รีวิวหนัง THE BLACK PHONE

ชื่อเรื่องTHE BLACK PHONE
เรตติ้ง7
นักแสดงEthan Hawke
จำนวนตอน1.43 ชั่วโมง

รีวิวหนัง THE BLACK PHONE

รีวิวหนัง THE BLACK PHONE สายหลอน ซ่อนวิญญาณ ว่าด้วยเรื่องราวของ ฟินนีย์ ชอว์ เด็กชายขี้อายแต่ชาญฉลาด วัย 13 ขวบ ที่ถูกไอ้มืดฉุดลักพาตัวไปขังอยู่ในห้องใต้ดินเก็บเสียง ที่ซึ่งการกรีดร้องไม่ก่อเกิดประโยชน์ ในตอนที่โทรศัพท์ไร้สัญญาณที่ติดอยู่ตรงผนังเริ่มส่งเสียงดังขึ้นมา ฟินนีย์ก็ค้นพบว่าเขาสามารถได้ยินเสียงของเหยื่อคนก่อน ๆ ของมัน และเหยื่อเหล่านั้นก็ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาจะต้องไม่เกิดขึ้นกับฟินนีย์ ภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่นำเสนอเรื่องราวแบบวินเทจ ภาพยนตร์สยองขวัญนั้นอยู่กับมนุษยชาติมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่มีการริเริ่มอุตสาหกรรมภาพยนตร์ขึ้นมาเลยทีเดียว เรามีภาพยนตร์สยองขวัญให้รับชมตั้งแต่ยุคขาวดำมาจนถึงในยุคปัจจุบัน แต่ในช่วงเวลาที่ภาพยนตร์สยองขวัญได้รับความนิยมมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นในช่วงยุค 90 เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้เห็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญไม่ว่าจะเป็นเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติหรือแนวไล่เชือดออกมาให้ได้รับชมมากมาย แม้ว่าในช่วงหลังหนังเหล่านี้จะเสื่อมความนิยมลงไป แต่หลังจากระยะเวลาผ่านมาอย่างยาวนานเกือบ 30 ปีก็มีคนคิดถึงไม่น้อยเลยทีเดียว ในตอนนี้เราจึงจะเห็นว่ามีการนำเอาภาพยนตร์แนวไล่เชือดหรือภาพยนตร์แนวสยองขวัญยุค 90 มาสร้างใหม่เต็มไปหมด 

หนัง ไล่ ล่า ระทึกขวัญ netflix

หนึ่งในนั้นก็คือภาพยนตร์เรื่อง THE BLACK PHONE เป็นภาพยนตร์จากฮอลลีวูดที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาค่อนข้างดีเลยทีเดียว เป็นการนำเอาภาพยนตร์สยองขวัญมาผสมเข้ากับภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญออกมาได้อย่างลงตัว ประกอบกับสไตล์การเล่าเรื่องที่นำเสนอในรูปแบบ VINTAGE จึงมีความน่าสนใจไม่น้อยว่าการเล่าเรื่องราวแบบสมัยใหม่ผ่านงานภาพแบบยุค 90 นั้นจะออกมาเป็นอย่างไร 

สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสนใจอีกอย่างก็คือผู้กำกับอย่าง SCOTT DERRICKSON ผู้กำกับภาพยนตร์ฮีโร่ MARVEL อย่าง DOCTOR STRANGE ที่หันมากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้แทนที่จะไปกำกับภาพยนตร์เรื่อง DOCTOR STRANGE THE MULTIVERSE OF MADNESS โดยหยิบยกนำเอาเรื่องสั้นสยองขวัญที่ได้รับความนิยมมาขยายความและเล่าในรูปแบบภาพยนตร์แทนภายใต้ฉากหลังที่ย้อนกลับไปช่วงยุค 70 ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความหลอนทั้งในส่วนของเรื่องราวและการนำเสนอด้วย เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง THE BLACK PHONE

THE BLACK PHONE เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของเด็กชายวัย 13 ปีคนหนึ่งที่มีชื่อว่าชอว์ เขาเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไปที่มีความฉลาดหลักแหลมแต่เป็นคนขี้อายเลยพูดไม่ค่อยเก่งสักเท่าไหร่ ในวันหนึ่งเขาโชคร้ายถูกคนลักพาตัวไปขังเอาไว้ในห้องใต้ดินเก็บเสียงแห่งหนึ่ง การแผดเสียงร้องของเขาไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด ไม่มีใครที่ได้ยินเสียงของเขาทั้งนั้นจากห้องเล็กๆ แห่งนี้ 

แต่สิ่งที่เขาเห็นข้างหน้าก็คือโทรศัพท์ไร้สัญญาณที่ติดอยู่บนผนัง มันส่งเสียงขึ้นมาอย่างเป็นปริศนา เขาจึงตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาและพบว่าเสียงที่ตนเองได้ยินนั้นเป็นเสียงของเหยื่อคนก่อนที่ถูกจับตัวมาเช่นเดียวกัน และเหยื่อเรานั้นก็ได้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าจะทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองนั้นจะต้องไม่เกิดขึ้นกับเหยื่อคนล่าสุดอีกต่อไป ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง THE BLACK PHONE

THE BLACK PHONE เป็นภาพยนตร์ที่แกนหลักของมันไม่ใช่ภาพยนตร์แนวสยองขวัญเสียทีเดียวแต่จะเน้นความเขย่าขวัญมากกว่า โดยการสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความกดดันและความน่ากลัวผ่านตัวละครมายังผู้รับชมได้เป็นอย่างดี เสียดายที่มีบางจุดที่ยังคงลืมเล่าและขาดการเติมเต็มไปบ้าง แต่ในส่วนของการปูทางเรื่องราวก็ถือว่าสามารถทำออกมาพอใช้ได้ โดยเฉพาะการสอดแทรกประเด็นสังคมและครอบครัวเข้ามา แต่การพาเราไปยังประเด็นที่ไม่สุดสักทางมันทำให้ผู้รับชมเหมือนทิ้งเอาไว้กลางทางหลายครั้งตลอดการรับชมเช่นเดียวกัน 

โชคยังดีที่จังหวะการเล่าเรื่องยังไม่เสียรูปแบบแต่อย่างใดเพราะสุดท้ายแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังทำออกมาได้อย่างสนุกสนานบนพื้นฐานของความเป็นภาพยนตร์แนวสูตรสำเร็จ ในช่วงแรกอาจมีการปูเรื่องราวค่อนข้างยาวไปสักหน่อยและไม่มีอะไรแปลกใหม่จนทำให้หลายคนรู้สึกเบื่อ แต่หลังจากที่ภาพยนตร์เข้าสู่องค์ 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้วจากนั้นเราจะได้สัมผัสกับความสนุกและความตื่นเต้นอย่างเต็มที่ เป็นการเล่าเรื่องราวจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งได้อย่างไหลลื่นไม่มีอะไรทำให้สะดุดได้เลย 

ในส่วนของตัวละครนั้นอาจจะมีไม่มากมายแต่ภาพยนตร์ก็ยังไม่สามารถเล่าเรื่องราวเจาะลึกแต่ตัวละครได้อย่างเสมอกันเท่าที่ควร แม้แต่ตัวละครหลักอย่างเด็กที่ถูกลักพาตัวหรือแม้แต่มือฉุดเองก็ยังรู้จักเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น เหมือนกับภาพยนตร์ไม่ได้ต้องการให้เรารู้จักกับตัวละครเหล่านี้สักเท่าไหร่ เพียงแค่ต้องการจะนำเสนอสถานการณ์การเอาตัวรอดของเหยื่อและวัตถุประสงค์ของผู้ก่อเหตุว่าต้องการอะไรเพียงเท่านั้น 

อย่างไรก็ตามต้องยกความดีความชอบให้กับนักแสดงตัวหลักของเรื่องอย่างเมสัน เทมส์ นักแสดงเด็กที่พึ่งมาสวมบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นครั้งแรกที่ทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว จากลักษณะภายนอกที่ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้แล้วการแสดงของเขาก็ยังทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม นำเสนอตัวละครที่มีความนิ่งแต่เต็มไปด้วยอารมณ์ได้เป็นอย่างดี 

โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้จึงจัดว่าเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญเขย่าขวัญที่เล่าผ่านลักษณะสไตล์วินเทจออกมาได้อย่างสนุกและมีอรรถรสที่ครบรสดี แต่องค์ประกอบหลายอย่างในภาพยนตร์นั้นไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หรือทางออกมาได้สุดสักทาง การเล่าเรื่องราวยังมีจุดที่ทำให้รู้สึกชอบและไม่ชอบได้เช่นเดียวกัน เป็นภาพยนตร์ที่รับชมแล้วทำให้รู้สึกเหมือนกับอ่านนวนิยายของสตีเฟน คิงที่ไม่ได้มีผีหรือสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติแต่ก็สร้างความหวาดกลัวและความหลอนให้กับเราได้อย่างยอดเยี่ยม 

ตัวอย่างหนัง THE BLACK PHONE

รีวิว หนัง THE BLACK PHONE บางส่วนจาก beartai

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า ‘The Black Phone’ หรือ ‘สายหลอน ซ่อนวิญญาณ’ กับหมอแปลก ‘Doctor Strange’ ฮีโรจากค่าย Marvel มันมีความเกี่ยวข้องกันอยู่นิด ๆ นะครับ เหตุผลก็เพราะว่า สก็อต เดอร์ริกสัน (Scott Derrickson) ผู้กำกับสายสยองขวัญที่เคยสร้างชื่อใน ‘Sinister’ ทั้ง 2 ภาค รวมทั้ง ‘The Exorcism of Emily Rose’ (2005) แกเคยแวบไปกำกับ ‘Doctor Strange’ (2016) มาก่อนแล้วทีหนึ่ง

แล้วจริง ๆ เดอร์ริกสันนักเขียนบทคู่บุญ ซี โรเบิร์ต คาร์กิลล์ (C. Robert Cargill) ที่เคยเขียนบทด้วยกันทั้ง ‘Sinister’ (2012) ‘Sinister 2’ (2015) และหมอแปลกภาคแรก ก็มีความตั้งใจไว้แล้วแหละว่าจะกลับมากำกับภาคต่อ ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ (2022) แต่ว่าด้วยความที่ไอเดียไม่ลงรอยกัน เดอร์ริกสันกับคาร์กิลล์ก็เลยขอบาย หันกลับมาสร้างหนังสยงขวัญทุนต่ำในแบบที่คุ้นเคย จนออกมาเป็น The Black Phone ได้ในที่สุด

ที่ผู้เขียนบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญทุนต่ำ อันนี้ต้องเน้นย้ำว่าทุนเค้าต่ำเตี้ยเรี่ยดินจริง ๆ นะครับ เพราะหนังสยองขวัญเรื่องใหม่ล่าสุดจากค่าย ‘บลัมเฮาส์ โปรดักชันส์’ (Blumhouse Productions) เรื่องนี้ เขาใช้ทุนสร้างแค่ 18.8 ล้านเหรียญเองครับ แต่เห็น Low Cost แบบนี้ ทำรายได้ฉายในต่างประเทศฟาดไปเกือบ 100 ล้านเหรียญ พร้อมกับคำวิจารณ์ที่ถือว่าค่อนไปทางบวกเป็นส่วนใหญ่

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เดอร์ริกสันและคาร์กิลล์ร่วมมือกันดัดแปลงเรื่องสั้นความยาว 30 หน้า จากผลงานหนังสือรวมเรื่องสั้นแนวสยองขวัญติดอันดับ The New York Times Best Sellers ที่มีชื่อว่า ’20th Century Ghosts’ (2015) เขียนโดย โจ ฮิลล์ (Joe Hill) ซึ่งเขาก็คือลูกชายของ ‘สตีเฟน คิง’ (Stephen King) เจ้าพ่อสยองขวัญระดับตำนานนั่นเอง และยังได้พี่ อีธาน ฮอว์ก (Ethan Hawke) ที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน ‘Sinister’ (2012) กลับมาร่วมชายคาบลัมเฮาส์อีกครั้ง

เรื่องราวของ The Black Phone ว่าด้วยเรื่องของ ด.ช. ‘ฟินนีย์ ชอว์’ (Mason Thames) เด็กชายขี้อายแต่มีแววอัจฉริยะวัย 13 ปี ที่ถูกฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตภายใต้หน้ากากที่มีนามว่า ‘เดอะ แกร็บเบอร์’ (Ethan Hawke) ลักพาตัวไปขังไว้ในห้องใต้ดินที่แสนจะอับทึบและเงียบงันจนแทบจะไม่มีใครได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ แต่ในห้องนั้นกลับมีบางสิ่งบางอย่างอยู่ นั่นก็คือโทรศัพท์โบราณสีดำเครื่องหนึ่งที่แขวนอยู่บนผนังในห้องนั้น

beartai

รีวิวหนัง/ซีรีส์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *