราวการผจญภัยครั้งใหม่ของ วู้ดดี้ ที่เริ่มต้นชีวิตในบ้านของเจ้าของคนใหม่ คือ บอนนี่ ซึ่งเธอได้ใช้ช้อนกึ่งส้อม ประดิษฐ์ออกมาเป็นของเล่นใหม่ที่ตั้งชื่อว่า ฟอร์คกี้ แต่เจ้าฟอร์คกี้ รู้ว่าแท้จริงเขาไม่ใช่ของเล่นแต่เป็นขยะ จึงอยากกลับไปสู่ชีวิตที่แท้จริง เดือดร้อนถึงวู้ดดี้ต้องตามกลับมา กลายเป็นการผจญภัยของเหล่าของเล่นครั้งใหม่ รวมถึงการกลับมาของ โบ ของเล่นหวานใจของวู้ดดี้ที่เธอกลับมาในมาดใหม่เป็นสาวสุดแกร่งด้วย การกลับมาครั้งที่ 4 ของแก๊งของเล่น หลังจากผ่านไปเกือบครบ 10 ปี จนนึกว่าจะจบลงในภาคที่แล้วตามแบบฉบับหนังไตรภาคเสียอีก แต่แล้วพิกซาร์ก็มีไอเดียคืนชีพเหล่าตัวละครแสนรักกลับมาหาแฟน ๆ ของพวกเขาอีกครั้ง พร้อมกับประกาศว่านี่จะเป็นภาคส่งท้ายของแฟรนไชส์นี้แล้ว (จริงมั้ยไม่รู้) โดยรอบนี้ได้ผู้กำกับหน้าใหม่แต่ไม่ละอ่อนอย่าง จอช คูลีย์ ที่เคยเขียนให้หนังรางวัลน้ำดีอย่าง Inside Out (2015) มาก่อน และยังได้ลองมือกำกับหนังสั้นภาคย่อยอย่าง Riley’s First Date? (2015) ด้วย จนตอนนี้คงอิ่มพร้อมทั้งฝีมือการเล่าเรื่องและบารมีที่จะก้าวขึ้นมารับไม้ต่อจากผู้กำกับภาคแรกและ 2 อย่าง จอห์น แลสเซตเตอร์ ที่ต้องถอนตัวไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องจากภาระหน้าที่ในงานบริหารค่าย

จริง ๆ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Toy Story ได้ออกจากอ้อมอกของแลสเซตเตอร์ เพราะในภาคที่ 3 เมื่อปี 2010 ก็ถ่ายมือมาสู่ ลี อุนคริช ผู้กำกับที่เคยร่วมกำกับกับแลสเซตเตอร์ในภาคที่ 2 ทั้งยังสร้างบารมีด้วยการกำกับร่วมในหนังอย่าง Monsters, Inc. (2001) และ Finding Nemo (2003) มาก่อน ทั้งในภาค 3 ตัวแลสเซตเตอร์ยังช่วยดูบทหนังให้อยู่ด้วย เมื่อเทียบกันงานภาค 4 ของคูลีย์จึงเป็นงานที่ยากและท้าทายกว่า ตรงที่ไม่มีพ่อผู้ให้กำเนิดดูแลเกี่ยวข้องอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามแฟน ๆ ไม่ต้องตกใจไปว่าจะเป็นหนัง Toy Story ที่เราไม่รู้จัก เพราะตัวหนังยังคงได้ แอนดรูว์ สแตนตัน ที่ร่วมเขียนบทตั้งแต่ภาคแรกมาช่วยเขียนบทให้เช่นเคย ทั้งยังได้ผู้เกี่ยวข้องกับหนังชุดนี้เข้ามาช่วยกันหลายต่อหลายคนทีเดียว แม้จะมีข่าวไม่สู้ดีว่าหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 4 ของพิกซาร์ที่มีการเปลี่ยนทั้งผู้กำกับและมีการเขียนบทใหม่ ซึ่งไอ้ 3 เรื่องก่อนหน้า ก็แป้กไปเสีย 2 เรื่องแล้วด้วย (ฺBrave กับ The Good Dinosaur)

แต่กับ Toy Story 4 ที่เป็นเหมือนหนังลูกรักลูกหม้อของค่าย จึงไม่ใช่แนวที่จะต้องมาทดลองหรือพิสูจน์ตัวเองใหม่อะไรอีก และมันก็เติมเต็มในส่วนความคาดหวังของผู้ชมได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ด้วยศักยภาพของงานโปรดักชั่นที่สูงขึ้นอย่างน่าประทับใจ เพียงฉากเปิดเรื่องที่เกิดขึ้นท่ามกลางหยาดฝน และแสงไฟอันเงียบเหงาตัดกับสีอบอุ่น ภาพชัดตื้นที่ชวนฝัน และมุมภาพการเคลื่อนไหวที่จัดเจนมาจากผู้ชำนาญการแอนิเมชั่นเบอร์ต้นของโลก ก้เป้นประสบการณ์การรับชมหนังที่อิ่มตาตั้งแต่ต้น และการใช้งานภาพอันสวยหยดเยิ้มนี้ก็ผสานเข้ากับแนวหนังบันเทิงได้อย่างลงตัว เราจะไม่รู้สึกว่าความศิลป์ของหนังมาคอยขัดขวางความลื่นไหลของความสนุก และเมื่อมองภาพแบบพินิจคราใดก็พบแต่ความงามบรรเจิดอยู่ร่ำไป นี่คงต้องชมไปถึงภาคดนตรีประกอบที่ทำได้อย่างละมุนกลมกล่อมไปกับเรื่องราวได้อย่างดีด้วย

สำหรับเนื้อเรื่อง ส่วนตัวมองว่าเป็นข้อด้อยสักหน่อย ตรงที่มีการประกาศว่าจะเป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ชุดนี้แล้ว นั่นก็เพราะความประทับใจในภาคที่ 3 ที่ตอนนั้นเราเข้าใจว่าจะเป็นบทสรุปอันสุดยอดของเหล่าของเล่นเพื่อนซี้ ได้สร้างบรรทัดฐานสูงล้นขึ้นมาในใจเราแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงน้ำตาแตกตายกันกลางโรงกับการจากลากับแอนดี้เพื่อนรักที่อยู่ด้วยกันมา 3 ภาคกินระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปีไปไม่ใช่น้อย และเมื่อบอกว่านั่นยังไม่ใช่จุดพีค แต่นี่คือตอนจบจริง ๆ เราคงคาดหวังอะไรที่กระแทกกระทั้นใจยิ่งกว่านั้นเข้าไปอีก

ทว่าในภาคนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือทีมงานวางโจทย์เพื่อหาบทสรุปให้ตัวละครเก่า ทั้งที่ทิ้งไว้เช่นในภาค 3 ก็สวยงามดีแล้ว แต่เหมือนศิลปินเกษียณที่คิดถึงแฟน ๆ จนทนไม่ไหว จึงกลับมาบอกเล่าเรื่องราวเพิ่มเติมอีกนิดให้แฟน ๆ หายคิดถึง เน้นที่การมอบความสุข และบรรยากาศแสนหวานในอดีตที่มีร่วมกันอีกครั้ง หนังจึงเต็มไปด้วยความสุข ความสนุก ความตลกที่สอดแทรกแทบตลอดเวลาจากต้นจนจบ และแซมไว้ด้วยบทอาลัยอันเศร้าสร้อยซ่อนไว้ใต้ผิวอันเปล่งปลั่งสดใส เพราะอย่างไรเสียงานเลี้ยงย่อมมีวันจบ แต่จะให้จบด้วยน้ำตาแฟน ๆ แบบภาค 3 คงไม่ใช่จริตนักมอบความสุขอย่างพิกซาร์ ภาค 4 จึงน่าจะเกิดขึ้นเพื่อการนี้ การฟินาเล่ด้วยรอยยิ้มของแฟน ๆ น่าจะเป็นตอนจบที่ใช่ที่สุดสำหรับหนังแฟรนไชส์นี้ต่างหาก

beartai

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *