ชื่อเรื่องTHE AMAZING SPIDER MAN 2
เรตติ้ง7.0
นักแสดงAndrew Garfield,Emma Stone
จำนวนตอน2.22 ชั่วโมง

รีวิวหนัง THE AMAZING SPIDER MAN 2 Netflix

รีวิวหนัง THE AMAZING SPIDER MAN 2 Netflix สไปเดอร์แมนก่อนที่ทอมฮอลแลนด์จะมารับบทเป็นปีเตอร์ปาร์คเกอร์ หนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้รับการรีแมพบ่อยมากที่สุดนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นสไปเดอร์แมนไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์สไปเดอร์แมนรุ่นแรกที่ออกฉายตั้งแต่ในปี 2002 โดยโทบี้แม็คไกวร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในฐานะของภาพยนตร์ซุปเปอร์ฮีโร่วัยรุ่นชั้นมัธยมปลายก่อนจะมีการสานภาคต่อออกมาอีกครั้งในภาค 2 และภาค 3 ปี 2004 และ 2007 ตามอันดับ แต่ภาพยนตร์ภาคต่อไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรจักรวาลรุ่นแรกจึงจบไปและตามมาด้วยจักรวาล THE AMAZING SPIDER MAN

ที่ได้แอนดริวการ์ฟิลด์มารับบทนำโดยในจักรวาลนี้มีเพียงแค่ 2 ภาพเท่านั้นเนื่องจากไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควรก่อนจะตามมาด้วยจักรวาลล่าสุดที่นำแสดงโดยทอมฮอลแลนด์อย่าง SPIDER-MAN จากค่าย MARVEL ที่ประสบความสำเร็จแบบถล่มทลายจนปัจจุบันกำลังจะออกภาค 3 มาให้เราได้รับชมแล้วที่เราจะพาทุกคนมาแนะนำในวันนี้เป็นภาพยนตร์ในจักรวาล THE AMAZING SPIDER MAN นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง THE AMAZING SPIDER MAN 2 สไปเดอร์แมนภาคใหม่ที่หลังจากภาคแรกเน้นเรื่องราวดราม่ามากกว่าการต่อสู้สุดดุเดือดที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้

จนทำให้กระแสตอบรับค่อนข้างแย่ไม่น้อยเลยทีเดียวในครั้งนี้พวกเขาจึงได้เพิ่มความสนุกสนานในการต่อสู้และทำให้ผู้รับชมอย่างเราได้รู้สึกลุ้นระทึกขึ้นมากกว่าเดิมแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วภาพยนตร์จักรวาลนี้จะมาจบอยู่ที่เพียงแค่ภาค 2 เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามมันก็เป็นสไปเดอร์แมนในความทรงจำของหลายคนที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำและวันนี้เราจะพาทุกคนไปย้อนรอยความทรงจำเก่า ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้กันว่ามันจะเป็นอย่างไรหากใครที่ยังไม่เคยรับชมมาก่อนปัจจุบันก็สามารถหารับชมได้แล้วบน NETFLIX

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง THE AMAZING SPIDER MAN 2

THE AMAZING SPIDER MAN 2 เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเด็กหนุ่มชั้นมัธยมปลายคนหนึ่งที่มีชื่อว่าปีเตอร์ปาร์คเกอร์เขานั้นเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไปจนกระทั่งในวันหนึ่งชีวิตของเขาก็ได้พลิกผันจากการถูกแมงมุมกัดและทำให้เขามีความสามารถของแมงมุมเขาได้กลายมาเป็นฮีโร่ที่ช่วยพิทักษ์โลกจากเหล่าวายร้ายมากมายเป็นระยะเวลาผ่านมากว่า 2 ปีแล้วที่เขาได้ครอบครองพลังดังกล่าวโดยบังเอิญและมันก็ทำให้เขานั้นคอยหมกมุ่นอยู่กับการปราบปรามวัยร้าย

ในฐานะของสไปเดอร์แมน แต่ความเป็นจริงแล้วขอนั้นเพียงแค่ต้องการใช้ชีวิตเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาทั่วไปกับคนที่เขารักอย่างสเตซีย์ไม่เพียงเท่านั้นอีกนานวันจบการศึกษาก็ใกล้จะเข้ามาถึงแล้วปีเตอร์นั้นรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมากเพราะเขาเคยให้สัญญาเอาไว้กับพ่อของสเตรีว่าจะอยู่ให้ห่างจากเธอเนื่องจากทุกคนไม่ต้องการให้เธอมีอันตราย แต่สุดท้ายปีเตอร์ก็ไม่สามารถรักษาสัญญาได้และเขายังต้องเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจอย่างอิเล็กโตรวายร้ายที่มาพร้อมกับสายฟ้า

รวมไปถึงเพื่อนเก่าของเขาอย่างแฮรี่ที่จะทำให้เขานั้นได้ค้นพบเกี่ยวกับอดีตของตนเองอีกด้วยเรื่องราวของสไปเดอร์แมนในภาคนี้จะเป็นอย่างไรเขาจะสามารถปกป้องโลกใบนี้จากวายร้ายสุดอันตรายได้สำเร็จหรือไม่แล้วเรื่องราวความรักของเขาร่วมด้วยถึงเรื่องราวครอบครัวในอดีตที่ถูกปิดบังมาโดยตลอดของเขานั้นจะเป็นอย่างไรต้องติดตามกันต่อในภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง THE AMAZING SPIDER MAN 2

THE AMAZING SPIDER MAN 2 เป็นภาพยนตร์ที่ทำออกมาได้สนุกสนาน แต่ก็ต้องบอกว่ามันยังไปไม่สุดโดยเฉพาะในส่วนของอารมณ์แม้ว่าจะมีการปรับปรุงข้อเสียจากที่ภาคแรกไม่ค่อยมีฉากต่อสู้ก็มีเพิ่มมากขึ้นจนทำให้ความสนุกสนานและความลุ้นระทึกของภาพยนตร์เพิ่มมากขึ้นก็ตามข้อดีของภาพยนตร์ภาคนี้ก็คือมันไม่จำเป็นต้องเล่าเรื่องราวย้อนอดีตให้เราเข้าใจทุกอย่างเนื่องจากผู้รับชมนั้นรู้ประวัติความเป็นมาของแต่ละตัวละครอยู่แล้วในภาคนี้ทีมงานจึงได้ยึดรายละเอียดเข้ามาแบบเต็มที่จนทำให้บางอย่างก็เยอะเกินความจำเป็นที่ผู้รับชมอย่างเราจะต้องรู้ แต่สิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำได้ดีก็คือฉากโรแมนติก

ที่สามารถทำออกมาได้อย่างน่ารักน่าชัง แต่น่าเสียดายที่มันออกมาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเนื่องจากภาพยนตร์จะเน้นเล่าเรื่องราวการต่อสู้มากกว่าทั้งที่มันสามารถเล่าควบคู่กันไปได้โชคดีที่ตัวร้ายของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าสนใจเนื่องจากอดีตนั้นเขาเคยเป็นแฟนคลับสไปเดอร์แมนมาก่อน แต่มีเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องเกลียดสไปเดอร์แมนและพลิกชะตาชีวิตตัวเองกลับมาเป็นตัวร้ายเสียอย่างนั้นภาพยนตร์สามารถเรื่องราวของตัวร้ายได้น่าสนใจ

แต่ที่น่าเสียดายของตัวร้ายตัวนี้ก็คือมันไม่ค่อยมีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าน่ากลัวเป็นตัวร้ายที่แล้วยังไงสไปเดอร์แมนก็คงจะรู้ได้อย่างแน่นอนในส่วนขององค์ประกอบอื่นอย่างเช่นเพลงประกอบหรือว่าสามารถทำได้ดีเลยทีเดียวเพราะช่วยให้เราเข้าใจอารมณ์และบรรยากาศภายในภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดีนักแสดงแต่ละคนสามารถแสดงบทบาทออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมดังนั้นจุดอ่อนของภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นในส่วนของเนื้อเรื่องและการนำเสนอมากกว่า

ตัวอย่างหนัง THE AMAZING SPIDER MAN 2

รีวิว หนัง THE AMAZING SPIDER MAN 2 บางส่วนจาก patsonic

หนังซูเปอร์ฮีโร่อย่าง Amazing Spider-Man มีภาคต่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เข้าฉายในหลายประเทศก่อนบ้านเราอยู่หลายวัน แต่ในที่สุดก็เข้ามาฉายในประเทศไทยจนได้ เริ่มที่จัดฉายรอบพิเศษกันไปตั้งวันจันทร์ที่ 28 เมษายน ก่อนจะเริ่มฉายกันตั้งแต่รอบเย็นๆ ของวันพุธที่ 30 เมษายน และจะเริ่มเข้าฉายกันอย่างจริงจังในวันที่ 1 พฤษภาาคม 2557 เป็นต้นไป The Amazing Spider-Man 2 นั้นมีชื่อเรียกแบบเต็มๆ ที่จะใช้กันในบางประเทศว่า The Amazing Spider-Man 2: Rise of Electro มีชื่อภาษาไทยว่า “ผงาดจอมอสุรกายสายฟ้า” แต่แน่นอนว่า ใครก็เรียกมันแค่ “สไปเดอร์แมน ภาคสอง”

ภาคนี้ยังคงเป็น Sony ที่ผลิตตามเคย และยังคงกำกับโดย Marc Webb ตามเดิม ด้วยเรื่องราวที่ต่อเนื่องมาจากภาคแรก หนังเล่าเรื่องย้อนกลับไปในวันเก่าๆ อยู่บ้างเพื่อนำมาเป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องในภายหลัง

การหายตัวไปของพ่อและแม่ของริชาร์ด ปาร์กเกอร์ (Andrew Garfield) ยังคงเป็นสิ่งที่คาใจในความรู้สึกของพ่อหนุ่มมนุษย์แมงมุมอยู่เรื่อยมา โดยที่ไม่มีใครเคยให้คำตอบได้น่าเชื่อถือ เหลือเพียงแต่เหตุผลที่ทำให้พ่อแม่ของเขาเป็นตัวร้าย…ก็เท่านั้น เหตุการณ์ปัจจุบัน เขายังคงเป็นเพื่อนของเกว็น สเตซี่ (Emma Stone) ที่พยายามอย่างยิ่งที่จะอยู่ห่างจากเธอให้มากที่สุด ด้วยเหตุผลที่คอยหลอกหลอนเขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ขณะที่ภารกิจช่วยเหลือผู้คนในเมืองก็ยังดำเนินต่อไปไม่เว้นว่าง แถมดูเหมือนภารกิจเหล่านี้ ตำรวจเองก็เห็นดีเห็นงามอยู่ไม่น้อย ไม่เหมือนตำรวจในหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่วาย เกิดวายร้ายที่ร้ายกาจทัดเทียมกับเขาขึ้นมาจนได้ แม็กซ์ ดิลลอน (Jamie Foxx) พนักงานออสคอร์ปที่คลั่งไคล้เขาอย่างมากมาย แต่เมื่อวันเกิดเหตุร้ายทำให้เขากลายเป็น อิเล็กโตร และกลับกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจของพ่อหนุ่มนักไต่ตึกไปเสียได้ ไม่พอ แฮร์รี่ ออสบอร์น (Dane DeHaan) ที่เป็นเพื่อนกันมา ก็เริ่มจะมีจิตคิดไม่ซื่อ (ซึ่งก็อย่างที่รู้กันว่าวันหนึ่งเขาจะร้ายกาจ) ทั้งสองคนนี้ กลายเป็นศัตรูของสไปดี้ไปอย่างรวดเร็วเกินไปนิดนึง

นับว่าผู้กำกับเขาคิดถูกนะที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ด้วยฟิล์ม ทำให้ภาพออกมาดูสวยสด เมื่อผสานเข้ากับซีจีที่ทำออกมาอย่างเนียน ด้วยมุมกล้องที่เหมาะสมมากกับการรับชมในแบบ 3 มิติ ทำให้คนดูเหมือนได้ลอยขึ้นลงและโยนตัวไปตามตึกต่างๆ

patsonic

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *