| ชื่อเรื่อง | BUZZ LIGHTYEAR |
| เรตติ้ง | 6 |
| นักแสดง | – |
| จำนวนตอน | 1.40 ชั่วโมง |
รีวิวอนิเมชั่น BUZZ LIGHTYEAR
รีวิวอนิเมชั่น BUZZ LIGHTYEAR จากหนึ่งในตัวหลักของทอยสตอรี่สู่การมีภาพยนตร์เป็นของตัวเอง TOY STORY เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากค่ายดิสนีย์ เป็นการเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์และมิตรภาพระหว่างเด็กและตุ๊กตาที่ทำออกมาได้อย่างสนุกสนานและเต็มไปด้วยความซาบซึ้งจนหลายคนต้องหลั่งน้ำตาเลยทีเดียว แต่ละตัวละครที่ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือตุ๊กตาต่างก็มีความโดดเด่นเป็นของตัวเองมันจึงไม่น่าแปลกใจที่คนจะสามารถจดจำคาแรคเตอร์เหล่านี้ได้แบบขึ้นใจ
หนึ่งในคาแรคเตอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากภาพยนตร์เรื่อง TOY STORY ก็คงจะหนีไม่พ้นบัซ ไลท์เยียร์ ตุ๊กตามนุษย์อวกาศผู้เป็นเจ้าของวลีสู่ความเวิ้งว้างอันไกลโพ้น เขาปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง TOY STORY ตั้งแต่ปี 1995 ในฐานะของตุ๊กตาซีรีส์ SPACE RANGERS เป็นระยะเวลายาวนานร่วม 20 ปีที่ผู้คนได้รู้จักกับเขา ผ่านคืนวันที่เต็มไปด้วยความสุข สนุกสนาน รวมไปถึงความซาบซึ้งจนต้องเสียน้ำตา กลายมาเป็นความทรงจำที่ล้ำค่าของหลายคน และในวันนี้เขาก็ได้มีภาพยนตร์เป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้วนั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง BUZZ LIGHTYEAR
มันเป็นภาพยนตร์ที่ยังคงอยู่ในจักรวาลของภาพยนตร์เรื่อง TOY STORY แต่สำหรับใครที่อยากจะไปรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้เราขอแนะนำให้ลืมทุกสิ่งที่เราเคยรู้จักตัวละครนี้มาก่อนแล้วไปทำความรู้จักกับเขาใหม่อีกครั้งผ่านเรื่องราวของตัวเขาเอง
อนิเมชั่นดิสนีย์ใหม่
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง BUZZ LIGHTYEAR
BUZZ LIGHTYEAR เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับนักบินอวกาศที่มีชื่อว่าบัซ ไลท์เยียร์ ครั้งหนึ่งเขาทำภารกิจผิดพลาดจนทำให้ทั้งเขาและทีมนั้นต้องถูกปล่อยทิ้งเอาไว้บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่เต็มไปด้วยความรกร้าง ในช่วงเวลานั้นเองเขารู้สึกว่าตนเองนั้นมีความผิดติดตัวที่ทำให้ทุกคนนั้นต้องมาติดอยู่ที่นี่กับตนเอง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามเดินทางออกตามหาวิธีการที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถกลับบ้านได้สำเร็จด้วยวิธีการที่ไม่มีใครกล้าและบ้าบิ่นได้เท่าเขาอีกแล้ว สุดท้ายแล้วเขาจะช่วยทุกคนได้กลับบ้านสำเร็จหรือไม่ต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง BUZZ LIGHTYEAR
BUZZ LIGHTYEAR อาจเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่หลายคนมองว่าคงจะเป็นแนวเด็กๆ เหมือนกับที่เคยผ่านมาของดิสนีย์ แต่ความเป็นจริงแล้วมันมีความเป็นวิทยาศาสตร์ไซไฟสูงเป็นอย่างมาก เต็มไปด้วยเรื่องราววิทยาศาสตร์ที่เข้าใจยากอย่างโจทย์ฟิสิกส์ พหุจักรวาล รวมไปถึงการฆ่าเวลาวุ่นวายมากมายเต็มไปหมด แต่โชคดีที่ภาพยนตร์ไม่ได้ใจร้ายถึงขนาดนั้นเพราะยังคงสามารถสร้างความบันเทิงให้กับผู้รับชมได้ผ่านการผจญภัยของตัวละคร ไม่เพียงเท่านั้นมันยังไม่ทิ้งกลิ่นอายเสน่ห์ความเป็นภาพยนตร์ในเครือของ TOY STORY อีกด้วย
ในส่วนของเนื้อเรื่องอนิเมชั่นของทางค่ายพิซซ่านั้นมีความเป็นภาพยนตร์สูตรสำเร็จอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ตัวละครของเราต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง การเรียนรู้ที่จะก้าวไปข้างหน้า การได้รับมิตรภาพและกำลังใจจากคนรอบข้าง มีฉากซาบซึ้งที่ทำให้คุณสามารถหลั่งน้ำตาได้จากการถูกภาพยนตร์ดึงอารมณ์ และสุดท้ายก็คือการข้ามผ่านสู่การเติบโตไปอีกขั้นของตัวละครที่จะนำพาไปถึงฉากจบที่เต็มไปด้วยความงดงาม
แต่ถึงอย่างไรก็ตามแม้ว่ามันจะมีความเป็นสูตรสำเร็จแต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำออกมาน่าเบื่อแต่อย่างใด มันอัดแน่นไปด้วยความสนุกสนานและความตื่นตาตื่นใจในโลกที่เต็มไปด้วยการผจญภัยและวิทยาศาสตร์สายไฟที่ทำให้เราสนุกจนนั่งติดเก้าอี้ได้ตลอดการรับชม
ยิ่งใครที่รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในระบบเสียงแบบต้นฉบับจะทำให้สามารถรับรู้ได้เลยว่าตัวละครมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรในช่วงเวลานั้นโดยเฉพาะตัวละครหลักที่พากย์โดยกัปตันอเมริกาอย่างคริส อีแวนส์ นักแสดงหนุ่มที่ไม่ได้มีเพียงแค่การสวมบทบาทในภาพยนตร์แต่เขายังเป็นนักพากย์ที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ให้ความรู้สึกเป็นผู้ชายหลงยุคหรือแม้แต่ความกล้าหาญเหมือนกับทหารเก่า มันทำให้เรารู้สึกปวดคิดถึงบทบาทที่เขาเคยรับไปไม่ได้เลย
ในขณะที่ตัวละครสมทบแต่ละตัวนั้นก็สามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม มีการให้เวลาเหล่าตัวละครสมทบพวกนี้ได้เชิดฉายอย่างสมบูรณ์ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป บางตัวละครเป็นคนธรรมดาทั่วไปแต่ก็เต็มไปด้วยความกล้าหาญและกล้าที่จะลุกขึ้นมาทำบางสิ่งบางอย่างที่ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าบางครั้งอาจจะมีตัวละครบางตัวที่ทำตัวน่ารำคาญไปบ้าง ซึ่งตัวภาพยนตร์เองก็กลัวว่าจะเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นจึงไม่ได้ให้แกทำตัวละครที่น่ารำคาญอะไรมากมาย
แต่ตัวละครที่เราจะไม่พูดถึงไปไม่ได้เลยก็คือเจ้าแมวเหมียวสีส้มตาโตที่มีชื่อว่าซ็อกต์ที่ออกมาในระยะเวลาสั้นๆ ในตัวอย่างแต่กลับสามารถแย่งซีนทุกคนได้เป็นอย่างดี มันเป็นหุ่นยนต์แมวที่ทั้งฉลาดหลักแหลมยังน่ารักเป็นอย่างมาก ช่วยผ่อนหนักผ่อนเบาของเนื้อหาภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าทุกคนจะต้องตกหลุมรักเจ้าหุ่นยนต์แมวเหมียวนี้อย่างแน่นอน
สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าจะไปรับชมดีหรือไม่ขอบอกได้เลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คุ้มค่าแก่การรับชมอย่างแน่นอน คุณจะได้สัมผัสถึงความเป็นตัวตนของตัวละครที่คุณตกหลุมรักมาตั้งแต่สมัยยังเด็กผ่านภาพยนตร์แนวผจญภัยไซไฟที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ได้ดังเดิม
ตัวอย่างอนิเมชั่น BUZZ LIGHTYEAR
รีวิว อนิเมชั่น BUZZ LIGHTYEAR บางส่วนจาก beartai
บัซ ไลท์เยียร์ (Buzz Lightyear) เป็นตัวละครที่เรารู้จักกันมาอย่างยาวนาน เขาปรากฏตัวครั้งแรกจากภาพยนตร์เรื่อง ‘Toy Story (1995)’ ในฐานะตุ๊กตา Space Ranger ของ แอนดี เดวิส (Andy Davis) หลังจากหนังฉาย บัซ ไลท์เยียร์ ก็เข้าไปครองใจผู้ชมจนกลายเป็นหนึ่งในไอคอนนิกของ Pixar ไปเรียบร้อย
เป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ที่คนดูได้รู้จักกับ บัซ ไลท์เยียร์ ผ่านวันเวลาอันแสนสนุก ระทึกขวัญและเสียน้ำตา จนเขากลายมาเป็นหนึ่งในความทรงจำอันล้ำค่าของใครหลายคน และแล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ Space Ranger ผู้นี้จะกลับมาโลดแล่นเพื่อสร้างตำนานใหม่อีกครั้ง
Lightyear คือภาพยนตร์ที่อยู่ในจักรวาล Toy Story โดยเจ้าตุ๊กตา บัซ ไลท์เยียร์ ของแอนดีก็เป็นของเล่น ที่สร้างมาจากหนังเรื่อง Lightyear นี้อีกที ดังนั้นแล้ว ก่อนจะไปดู Lightyear ก็ขอให้ทุกคนลืมทุกสิ่งที่คุณรู้จักเกี่ยวกับ บัซ ไลท์เยียร์ ไปซะและมาทำความรู้จักกับอีกหนึ่งเรื่องราวนี้กัน
เรื่องย่อของ Lightyear เริ่มต้นขึ้นเมื่อนักบินอวกาศ บัซ ไลท์เยียร์ ได้ทำภารกิจผิดพลาด จนทำให้เขาและทีมถูกปล่อยทิ้งไว้บนดาวเคราะห์รกร้าง ไลท์เยียร์นั้นรู้สึกว่าเป็นความผิดของเขาที่ทำให้ทุกคนต้องติดอยู่ที่นี่ เขารู้สึกว่าตนเองต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไลท์เยียร์จึงออกเสาะแสวงหาวิธีกลับบ้าน ด้วยวิธีการที่ไม่มีใครกล้าและบ้าเท่าเขาอีกแล้ว
ต้องบอกว่า Lightyear คือหนังที่มีความเป็นไซไฟสูงมาก ตลอดทั้งเรื่องอุดมไปด้วยกฎฟิสิกส์ การข้ามเวลา และพหุจักรวาลเต็มไปหมด แต่หนังก็ไม่ได้ใจร้ายกับคนดูขนาดนั้น เพราะมันยังมอบความบันเทิงให้คนดูได้สนุกกับการผจญภัยของเหล่า Space Ranger ในเรื่อง อีกทั้งหนังยังมี ‘หัวใจ’ อยู่เต็มเปี่ยม ที่ช่วยให้คนดูรู้สึกอิ่มเอมกับเรื่องราวนี้ไปจนจบ
แม้ผู้กำกับ แองกัส แมคเลน (Angus MacLane) จะเคยกำกับหนังสั้น Toy Story อยู่บ้าง แต่นี่ถือเป็นอีกครั้งที่เขาต้องมาจับตัวละครที่ Spin-Off ออกมาจาก Toy Story และการตีความ บัซ ไลท์เยียร์ ในฉบับนี้ก็ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายแมคเลนอย่างมาก เพราะเขาต้องพาตัวละครนี้ไปในทิศทางที่สดใหม่แต่ต้องไม่ทำลายความทรงจำเดิมของแฟน ๆ ด้วย
และก็ถือว่าแมคเลนสอบผ่าน! เพราะ บัซ ไลท์เยียร์ ในฉบับนี้ฉีกออกจากฉบับเดิมได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของ Space Ranger ที่เรารักอยู่ ซึ่ง บัซ ไลท์เยียร์ ฉบับใหม่เท่ชนิดว่าหากเราเป็นเจ้าหนูแอนดีแล้ว ดูจบคงอยากได้ของเล่นชิ้นนี้อย่างแน่นอน
ในด้านของเนื้อเรื่องนั้น แอนิเมชันของ Pixar ยังคงเป็นหนังสูตรสำเร็จอยู่เช่นเดิม เพราะมีทั้งพาร์ตที่ตัวละครหลักต้องเจ็บปวด จนต้องเรียนรู้จากตัวละครอื่น มีซีนเรียกน้ำตาที่ดึงอารมณ์จากผู้ชม และการก้าวข้ามผ่านตัวตนของตัวเอกที่จะพาไปสู่ตอนจบที่งดงาม แต่แม้จะดูเป็นสูตรสำเร็จจ๋า หนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้น่าเบื่อหรอกนะ เพราะ Lightyear ยังอัดแน่นไปด้วยความน่าตื่นตาของโลกไซไฟที่ผสมผสานการผจญภัย จนทำให้เรารู้สึกสนุกตามไปจนจบเลยล่ะ
beartai