ชื่อเรื่องThe Umbrella Academy
เรตติ้ง8.0
นักแสดงDavid Castañeda,Emmy Raver-Lampman,Robert Sheehan
จำนวนตอน30 ตอน

รีวิวหนัง The Umbrella Academy Netflix

รีวิวหนัง The Umbrella Academy Netflix ซีรีย์ฮีโร่แนวแฟนตาซีที่มาพร้อมกับปมดราม่าแบบขำไม่ออก ถ้าพูดถึงเรื่องราวของฮีโร่หลายคนก็น่าจะนึกถึงการเสียสละและการต่อสู้ แต่อย่างไรก็ตามนั้นเป็นเพียงแค่สิ่งที่ภาพยนตร์หรือซีรีส์นำเสนอให้เราได้เห็นเพียงแค่ด้านเดียวเท่านั้นแม้ว่าในปัจจุบันนี้จะมีความพยายามในการตีแผ่ชีวิตส่วนตัวของฮีโร่มากยิ่งขึ้นจนทำให้เรารู้สึกตามไปได้ไม่ยากอย่างเช่นเรื่องราวของไอรอนแมนอย่างที่เราเห็นว่าโดยรวมแล้วทนเรื่องราวยังคงสดใสสว่างอยู่ดีสำหรับใครที่อยากจะลองรับชมเรื่องราวของฮีโร่แนวแฟนตาซีที่แตกต่างออกไป

เราขอแนะนำซีรีส์เรื่อง The Umbrella Academy มันเป็นซีรีย์ที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนคอมมิคที่มีซุปเปอร์ฮีโรชื่อดังมากมายอย่างเช่นหน้ากากเทวดาหรือ The Mask และเด็กนรกอย่าง Hellboy เราจะเห็นชัดเลยว่าฮีโร่จากคอมมิคค่ายนี้จะนำเสนอผลกระทบจากสังคมที่ก่อให้เกิดด้านมืดในจิตใจของมนุษย์ออกมาได้เป็นอย่างดีดังนั้นบอกเลยว่าแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องราวสุดแฟนตาซี แต่คุณจะยังคงได้เสพเรื่องดราม่าแบบเต็มที่อย่างแน่นอนการที่นำเอาชีวิตของฮีโร่ที่เคยประสบพบเจอเรื่องราวที่สุดแสนจะเลวร้ายและนำเอามาตีแผ่ให้เห็นเป็นด้านมืดนั้นถือว่ามีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

เพราะถึงแม้ว่าภาพยนตร์ฮีโร่ส่วนใหญ่ที่ออกมาก่อนหน้านี้จะมีการดัดแปลงมาจากคอมมิคเช่นเดียวกันซึ่งเรื่องราวในคอมมิคนั้นก็จะมีการเล่าเรื่องราวด้านมืดของฮีโร่บ้าง แต่เมื่อนำเอามาสร้างเป็นภาพยนตร์ส่วนใหญ่แล้วผู้สร้างก็มักจะไม่ค่อยเล่าเรื่องราวด้านนี้เท่าที่ควรซึ่งค่อนข้างต่างจากซีรีย์เรื่องนี้เนื่องจากตั้งแต่คอมมิคก็บอกเล่าเรื่องราวด้านมืดมาแล้วโดยเฉพาะด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นซีรีย์แนวฮีโร่ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียวเพราะมันแตกต่างจากเรื่องอื่นที่เราเคยรับชมมาอย่างแน่นอนดังนั้นใครที่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับฮีโร่และยังไม่เคยรับชมซีรีย์เรื่องนี้มาก่อนเราก็อยากจะแนะนำให้ทุกคนลองเปิดใจรับชม

เรื่องราวในซีรีย์เรื่อง The Umbrella Academy

The Umbrella Academy เป็นซีรีย์ที่จะพาเราย้อนกลับไปในช่วงยุค 80 ในวันที่ 1 ตุลาคมปี 1989 ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้นมาเมื่อหญิงสาวบริสุทคนหนึ่งได้ถือกำเนิดทั้งบุตรสาวและบุตรชายออกมาเป็นจำนวนกว่า 43 คนแต่ละคนนั้นเป็นเด็กมีพลังพิเศษแอบแฝงอยู่ทำให้พวกเขานั้นกลายเป็นคนพิเศษที่ไม่เหมือนใครเด็กเหล่านี้ถูกแต่ละคนรับอุปการะเอาไว้เนื่องจากผู้เป็นมารดาไม่สามารถเรียนทุกคนได้ด้วยเหตุนี้มันจึงมีเด็กทั้งหมด 7 คนที่ได้รับการอุปถัมภ์โดยเซอร์เรจินัลด์ชายผู้ซึ่งก่อตั้ง Umbrella Academy ขึ้นมาเขานั้นต้องการจะสร้างสถาบันนี้ขึ้นมาเพื่อฝึกฝนให้เด็กทั้ง 7 คนได้กลายเป็นฮีโร่

ที่จะทำหน้าที่ในการดูแลรักษาโลกใบนี้เอาไว้เด็กทั้ง 7 คนนั้นประกอบไปด้วยหมายเลขหนึ่งนั่นก็คือเด็กชายที่มีชื่อว่าอาเธอร์เขาเติบโตมาเป็นนักบินอวกาศที่มีพลังแข็งแกร่งเหนือใครหมายเลข 2 คือมือมีดที่มีชื่อว่าดิเอโกหมายเลข 3 เป็นดาราดังที่สามารถบิดเบือนความจริงได้ด้วยคำโกหกของเธอหมายเลข 4 เป็นผู้ที่สามารถสื่อสารกับวิญญาณได้อย่างเคลาส์หมายเลข 5 เด็กชายที่ไม่มีชื่อเขานั้นมีความสามารถในการเดินทางไปมาเวลาได้อย่างอิสระเสรีและสุดท้ายคือหมายเลข 7 ที่ไร้พลังคอยจดบันทึกเรื่องราวของพวกเขาจนกลายมาเป็นหนังสือมีชื่อว่าวานย่าพวกเขานั้นไม่ได้เติบโตมาเหมือนกับเด็กปกติ

แต่อย่างใดด้วยความที่พวกเขานั้นเป็นเด็กที่มีพลังพิเศษอยู่แล้วหลายคนอาจมองว่าการที่พวกเขาถูกอุปการะเลี้ยงดูโดยมหาเศรษฐีร่ำรวยและได้อยู่ในสถาบันการฝึกสอนฮีโร่โดยเฉพาะเป็นสิ่งที่น่าอิจฉาเป็นอย่างมาก แต่ความจริงแล้วมันทำให้พวกเขานั้นต้องเผชิญกับบาดแผลในวัยเด็กมากมายและด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้แต่ละคนนั้นต่างก็แยกย้ายกันไปตามทางที่ต้องการเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น หลังจากผู้อุปการะพวกเขาตายลงไปเขาก็ได้เดินทางกลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อตามหาสาเหตุการตายของคนที่อุปถัมภ์พวกเขาไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังต้องร่วมมือกันในการยับยั้งหายนะที่จะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้จากการถูกบงการโดยกลุ่มคนไม่หวังดีที่มีชื่อว่า The Commission อีกด้วย

ความรู้สึกหลังรับชมซีรีย์เรื่อง The Umbrella Academy

The Umbrella Academy เป็นซีรีย์ที่ต้องใช้ระยะเวลาช่วงหนึ่งเลยทีเดียวในการพยายามทำความเข้าใจและจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในเรื่องราวให้ได้เพราะด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่แตกต่างจากซีรีส์โดยทั่วไปเนื่องจากดัดแปลงมาจากคอมมิคประกอบเข้ากับเรื่องราวปมปริศนามากมายไม่ว่าจะเป็นการคลอดเด็กที่มีพลังวิเศษขึ้นมาโดยหญิงสาวบริสุทธิ์พ่ออุปถัมภ์ของพวกเขาที่จัดตั้งสถาบันขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่มีใครรู้รวมไปถึงองค์กรลึกลับ

หรือแม้กระทั่งวันสิ้นโลกที่หมายเลข 5 พยายามเดินทางข้ามเวลาไปค้นให้เจอด้วยความที่เรื่องราวมันค่อนข้างเยอะและอัดแน่นเป็นอย่างมากทำให้เนื้อหาตลอด 10 ตอนของซีรีย์นั้นเต็มไปด้วยความเข้มข้นและปริศนาที่น่าติดตามเป็นอย่างมาก แต่อย่างที่เราบอกไปข้างต้นว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาในการทําความเข้าใจและรับรู้เรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวหากเราสามารถข้ามผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นไปได้ก็จะช่วยให้เรานั้นเข้าใจเรื่องราวและรับชมได้อย่างสนุกสนานมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างหนัง The Umbrella Academy

รีวิว หนัง The Umbrella Academy บางส่วนจาก beartai

1 ตุลาคม 1989 เกิดเหตุการณ์ประหลาดเมื่อสาวบริสุทธิ์ให้กำเนิดบุตรและธิดารวม 43 คน โดยเด็กทุกคนจะมีพลังพิเศษแอบแฝงอยู่แต่มีเด็ก 7 คนที่ เซอร์ เรจินัลด์ ฮาร์กรีฟส์  (คอล์ม ฟิออร์) ได้อุปถัมภ์และก่อตั้ง อัมเบรลลา อคาเดมี เพื่อฝึกให้พวกเขากลายเป็นฮีโร่พิทักษ์โลกได้แก่ อาร์เธอร์ (ทอม ฮอปเปอร์) หรือหมายเลข 1 นักบินอวกาศผู้มีพละกำลังอันแข็งแกร่ง ,ดิเอโก (เดวิด แคสตานีดา) หรือหมายเลข 2 มือมีด, อลิสัน (เอมี เลเวอร์ แลมป์แมน) หรือหมายเลข 3 ดาราดังผู้สามารถบิดเบือนความจริงด้วยคำโกหก, เคลาส์ (โรเบิร์ต ชีฮาน) หรือหมายเลข 4 ผู้สามารถสื่อสารกับวิญญาณได้, หมายเลข 5 (ไอแดน กัลลาเกอร์) เด็กชายไร้ชื่อผู้สามารถเดินทางข้ามเวลาได้ และวานย่า (เอลเลน เพจ) หรือหมายเลข 7 ผู้ถูกตีตราว่าไร้พลังแต่คอยบันทึกประวัติศาสตร์ของพวกเขาเป็นหนังสือ และด้วยบาดแผลในวัยเด็กของพวกเขาก็ทำให้แต่ละคนแยกย้ายไปตามทาง แต่หลังการตายของ เซอร์เรจินัลด์ พวกเขาก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการตายของพ่ออุปถัมภ์และต้องร่วมมือกันหยุดยั้งหายนะโลกที่ถูกบงการโดย เดอะคอมมิชชั่น

The Umbrella Academy เดิมทีเป็นคอมิกในค่าย ดาร์ค ฮอร์ส คอมิก ที่มีซูปเปอร์ฮีโร่ดังอย่างเด็กนรก Hellboy และ The Mask หน้ากากเทวดา เป็นหัวหอกของค่าย ซึ่งคอมิกค่ายนี้มักเน้นเรื่องราวของตัวละครเอกที่มีด้านมืดหรือเกิดจากผลกระทบบางอย่างจากสังคมเป็นสำคัญ ซึ่งก็ไม่เว้น The Umbrella Academy ผลงานการสร้างสรรค์เรื่องราวโดย เจอร์ราด เวย์ ผ่านลายเส้นของ แกเบรียล บาร์ โดยแรกเริ่มเป็น คอมิกแบบ 6 ฉบับจบระหว่างปี 2007 – 2008 และได้รับรางวัล ไอส์เนอร์อวอร์ด สาขาลิมิเต็ดซีรีส์คอมิกยอดเยี่ยม และคอมิกซีรีส์ที่ 2 ก็เพิ่งวางแผงเล่มแรกจาก 3 ฉบับไปเมื่อปี2018ที่ผ่านมา โดยโครงการดัดแปลงคอมิกชุดนี้เป็นซีรีส์ได้เริ่มต้นในปี 2015 หลังจากล้มเหลวในการดัดแปลงเป็นฉบับภาพยนตร์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และในที่สุดมันก็ได้กลายเป็นซีรีส์ของทาง Netflix และเริ่มสตรีมมิง 10 ตอนไปเมื่อวันที 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั่นเอง

สำหรับการดำเนินเรื่องในซีรีส์ต้องยอมรับว่า คนดูอาจต้องปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่าเรื่องไปพอสมควร และยิ่งบทสร้างปมไว้เยอะเหลือเกินทั้งปมใครฆ่าพ่อของเหล่าเด็กกำพร้าซูเปอร์ฮีโร่แล้ว ยังมีปมที่หมายเลข 5 พยายามหาทางหยุดยั้งวันสิ้นโลกตามที่เขาได้เดินทางข้ามเวลาไปพบเจอให้ได้ ซึ่งการแบ่งเนื้อหาใน 10 ตอน ขอสารภาพว่าตัวซีรีส์ไม่ได้ช่วยให้คนดูเข้าใจเรื่องราวได้ง่ายขึ้นเลย เพราะมันเต็มไปด้วยเหตุการณ์ยิบย่อยมากมาย แถม 10 ตอนที่ถูกปล่อยมาตอนนี้ เราก็ยังไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่มาของพลังจากเหล่าฮีโร่แต่ละตัวมากนัก แต่จะเน้นไปที่บาดแผลทางจิตใจที่เซอร์ เรจินัลด์ ฮาร์กรีฟส์ ได้ทิ้งไว้ในใจพวกเขา โดยเหตุการณ์ใน 10 ตอนนี้มีการบอกเล่าถึงตัวละครหลัก 6 ตัวได้แบบกระท่อนกระแท่นและอาจไม่ปะติดปะต่อนัก เดาว่าคงพยายามคุมโทนของคอมิกเอาไว้ซึ่งก็อาจไม่ถูกใจคนดูในวงกว้างมากนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ใน 5 ตอนแรกที่ซีรีส์เอาเวลาไปบอกเล่าเรื่องราวยิบย่อยมากกว่าประเด็นหลัก โดยเฉพาะ 2 ปมหลักอย่างการหาสาเหตุการตายของเซอร์ เรจินัลด์ ก็ดันมีแค่ สเปซบอย คนเดียวที่ให้ความสำคัญและปมนี้ก็จบลงอย่างง่ายดายทั้งที่มันเป็นปมเปิดซีรีส์ ก่อนที่ตอนท้ายเราจะได้พบปมที่แท้จริงได้แก่ ปมที่หมายเลข 5 พยายามหยุดยั้งหายนะโลก ที่กว่าซีรีส์จะทำให้ปมนี้กลายเป็นปมที่รวมเหล่าตัวละครฮีโร่ก็ปาไปตอนที่ 4 แล้ว แถมเมื่อถึงตอนที่ 6 ซีรีส์ก็ดันใช้พลอตเดินทางข้ามเวลามาหักล้างทุกอย่างที่ปูไว้ใน 5 ตอนแรกแบบแทบไม่มีปมสำคัญอะไรมาสานต่ออีกแล้วนอกจากแค่แนะนำตัวละครว่าใครเป็นใครเท่านั้นเอง เพราะผ่านมา 5 ตอนเราก็ยังไม่ค่อยรู้จักตัวละครแต่ละตัวเท่าไหร่นักเลย

ลำพังแค่ข้อมูลพื้นฐานอย่างพลังแต่ละคน บางทีก็ยังไม่ชัดเจนนัก เช่น ทำไมหมายเลข 1 ถึงต้องเรียกว่าสเปซบอย นอกจากแค่เรื่องที่เขาถูกพ่อส่งไปอยู่บนดวงจันทร์ แถมยังถูกฉีดเซรุ่มที่ทำให้เขามีขนรุงรังกลายเป็นลิงกอริลล่าอีก และที่หนักสุดคือหมายเลข 3 ดาราดังที่สามารถใช้คำโกหกของตัวเองบิดเบือนความเป็นจริง ซึ่งซีรีส์ก็ไม่ได้ทำให้เห็นชัดเจนนัก ว่ามันส่งผลกับเรื่องราวยังไง เช่นเดียวกับ เคลาส์ ที่กว่าเราจะได้เห็นประโยชน์ของการคุยกับวิญญาณได้ก็ปาไปเกือบจบซีซันแล้ว ที่สำคัญคือการที่ซีรีส์ไม่ได้ปูปมความคับแค้นใจของ วานย่า หรือหมายเลข 7 มาตั้งแต่ต้นและให้ความสำคัญกับการค่อยๆถักทอความขัดแย้งกับเหล่าพี่น้องให้เป็นรูปธรรมจนมาไปถึงตอนที่ 8 ที่พอซีรีส์จะหาปมสนุกๆอะไรให้เราติดตามได้ก็เกือบหมดซีซันแล้ว จึงกลายเป็นว่าตัวซีรีส์หมดเวลาไปกับการสร้างฉากกวนๆพยายามให้ขำเพื่อสร้างเสน่ห์ให้ตัวละคร แต่กลับแป๊ก แทนที่จะเอาเวลามาปูปมสำคัญให้เราสามารถเอาใจช่วยหรือรู้สึกร่วมไปกับตัวละครจนอยากเอาใจช่วยไปอย่างน่าเสียดาย

beartai

หารายได้เสริมกับคาสิโนออนไลน์และเว็บแทงบอลออนไลน์ที่ดีที่สุด บริการ แทงบอลขั้นต่ำ 10 บาท ufabet ฝากถอนรวดเร็ว 24 ชม. ด้วยระบบ ฝากถอนออโต้ เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ ที่ทันสมัยที่สุด มีผู้ใช้งานมากที่สุดในตอนนี้

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *