รีวิวอนิเมชั่น THE SEA BEAST

ชื่อเรื่องTHE SEA BEAST
เรตติ้ง7
นักแสดง
จำนวนตอน1.55 ชั่วโมง

รีวิวอนิเมชั่น THE SEA BEAST

รีวิวอนิเมชั่น THE SEA BEAST ภาพยนตร์อนิเมชั่น ORIGINAL จาก NETFLIX ที่ทำได้ดีแต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจ หากพูดถึงภาพยนตร์อนิเมชั่นคนส่วนใหญ่มักจะไปนึกถึงค่ายผลิตภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อดังอย่างพิกซาร์หรือดิสนีย์ มีบางครั้งบางคราวที่ทาง SONY อาจจะมีการผลิตภาพยนตร์แนวนี้ออกมาบ้างแต่ก็ไม่บ่อยสักเท่าไหร่ ดังนั้นเมื่อมีภาพยนตร์แนวอนิเมชั่นออกมาสักเรื่องนึงคนเลยคาดหวังว่ามันจะต้องเป็นภาพยนตร์จากค่ายชื่อดังเหล่านี้ แต่พอภาพยนตร์เรื่องนั้นไม่ได้มาจากค่ายชื่อดังสักเท่าไหร่พวกมันก็เลยไม่ค่อยได้รับความนิยมหรือความสนใจเท่าที่ควร ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายเป็นอย่างมากเพราะมีภาพยนตร์อนิเมชั่นหลายเรื่องที่ทำออกมาได้ดีแม้ว่าจะไม่ได้มาจากค่ายดังก็ตาม 

อย่างเช่นที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่น ORIGINAL เรื่องล่าสุดของทาง NETFLIX ที่ทำออกมาได้ดีแต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจสักเท่าไหร่นั่นก็คือ THE SEA BEAST ภาพยนตร์แนวผจญภัยแฟนตาซีที่เล่าเรื่องราวของโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยอสูรใหญ่ยักษ์มากมาย ทำให้การเอาชีวิตรอดของมนุษย์ในยุคนั้นไม่เหมือนกับเราและเต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้น ความท้าทาย 

สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างน่าเสียดายเลยก็คือตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้ทำออกมาได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ดูแล้วเหมือนกับภาพยนตร์อนิเมชั่นสำหรับเด็กธรรมดาทั่วไปที่ไม่สามารถดึงดูดให้ผู้ชมต้องการที่จะรับรู้เรื่องราวต่อ มันจะกลายมาเป็นตัวอย่างชั้นดีของวลีที่กล่าวไว้ว่าอย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้แม้ว่าหน้าปกหรือตัวอย่างภาพยนตร์จะทำออกมาได้ไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้วเนื้อเรื่องข้างในนั้นทำออกมาได้เป็นอย่างดีและสนุกเกินความคาดหมายอย่างน่าเหลือเชื่อ ใครที่ชื่นชอบการรับชมภาพยนตร์อนิเมชั่นเราขอแนะนำว่าไม่ควรพลาด

การ์ตูน netflix แนะนํา 2022

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง THE SEA BEAST

THE SEA BEAST เป็นภาพยนตร์ที่จะพาเราไปยังโลกที่แตกต่างออกไป เพราะมันเป็นโรคที่มนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกับเหล่าอสูรตัวใหญ่น่ากลัวที่มีอยู่เต็มไปหมดทั่วท้องทะเล การเดินทางในท้องทะเลจึงไม่ปลอดภัยอีกต่อไป มนุษย์ต้องเผชิญกับปัญหาในการดำรงชีวิตมากมายเนื่องจากพวกเขาไม่สามารถทำการประมงได้ตามความต้องการ กิจกรรมทางทะเลนั้นเป็นสิ่งที่แทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยในโลกใบนี้ 

แม้ว่าอสูรทะเลเหล่านั้นจะน่าเกลียดน่ากลัวมากแค่ไหนก็ตามแต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงมีมนุษย์บางกลุ่มที่มีความสามารถและความกล้าหาญมากพอที่จะจัดการสัตว์ประหลาดเหล่านั้นได้สำเร็จ ไม่ว่าใครก็ตามที่สามารถปราบสับประหลาดในทะเลลงได้จะได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ และฮีโร่ในยุคนี้จะกลายเป็นที่ชื่นชอบและยกย่องสำหรับผู้คนทั่วไป ความฝันของเด็กทั้งหลายจึงเป็นการเติบโตขึ้นมาทำหน้าที่ในการเป็นนักปราบอสูรนั่นเอง หนึ่งในนั้นก็คือเด็กน้อยที่มีชื่อว่าเมซี่ เขามีความชื่นชอบและประทับใจในตัวเจคอบซึ่งเป็นนักล่าสัตว์ประหลาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดอีกคนหนึ่ง 

เมซี่ตัดสินใจที่จะแอบขึ้นเรือในตำนานของฮีโร่ที่เขาชื่นชอบโดยไม่ทันคิดหน้าคิดหลัง เขาเพียงแค่ต้องการจะอยู่ใกล้ชิดกับคนที่เขายกย่องและอยากจะเป็น แต่มันกลับทำให้เขานั้นต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมากมาย รวมไปถึงพันธมิตรที่สร้างมิตรภาพใหม่ๆ ในชีวิตเขาอีกด้วย ทั้งสองได้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่จะออกเดินทางไปผจญภัยครั้งสำคัญในน่านน้ำที่ไม่เคยมีใครเดินทางไปถึง และเรื่องการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้เกิดขึ้นมาให้สำเร็จ

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง THE SEA BEAST

THE SEA BEAST เป็นภาพยนตร์ที่เมื่อรับชมแล้วอาจจะรู้สึกว่ามันมีความคล้ายคลึงหรือมีกลิ่นอายของภาพยนตร์อนิเมชั่นจากค่ายดิสนีย์ นั่นก็เป็นเพราะว่าคนที่สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้คือหนึ่งในทีมงานที่เคยสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นชื่อดังของดิสนีย์มาก่อนทั้ง BIG HERO 6 หรือแม้แต่ BOLT อย่างคริส วิลเลี่ยมส์นั่นเอง ในครั้งนี้เขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ผู้สร้างธรรมดาทั่วไปแต่ยังนั่งแท่นเป็นผู้เขียนบทอีกด้วย ดังนั้นถึงแม้ว่าเรื่องราวและองค์ประกอบของภาพยนตร์เรื่องนี้จะนำเสนอในรูปแบบของภาพยนตร์แอนิเมชั่นสูตรสำเร็จ แต่ก็สามารถนำเอาตำนานคลาสสิคมาเล่าใหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติและกลมกล่อมเลยทีเดียว 

สิ่งที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้รับชมได้มากที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการออกแบบตัวละคร สำหรับตัวละครมนุษย์ในภาพยนตร์อาจจะออกแบบมาธรรมดาทั่วไปไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่มากมาย แต่สิ่งที่สร้างความชื่นชอบให้กับผู้รับชมได้เป็นอย่างดีก็คงจะเป็นตัวละครสัตว์ประหลาดทั้งหลายในอนิเมชั่นที่ทำออกมาได้น่ารักและน่าสนใจเป็นอย่างมาก เป็นการผสมผสานจินตนาการเข้ากับนิทานพื้นบ้านได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่เป็นอนิเมชั่นเด็กมันจึงไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรมากมาย ให้ความรู้สึกเหมือนกับพวก MONSTER ในเกม RPG น่ารักๆ มากกว่า 

อีกหนึ่งสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำได้ดีก็คือการออกแบบฉากการต่อสู้รวมไปถึงฉากท้องทะเลที่ทำออกมาได้สมจริงจนน่าขนลุก สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้รับชมได้ตั้งแต่เปิดเรื่อง เพราะนอกจากจะสวยงามแล้วเรื่องราวก็ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว แม้ว่าจะมีจุดที่น่าเสียดายอยู่บ้างตรงที่การเล่าเรื่องขาดความกระชับไปสักนิดก็ตาม 

ตัวอย่างอนิเมชั่น THE SEA BEAST

รีวิว หนัง THE SEA BEAST บางส่วนจาก beartai

หลังจากปล่อยสตรีมมิงไปแล้วเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมาในที่สุด ‘The Sea Beast’ หรือในชื่อไทย ‘อสูรทะเล’ แอนิเมชันที่ผสมผสานระหว่างแนวโจรสลัดผจญภัยเข้ากับหนังไคจูตีกันฉบับแบ๊ว ๆ ก็ขึ้นอันดับ 1 ในบริการสตรีมมิงอย่างเน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ไปเรียบร้อย ซึ่งหลายคนคงสงสัยล่ะว่ามันมีดียังไงและคุ้มค่ากับการใช้เวลาวันหยุดยาวนี้ในการตีพุงอยู่บ้านดูมันหรือเปล่า เรามีคำตอบมาให้ในรีวิวนี้แล้ว

เรื่องราวเริ่มต้นที่ภาพอดีตในคืนอันมืดมิดกลางท้องทะเลอันแสนน่าสะพรึงกลัว เด็กชายคนหนึ่งได้เกาะท่อนไม้จากเรืออับปางและทันใดนั้นเขาก็ได้เผชิญหน้ากับอสูรกลางท้องทะเลเป็นครั้งแรก ก่อนที่หนังจะตัดไปที่เสียงเล่านิทานปรัมปราจากเมซีเด็กสาวในบ้านเด็กกำพร้าที่ใฝ่ฝันในวิถีแห่งนักล่าอสูร และโชคชะตาก็เข้าข้างเธอเมื่อเรือล่าอสูรนาม ‘Inevitable’ มาจอดเทียบท่าเพื่อเคลมเงินรางวัล งานนี้เธอจึงแอบลักลอบขึ้นเรือในตำนานและได้พบกับเจคอบ ฮอลแลนด์ ฮีโรในหนังสือของเธอ

แต่หลังจากเหตุการณ์อสูรแดงคำรามบุกเรือจนทำให้เมซีกับเจคอบระหกระเหินอยู่กลางทะเล พวกเขากลับได้พบมิตรภาพที่ไม่คาดคิดจากอสูรที่พวกเขาเคยกลัว การผจญภัยครั้งใหม่ระหว่างอสูรแดงคำรามและนักล่าอสูรกับเด็กน้อยได้เริ่มขึ้นท่ามกลางอันตรายจากเรือนักล่าอสูรที่อาจไม่เข้าใจในมิตรภาพครั้งนี้

ถึงแม้จะเป็นแอนิเมชันที่เน็ตฟลิกซ์เป็นเจ้าของทุนเอง แต่ทีมงานเบื้องหลังก็ไม่ได้ไก่กาอาราเล่แต่อย่างใด เพราะได้ คริส วืลเลียมส์ (Chris Williams) ผู้กำกับแอนิเมชันลูกหม้อดิสนีย์ (Disney) ที่เคยมีผลงานกำกับ ‘Big Hero 6’ มาแล้ว และก็ต้องยอมรับว่าวิลเลียมส์สามารถผสมผสานหนังแนวผจญภัยกลางท้องทะเลกับสัตว์ประหลาดไคจูบุกเมืองเข้ากันอย่างกลมกล่อมลงตัว เล่าเรื่องราวได้สนุกสนาน บันเทิง ไม่ค่อยมีช่วงน่าเบื่อสักเท่าไหร่ได้ดีเลยล่ะ

โดยจุดเด่นของเรื่องราวที่วิลเลียมส์ได้ร่วมเขียนส่วนหนึ่งก็คือการพิสูจน์และตั้งคำถามกับธรรมเนียมของประวัติศาสตร์ที่มักยกมนุษย์เป็นฮีโรผู้กอบกู้โลก หรือกระทั่งเขียนให้ชาวอารยันหรือกลุ่มคนขาวเป็นวีรบุรุษดังนั้นแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหม่โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ของเน็ตฟลิกซ์ที่ชอบให้ตัวเอกมีชาติพันธุ์ที่หลากหลาย แต่การให้ตัวเอกเป็นสาวน้อยผิวสีก็ถือว่าเล่าเรื่องได้ร่วมสมัยมากขึ้น อีกทั้งยังให้คาแรกเตอร์ของเด็กดูฉลาดกว่าผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ เลยทำให้ภาพรวมของหนังออกมาน่ารัก ดูได้ทั้งครอบครัวเลยทีเดียว

อีกจุดที่น่าคิดไม่น้อยคือการยกประเด็นของกษัตริย์มาพูดถึงในแง่องค์อุปถัมภ์การล่าปีศาจที่มองได้ตั้งแต่การเป็นชนชั้นปกครองที่ใช้ความกลัวเลี้ยงอำนาจตัวเองไปจนถึงการก่อระบบศักดินา ซึ่งมีเนื้อหาตอนหนึ่งที่ราชินีพูดถึงกองเรือล่าปีศาจของกษัตริย์เพื่อหวังจะดับฝันและไม่ต้องพึ่งพาเหล่านักล่าปีศาจอาชีพอีกต่อไป จนเกิดการแข่งขันล่าปีศาจขึ้นระหว่างเหล่าตัวเอกกับทหารของกษัตริย์ ซึ่งหากหนังเล่นประเด็นไปไกลกว่านี้เราอาจได้เห็นการวิพากษ์ระบอบการปกครองที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

แต่กระนั้นตัวหนังเองก็ยังติดเรื่อง ‘ท่าบังคับ’ หลายอย่างที่พามันไปไม่ถึงจุดที่จะทำให้ตัวหนังน่าจดจำกว่านี้ทั้งเหตุผลที่เปลี่ยนใจให้เจคอบผูกมิตรกับอสูรทะเล ที่อาศัยแค่ความไร้เดียงสาของเมซี หรือกระทั่งจุดที่น่าเสียดายมาก ๆ อย่างคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจของลูกเรือ ‘Inevitable’ อย่างซาราห์ ชาร์ป ต้นหนเรือสาวสุดเท่ที่มีบุคลิกดูห้าว ๆ และน่าจะเป็นภาพลักษณ์ของฮีโรผู้หญิงในเรื่องได้แต่บทกลับยังดันคาแรกเตอรนี้ไปได้ไม่สุดเท่าไหร่

beartai

รีวิวหนัง/ซีรีส์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *