ชื่อเรื่อง Below Zero Netflix
เรตติ้ง6.2
นักแสดง Javier GutiérrezKarra ElejaldeLuis Callejo
จำนวนตอน 1.46 ชั่วโมง

รีวิวหนัง The Mitchells Vs The Machines

รีวิวหนัง The Mitchells Vs The Machines ภาพยนตร์อนิเมชั่นสุดฮาจากค่าย Sony ปัจจุบันนี้หลายคนน่าจะคุ้นชินกับภาพยนตร์อนิเมชั่นจากค่ายดังยอดนิยมอย่างดิสนีย์และพิกซาร์ อีกหนึ่งค่ายที่ไม่ได้โดดเด่นเรื่องการทำภาพยนตร์อนิเมชั่นมากมาย แต่หากได้ลองรับชมแล้วจะต้องติดใจอย่างแน่นอนนั่นก็คือค่าย Sony อย่างเช่น Angry Birds The Movie และ Emoji Movie เป็นต้น  

ในครั้งนี้พวกเขาจะมามอบความสนุกสนานให้กับเราอีกครั้งด้วยภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง The Mitchells Vs. The Machines ภาพยนตร์แนวตลกครอบครัวที่สามารถรับชมได้ทุกเพศทุกวัย แม้ว่าภายในเรื่องนั้นจะดูเต็มไปด้วยความวุ่นวายเมื่อครอบครัวตัวป่วนต้องเอาชีวิตรอดจากโลกที่เต็มไปด้วยหุ่นยนต์สุดโหด หลายคนน่าจะเคยเห็นตัวอย่างบางฉากของภาพยนตร์เรื่องนี้ผ่านตา โดยเฉพาะฉากที่หุ่นยนต์เฟอร์บี้ หุ่นยนต์ตุ๊กตาที่เคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอดีตไปทั่วทั้งโลกออกมาไล่อาละวาดไปทั่วห้างสรรพสินค้า

แต่น่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาในช่วงเวลาที่เชื้อไวรัส covid-19 ในหลายประเทศยังไม่ดีขึ้น ทำให้ผู้คนไม่รู้ว่ามีภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในช่วงเวลาดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามในช่วงเวลา 6 เดือนที่ผ่านมานี้ต้องยอมรับว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ถือว่าเป็นอนิเมชั่นยอดเยี่ยมของปี 2021 อย่างไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะมันเต็มไปด้วยรสชาติที่เข้มข้นและงานกราฟิกที่ยอดเยี่ยม 

ไม่เพียงเท่านั้นยังสอดแทรกประเด็นต่างๆ เข้ามามากมายโดยเฉพาะประเด็นทางครอบครัวในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีจนทำให้สมาชิกต่างคนต่างก็หมางเมินใส่กัน มันจึงเป็นภาพยนตร์ที่สามารถรับชมเพื่อความสนุกอย่างเดียวก็ได้ หรือจะรับชมแล้วได้แง่คิดกลับไปก็ได้เช่นเดียวกัน

เรื่องราวสุดป่วนในภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง The Mitchells Vs The Machines

The Mitchells Vs. The Machines จะเล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวมิตเชลล์ เขาเป็นครอบครัวสมัยใหม่ในปัจจุบันที่เบื้องหน้านั้นก็เหมือนกับครอบครัวธรรมดาทั่วไป แต่ด้วยความที่อยู่ในยุคเทคโนโลยีทำให้พวกเขานั้นห่างเหินกัน ไม่เพียงเท่านั้นสมาชิกแต่ละคนยังเต็มไปด้วยความเพี้ยนแบบกู่ไม่กลับ ไม่ว่าแต่ละคนจะทำอะไรสิ่งที่ออกมานั้นก็จะเต็มไปด้วยความวุ่นวายเสมอ ไม่ต้องพูดถึงเมื่อพวกเขารวมตัวกันทำบางสิ่งบางอย่าง สิ่งนั้นนอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้วยังตามมาด้วยหายนะอีกด้วย ทำให้แต่ละคนในบ้านก็ยิ่งห่างเหินกันมากขึ้นไปอีก 

แต่อย่างไรก็ตามพี่สาวคนโตของบ้านอย่างเคธี่กำลังจะก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต คนในครอบครัวจึงต้องรวมตัวกันออกทริปเดินทางไปส่งเด็กสาวเข้าสู่มหาวิทยาลัยภาพยนตร์ แต่ในระหว่างเดินทางนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเทคโนโลยีล้ำสมัยที่มนุษย์ได้พัฒนามาเพื่อหวังว่าจะให้เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกกลับลุกฮือขึ้นมาก่อหายนะจนมนุษย์ไม่สามารถที่จะควบคุมได้อีกต่อไป

โลกก้าวเข้าสู่ภาวะวิกฤตในช่วงเวลาพริบตาเดียวทำให้ครอบครัวสุดเพี้ยนที่กำลังออกเดินทางนั้นต้องพยายามเอาตัวรอดจากหุ่นยนต์ที่เต็มไปด้วยอันตรายให้สำเร็จ ความห่างเหินระหว่างสมาชิกจึงต้องได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะได้ร่วมมือการเอาตัวรอดจากวิกฤตการณ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้สำเร็จ พวกเขานั้นได้พบเจอกับหุ่นยนต์เป็นมิตรอีก 2 ตัวที่เข้ามารวมกันจนกลายเป็นครอบครัวใหญ่ขึ้นมา

แต่ด้วยความที่แต่ละคนนั้นไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะกอบกู้โลกใบนี้ได้เลยแม้แต่น้อย ทำให้ภารกิจกอบกู้โลกก่อนที่จะถูกหุ่นยนต์ยึดครองจนมนุษย์สูญพันธุ์นั้นจึงกลายเป็นเรื่องยากที่เต็มไปด้วยความปั่นป่วนมากมาย แม้ว่าบางครั้งจะดูมีแผนการแต่มันกลับทำให้เรื่องราวแย่ลงเพราะแผนการไม่มีความรัดกุม เมื่อโลกต้องฝากชะตากรรมเอาไว้กับครอบครัวสุดห่วยบทสรุปจะลงเอยอย่างไร ต้องไปติดตามในภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Mitchells Vs The Machines

The Mitchells Vs. The Machines เป็นภาพยนตร์ที่มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ไม่น่าจะเข้ากันแต่กลับเข้ากันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นการนำเอาวิทยาศาสตร์ไซไฟมาผสมเข้ากับความสัมพันธ์ในครอบครัวที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงและความซาบซึ้ง หายนะโลกแตก ความตลกจากความเพี้ยนของสมาชิกในครอบครัว ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ ความตลกโปกฮาที่มาพร้อมกับหายนะ และการที่ให้ตัวละครเพี้ยนมาเป็นฮีโร่ 

เป็นภาพยนตร์ที่มีหลายอารมณ์ร่วมกันแต่สามารถทำจังหวะออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ละฉากนั้นทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นม้ามืดที่โดดเด่นไม่แพ้ใครในปี 2021 นี้  ตัวละครมนุษย์ 4 คนและหุ่นยนต์ 2 ตัวนั้นได้รับการกระจายบทอย่างเท่าเทียมจนทำให้ทุกตัวละครนั้นเด่นเท่ากันหมด ไม่มีตัวไหนที่จมหายไประหว่างการเล่าเรื่อง                 

แม้จะมีประเด็นมากมายแต่ภาพยนตร์ก็สามารถเก็บประเด็นได้อย่างครบถ้วน ไม่เพียงเท่านั้นประเด็นยังเข้ากับสังคมในสมัยใหม่ที่ทุกคนต่างก็พึ่งพาเทคโนโลยีจนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนนั้นห่างเหินกันไป ความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัวที่ลูกไม่ได้รับการสนับสนุนความฝันจากพ่อแม่ ความรักจากพ่อแม่ที่หวังดีกับลูกจนไม่ทันได้ฟังความต้องการของลูกเลยแม้แต่น้อย รวมไปถึงผลกระทบจากเทคโนโลยีที่ส่งผลทั้งในด้านดีและด้านเสีย  

ตัวอย่างหนัง The Mitchells Vs The Machines

รีวิว หนัง The Mitchells Vs The Machines จาก beartai

หากมองหาความบันเทิงแบบอิ่ม ๆ ในห้วงเวลานี้ คงต้องขอยกให้หนังเรื่องนี้จากทางเน็ตฟลิกซ์จริง ๆ ด้วยเส้นเรื่องที่เรียบง่ายดูได้ทั้งผู้ใหญ่ยันเด็ก แถมเสริมสร้างความผูกพันได้ดีมาก ๆ ด้วย เพราะบ้านมิตเชลล์นี้มีลูกสาวที่เริ่มโตและค้นพบเส้นทางฝันในการเป็นผู้กำกับหนัง แต่แน่นอนว่าคุณพ่อหัวเก่าย่อมไม่เข้าใจและเป็นห่วงว่าจะใช้เลี้ยงชีพได้จริงเหรอ จนกลายเป็นความระหองระแหงเล็ก ๆ ในครอบครัวเล็กที่สมาชิกแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันสูง (ไม่ต่างจากครอบครัวยุคใหม่จำนวนมากมายเลย

และเมื่อถึงวันที่ลูกสาวต้องไปเข้ามหาวิทยาลัย คุณพ่อจึงตัดสินใจจัดทริประยะไกลพาทั้งครอบครัวไปส่งลูกสาวคนโต แน่นอนว่าหลังจากนั้นคือความวายป่วงของบุคลิกที่ขัดแย้งกันในครอบครัว แล้วยังไม่วายมีเรื่องของหุ่นยนต์ยึดครองโลกมาป่วนอีก

ต้องบอกว่า ‘The Mitchells vs. the Machines’ เป็นแนวหนังครอบครัว ผสมโรดมูฟวีที่มีกลิ่นฟีลกู้ด ชวนให้นึกถึง ‘Little Miss Sunshine’ (2006) อยู่บ้างเหมือนกัน ทว่าด้วยความเป็นแอนิเมชันที่ต้องเผื่อใจให้เด็กรับชมด้วยทำให้หนังไม่ดูยากเท่า และยังสามารถใส่ความแฟนซีลงไปได้มากกว่าจึงมีกราฟความบันเทิงที่โดดเด้งกว่ามาก ๆ

เมื่อหนังผลิตขึ้นจากความรัก มันจึงเป็นหนังรัก หนังครอบครัวที่อบอุ่นใจ อิ่มใจมาก ๆ เรื่องหนึ่งเลย ยิ่งช่วงเวลาที่บรรยากาศทางสังคมอึมครึม ครอบครัวห่างเหินกันและมีโอกาสต้องกักตัวอยู่บ้านพร้อมหน้าพร้อมตาเช่นนี้ นี่คือหนังที่ตอบทุกโจทย์หัวใจเราในขณะนี้ทีเดียว แนะนำครับ กอดครอบครัวของเรา ในเวลาที่ไม่ต้องรีบเร่งไปไหน พักใจแล้วอิ่มรักไปด้วยกัน ดูสนุกซึ้งน้ำตาซึมได้ยันเครดิตจบเลยทีเดียว (มีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ ที่เครดิตจบด้วย เพราะมีดาราฮ่องกงที่คนไทยคุ้นหน้ามากท่านหนึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ให้หนังด้วย)

และสำหรับคอหนัง แนะนำให้ลองจำชื่อผู้กำกับและเขียนบทอย่าง ไมเคิล ริอานดา (Michael Rianda) ไว้เผื่อติดตามผลงานในวันข้างหน้าด้วย ดูจากผลงานที่เป็นเพียงเรื่องแรก ๆ คิดว่าน่าสนใจไม่เบาเลยครับ และยิ่งรู้ว่าแกพากย์เสียงเป็นลูกชายคนเล็กเองด้วย บอกเลยว่าคนนี้มีของไม่เบาเลยครับ

beartai

แนะนำ การลงทุน : ทำความรู้จัก UFABET หรือ แทงบอลยูโร ผู้ให้บริการระบบทางการเงิน อันดับ 1 ถ้าสนใจ สมัครบาคาร่า เล่นเกม บาคาร่า99 ที่มีบริการครบครัน sagame66 ช่วยให้ท่านได้กำไรและปลอดภัย sa66 สร้างรายได้ง่ายๆ กับ จีคลับ6666 และ จีคลับ88888 สนใจคลิ๊กเลย

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *