ชื่อเรื่อง Below Zero Netflix
เรตติ้ง6.2
นักแสดง Javier GutiérrezKarra ElejaldeLuis Callejo
จำนวนตอน 1.46 ชั่วโมง

รีวิวหนัง Stand by Me Doraemon 2

รีวิวหนัง Stand by Me Doraemon 2 ภาพยนตร์อนิเมชั่นที่สามารถเรียกน้ำตาผู้รับชมได้ โดราเอมอนนั้นเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการ์ตูนหรืออนิเมชั่นที่สร้างมาจากหนังสือต้นฉบับ หรือแม้แต่ฉบับ The Movie หรือฉบับอนิเมชั่นแบบพิเศษ ปกติแล้วการ์ตูนหรืออนิเมชั่นที่สร้างมาจากหนังสือต้นฉบับนั้นมักจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่ในฉบับ The Movie นั้นมักจะมีความแตกต่างออกไปอย่างชัดเจน

เคยสังเกตกันหรือไม่ว่าภาพยนตร์โดราเอมอนเดอะมูฟวี่นั้นส่วนใหญ่แล้วมักจะมีเนื้อหาที่เต็มไปด้วยความดราม่าเรียกน้ำตาตั้งแต่ต้นจนจบ จนดูเหมือนกับว่าภาพยนตร์โดราเอมอนนั้นกลายเป็นภาพยนตร์ที่มาพร้อมกับฉากเรียกน้ำตาอย่างสม่ำเสมอในทุกเรื่องทุกภาค

และดูเหมือนว่าความดราม่าเรียกน้ำตานี้จะยิ่งสร้างความนิยมให้กับภาพยนตร์อนิเมชั่นของโดราเอมอนได้มากยิ่งขึ้น จนทำให้ช่วงหลังมานี้ภาพยนตร์โดราเอมอนมักจะสร้างออกมาเพื่อเรียกน้ำตาของผู้ชมโดยเฉพาะ แต่ถึงแม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยความดราม่าเรียกน้ำตาแต่ก็ยังคงสามารถสร้างรายได้ได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะในประเทศไทย

หลังจากออก Doraemon The Movie มาเป็นจำนวนมากใน ที่สุดก็ถึงคราวที่จะมีการสร้างภาพยนตร์โดราเอมอนในแบบอนิเมชั่นสามมิติที่มีงานภาพคมชัดและสวยงามมากยิ่งขึ้น จนในปี 2014 นั้นเราได้ยินภาพยนตร์เรื่อง Stand by Me Doraemon โดราเอมอนเพื่อนกันตลอดไป ในรูปแบบของงานภาพอนิเมชั่น 3 มิติที่เต็มไปด้วยความสวยงาม

ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามทั้งในด้านรายได้และคำวิจารณ์ ทำให้มันกลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นเรื่องราวยังเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ความอบอุ่น และฉากเรียกน้ำตาตามแบบฉบับเอกลักษณ์ของภาพยนตร์จาดการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน

แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะสามารถจบได้อย่างสวยงามและลงตัวแล้ว แต่ด้วยกระแสความนิยมที่ยังคงเป็นที่พูดถึงมาจนถึงในปัจจุบัน ทำให้สุดท้ายแล้วทีมผู้สร้างก็สร้างภาคต่อออกมาในชื่อ Stand by Me Doraemon 2 โดยจะเล่าเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาคแรก ใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องโดราเอมอนไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Stand by Me Doraemon 2

Stand by Me Doraemon 2 จะเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น 6 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก โนบิตะนั้นได้พบเข้ากับตุ๊กตาหมีตัวหนึ่งที่เก่าจนสภาพแทบจะดูไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามเขาจำได้ว่ามันคือตุ๊กตาตัวเดียวกับที่เขานั้นเคยเล่นสมัยยังคงเป็นเด็กอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำ

และตุ๊กตาเก่าๆ ตัวนี้ก็ทำให้เขานั้นได้นึกถึงคุณย่าผู้แสนดีที่จะไปเป็นเวลานานแล้ว อย่างที่เราทราบกันดีว่าโนบิตะนั้นมีความสนิทสนมและรักคุณย่าของตนเองเป็นอย่างมาก เพราะคุณย่านั้นเป็นคนที่ใจดีและมักจะสอนโนบิตะให้ได้เรียนรู้ถึงสิ่งต่างๆ มากมายอีกด้วย ช่วงเวลาที่เขาต้องเสียคุณย่าไปนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า

ด้วยเหตุนี้ทำให้เขานั้นมีความต้องการที่จะกลับไปในอดีตด้วยการย้อนเวลาเพื่อให้ได้พบกับคุณย่าที่ตนเองรักอีกครั้ง โนบิตะจึงได้ตัดสินใจที่จะชวนโดราเอมอนให้กลับไปพบกับคุณย่า ทั้งสองนั้นจึงไม่รีรอและรีบย้อนเวลากลับไปทันที ในขณะที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนานนั้นคุณย่าก็ได้พูดขึ้นมาว่าอยากจะพบเจอกับเจ้าสาวของหลานชายสักครั้ง

ด้วยเหตุนี้ทำให้ทั้งสองคนนั้นตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังอนาคตในวันแต่งงานของโนบิตะเพื่อตามหาว่าเจ้าสาวของเขานั้นคือใคร แต่พอเขาเดินทางไปยังอนาคตได้สำเร็จเขาก็พบว่าตนเองที่เป็นผู้ใหญ่ในอนาคตนั้นกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับชิซูกะแต่เขากลับหนีหายไปจากงานแต่งงาน

เพื่อให้ความต้องการของคุณย่าเป็นจริงทำให้โนบิตะในวัยเด็กและเพื่อนของเขาอย่างโดราเอมอนนั้นต้องพยายามตามหาตนเองในวัยผู้ใหญ่ที่หนีหายไปให้กลับมาแต่งงานเพื่อให้เรื่องราวเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น พวกเขาจะสามารถตามหาโนบิตะวัยผู้ใหญ่และทำให้เขากลับมาแต่งงานได้สำเร็จหรือไม่ สามารถติดตามรับชมได้ในภาพยนตร์ 

สาเหตุที่คุณควรรับชมภาพยนตร์เรื่อง Stand by Me Doraemon 2

Stand by Me Doraemon 2 เป็นภาพยนตร์ที่จะทำให้เรานั้นได้หายคิดถึงการ์ตูนที่ชื่นชอบในวัยเด็กอย่างโดราเอมอนอย่างแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้นหากคุณเคยรับชมภาพยนตร์ภาคแรกมาก่อนแล้วการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้จะสนุกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย เพราะมันเล่าถึงเรื่องราวที่มีเส้นเรื่องคาบเกี่ยวกัน

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้เรานั้นได้ดูตัวละครที่เรารู้สึกผูกพันมาตั้งแต่ในวัยเด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ มีการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่มีความชัดเจน มีการสอดแทรกมุขตลกเข้ามาพอสมควรเพื่อให้เรื่องราวไม่ตึงเครียดจนเกินไปและสร้างความสนุกสนานในเรื่องราวมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นมุกตลกที่มีความสลับซับซ้อนมากกว่าการเป็นการ์ตูนเด็กธรรมดา 

ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการเล่าถึงเรื่องราวความพยายามของโนบิตะและโดราเอม่อนในการเดินทางข้ามเวลาไปมาเพื่อแก้ไขทั้งอดีตและอนาคต ทำให้เรื่องราวนั้นต้องวุ่นวายมากมายเพราะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเวลา ไม่เพียงเท่านั้นยังเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโนบิตะและครอบครัว รวมไปถึงโนบิตะและกลุ่มเพื่อนอีกด้วย

และการที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ตัดสินใจที่จะหยิบยกนำเอาเรื่องราวที่เศร้าที่สุดในหนังสือการ์ตูนอย่างเรื่องราวของคุณย่ามาเล่า ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเต็มไปด้วยฉากเรียกน้ำตามากมาย ไม่เพียงเท่านั้นเรื่องราวที่เล่านั้นยังขยี้ตรงนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนทำให้เรานั้นร้องไห้ออกมาได้ไม่ยากนัก 

ตัวอย่างหนัง Stand by Me Doraemon 2

หนัง Stand by Me Doraemon 2 จาก Beartai

ห่างมาถึง 6 ปีนับจากภาคแรกในชื่อ ‘Stand by Me Doraemon โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป’ ในปี 2014 ซึ่งจริงแล้วก็ถือว่าจบลงตัวในตัวเองอย่างมากแล้ว แต่ด้วยความนิยมของแอนิเมชัน 3 มิติชุดนี้ ทำให้ผู้กำกับ ยามาซากิ ทาเคชิ และ ยางิ ริวอิจิ จากภาคแรกกลับมาสานต่อเรื่องราวมิตรภาพสุดซึ้งนี้ต่อ และได้ออกฉายในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ส่วนบ้านเราก็กำลังจะเข้าฉายโปรแกรมปกติในวันที่ 6 เมษายนนี้ โดยมีรอบพิเศษจัดฉายมาแล้วตั้งแต่วันที่ 1-5 เมษายนด้วย

ว่ากันตามจริงแล้วต้องบอกก่อนว่าความแตกต่างสำคัญระหว่าง Stand by Me Doraemon กับแอนิเมชันโดราเอมอนที่เป็นภาคการผจญภัยต่าง ๆ ซึ่งมีออกฉายมาแทบทุกปีนั้น หลัก ๆ คือกลุ่มผู้ชม เพราะในขณะที่แอนิเมชัน 2 มิติจะจับกลุ่มเด็กจริง ๆ ที่เน้นเรื่องของฉากการผจญภัยหวือหวา มีเพื่อนใหม่ของโนบิตะที่น่าสนใจซึ่งมักไม่ใช่คน เรียกว่าอัดแฟนตาซีจัดเต็มกว่า แต่แอนิเมชัน 3 มิติ ในชุด Stand by Me Doraemon นั้น จะจับความสนใจ หรือความเข้าใจกับอดีตเด็ก หรือผู้ใหญ่ในปัจจุบันที่โตมากับการ์ตูนชุดโดราเอมอนได้ดีกว่า ทั้งด้วยเรื่องของฉากการผจญภัยที่จะไม่แฟนตาซีเท่า ดูมีความดราม่าเรื่องความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกว่าและต้องอาศัยความเข้าใจมากขึ้น นอกจากนี้มุกการเล่าเรื่องก็ยังสามารถใส่ความซับซ้อนได้มากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการย้อนเวลาแก้ไขอดีต-อนาคตไปมา ซึ่งที่ว่ามามันคือหนังแอนิเมชันสำหรับเด็กโตจนถึงวัยผู้ใหญ่ดูนั่นเอง

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ ‘Stand by Me Doraemon 2 โดราเอมอน เพื่อนกันตลอดไป 2’ ด้านเนื้อเรื่องนั้น ก็แอบประหลาดใจเล็กน้อยที่หนังมีความเชื่อมโยงแบบจับต้องได้กับหนังภาคแรก ซึ่งที่คาดไว้ทีแรกคือหนังน่าจะแยกกันจบในตัวแบบแอนิเมชัน 2 มิติที่แต่ละตอนไม่ต้องเชื่อมโยงกัน ด้วยระยะเวลาที่ทิ้งห่างมาถึง 6 ปี คนที่ดูภาคแรกก็น่าจะลืมรายละเอียดไปเยอะแล้ว ทว่าผู้สร้างก็คงความตั้งใจให้หนังชุดนี้มีความเป็นชุดสะสม ที่เรื่องราวต่อเนื่องเป็นหนังชุดเดียวกันนั่นเอง เนื้อเรื่องที่โนบิตะอยากกลับไปหาคุณย่าเพราะเจอตุ๊กตาในวัยเด็ก (โดยนำเนื้อหาในหนังสือการ์ตูนตอนที่ซึ้งที่สุดตอนหนึ่งมาใช้) และลากไปสู่ตอนที่โนบิตะในอนาคตหนีการแต่งงาน ทำให้โดราเอมอนต้องตามไปแก้ปัญหามีการข้ามเวลาไปมากันวุ่นวาย จึงเป็นการคิดเลือกเรื่องราวในตอนที่ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโนบิตะกับครอบครัว (คุณย่า,คุณพ่อ,คุณแม่) มาเชื่อมกับครอบครัวที่กำลังเกิดขึ้นใหม่ (โนบิตะ กับชิสุกะ) นั้น ทำให้เราเห็นความพิถีพิถันของผู้สร้างอย่างดีทีเดียว อันนี้ชื่นชมมาก ๆ

อีกเรื่องที่น่าดีใจคือ แม้หนังจะมีบทสรุปจบในตัว แต่ก็ทิ้งเชื้อแบบเนียน ๆ ถึงภาค 3 ไว้ (ถ้าจะทำ) เพราะมีฉากหนึ่งที่โนบิตะกับโดราเอมอนเปิดดูอนาคต 1 ปีหลังวันแต่งงานและพบว่า… ซึ่งเราอาจหลงลืมไป และคิดว่าแก้ไขเหตุการณ์หมดแล้ว ทว่าในความจริงเหตุการณ์ที่ทั้งคู่เห็นนั้นก็จะยังคงอยู่ หากแต่โนบิตะกับโดราเอมอนเข้าใจผิดไปเองว่านั่นเกิดจากเหตุการณ์หนีการแต่งงานครั้งนี้ จึงน่าสนใจไม่น้อยทีเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นกับโนบิตะหลังแต่งงานไปแล้ว 1 ปีกันแน่

Beartai

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *