ชื่อเรื่อง Spencer
เรตติ้ง 7.0
นักแสดง Kristen Stewart
จำนวนตอน 1.57 ชั่วโมง

รีวิวหนัง Spencer

รีวิวหนัง Spencer เรื่องราวโศกนาฏกรรมของเจ้าหญิงผู้เป็นที่รักแต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเรื่องความรัก ถ้าพูดถึงชื่อของเจ้าหญิงที่เป็นที่รักมากที่สุดของชาวอังกฤษก็คงจะหนีไม่พ้นชื่อของเจ้าหญิงไดอาน่า เจ้าหญิงที่งดงามแถมยังดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอนั้นเป็นคนที่จิตใจดีทำให้ประชาชนอังกฤษล้วนแล้วแต่ชื่นชอบเธอจนทำให้เธอนั้นกลายเป็นขวัญใจมหาชนในที่สุด แต่น่าเศร้าที่ผู้หญิงอันเป็นที่รักผู้นี้ไม่ประสบความสำเร็จในความรักเท่าที่ควรทั้งที่เธอนั้นได้แต่งงานกับมงกุฎราชกุมารอย่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ชีวิตรักของเธอควรจะสมบูรณ์แบบมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย

ก่อนที่จะก้าวมาเป็นเจ้าหญิงขวัญใจมหาชนเจ้าหญิงไดอาน่านั้นก็ใช้ชีวิตเหมือนกับธรรมดาสามัญชนหลังจากที่เธอได้แต่งงานกับเจ้าชายชีวิตของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เธอต้องเผชิญกับเรื่องราวมากมายที่ทำให้ต้องรู้สึกอึดอัดและเต็มไปด้วยความไม่เป็นตัวของตัวเอง ที่สำคัญคือเธอนั้นต้องเผชิญกับอาการป่วยเป็นโรคบูลิเมียนั่นก็คือเมื่อรับประทานอาหารเข้าไปแล้วเกิดอาการอาเจียนออกมาจนทำให้เธอนั้นมีรูปร่างที่ซูบผอมเป็นอย่างมาก 

ความที่เธอนั้นเป็นที่ชื่นชอบของประชาชนมาจนถึงในยุคปัจจุบันแม้ว่าเธอนั้นจะเสียชีวิตไปนานแล้วก็ตาม ทำให้เรื่องราวของเจ้าหญิงผู้นี้ถูกหยิบนำมาเล่าใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายต่อหลายครั้ง มีนักแสดงมากมายที่ได้สวมบทบาทเป็นเจ้าหญิงขวัญใจมหาชนผู้นี้ เช่นเดียวกับภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็คือ Spencer ภาพยนตร์ที่จะเอาเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอาน่ามาเล่าอีกครั้งในมุมมองที่แตกต่างออกไป แทนที่พวกเขาจะเล่าถึงเรื่องราวปัญหาที่พวกเธอนั้นต้องอยู่กับราชวงศ์วินเซอร์ ภาพยนตร์เรื่องหนีกลับเลือกที่จะเล่าในแนวดราม่าจิตวิทยาแทน 

และที่น่าสนใจเป็นมากกว่านั้นก็คือนักแสดงนำที่มารับบทเป็นเจ้าหญิงไดอาน่าในครั้งนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็น Kristen Stewart นักแสดงหญิงชื่อดังที่แจ้งเกิดกับภาพยนตร์เรื่อง Twilight เธอนั้นถูกปรามาสว่าเล่นภาพยนตร์เรื่องไหนก็ตามก็ทำหน้านิ่งเหมือนเดิม แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่เธอได้พิสูจน์แล้วว่าเธอนั้นมีความสามารถที่จะแสดงบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยม เพียงแค่เห็นตัวอย่างก็สามารถทำให้เรารู้สึกขนลุกได้ 

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Spencer

Spencer เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอาน่าแต่ไม่ได้เล่าเรื่องราวอัตชีวประวัติที่เราสามารถ Search หาใน Google ได้แต่อย่างใด ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งที่อ้างอิงมาจากเรื่องจริงที่แสนเศร้า โดยจะพาเราย้อนกลับไปในปี 1991 เดือนธันวาคม สมาชิกทั้งหลายในราชวงศ์อังกฤษล้วนแล้วแต่เดินทางมารวมตัวที่พระตำหนัก Sandringham ฉลองวันหยุดในเทศกาลคริสต์มาส เทศกาลที่เต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น 

แต่สำหรับเจ้าหญิงไดอาน่าแล้ววันนี้มันช่างแตกต่างออกไปเพราะเจ้าหญิงแห่งเวลส์ได้เกิดความสับสนในชีวิตขึ้นมา เธอต้องเผชิญกับปัญหาเรื้อรังภายในราชวงศ์ที่เต็มไปด้วยความน่าอึดอัดจนทำให้เธอจะทนไม่ไหว นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับแรงเสียดทานจากสังคมภายนอกไปพร้อมกัน ประกอบกับอาการเจ็บป่วยเป็นโรคลูคีเมียของเธอยิ่งทำให้เธอนั้นต้องเผชิญกับความยากลำบากในการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้นไปอีก 

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาเราไปสัมผัสกับชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่าที่เต็มไปด้วยความอึดอัดเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น ครั้งหนึ่งสตรีที่เคยเริ่มต้นชีวิตเหมือนกับเจ้าหญิงในการ์ตูนดิสนีย์ต้องจบเรื่องราวทั้งหมดลงด้วยความจริงที่แสนจะเจ็บปวด เธอตัดสินใจแยกทางกับพระสวามีและต้องการจะนำเอาพระโอรสทั้ง 2 ไปเลี้ยงดูให้มีชีวิตเหมือนกับเด็กสามัญชนจะได้ไม่ต้องถูกบีบให้ต้องใช้ชีวิตภายใต้ระบบของสถาบันกษัตริย์ เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวความยากลำบากของเจ้าหญิงไดอานาที่ประชาชนไม่เคยรู้เลยว่าเธอรู้สึกอย่างไรและเกิดอะไรขึ้นเมื่อชีวิตของเธอต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Spencer

Spencer เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอาน่าผ่านมุมมองแนวดราม่าจิตวิทยาชวนอึดอัดตลอดการรับชม ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เน้นเล่าไปที่โครงเรื่องแต่อย่างใดไม่ได้มีเป้าหมายอย่างชัดเจนของตัวละคร ไม่มีการนำเสนอเหตุผลของตัวละครอย่างตรงไปตรงมาแต่อย่างใด และที่สำคัญที่สุดคือมันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่การนำเอาเรื่องจริงมาตีแผ่ 

หลักๆ จะเล่าถึงความน่าอึดอัดในการก้าวเข้ามาอยู่ในราชวังของเจ้าหญิงไดอาน่า ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความอึมครึมระหว่างเจ้าชายและเธอ อาการป่วยเป็นโรคบูลิเมียที่ทำให้เธอต้องทรมานทุกครั้งหลังมื้ออาหาร ดังนั้นสิ่งที่ผู้รับชมอย่างเราจะได้รับจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือความน่าอึดอัดตลอดการรับชม เป็นภาพยนตร์ที่สามารถบีบคั้นหัวใจของผู้รับชมได้อย่างยอดเยี่ยม

และอีกหนึ่งสิ่งที่ดีที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือการแสดงของนักแสดงสาวอย่าง Kristen Stewart  ที่มารับบทนำเป็นเจ้าหญิงไดอาน่า เธอได้พิสูจน์แล้วว่าเธอเป็นนักแสดงคุณภาพที่ไม่ได้มีแค่หน้าเดียวเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป เธอสามารถถ่ายทอดความเป็นเจ้าหญิงและอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครออกมาได้เป็นอย่างดี ดูแล้วรู้เลยว่าตัวละครกำลังคิดหรือรู้สึกอะไรอยู่ sa168

ตัวอย่างหนัง Spencer

รีวิว หนัง Spencer บางส่วนจาก trueid

ตามมาติดๆ กับอีกหนึ่งหนังสายรางวัลประจำปีนี้กับอีกครั้งที่ฮอลลิวูดได้เลือกหยิบเอาเรื่องราวของเจ้าหญิงคนดังแห่งราชวงศ์อังกฤษมาตีแผ่ขึ้นจออีกหน แต่ในคราวนี้กลับได้เลือกนำเสนอในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิมสักหน่อย เพราะนี่ไม่ใช่หนังเชิงชีวประวัติ แต่เป็นหนังชีวิตที่บีบคั้นอารมณ์ที่แทบจะทำให้คนดูหยุดหายใจ นี่คือ “Spencer” (รักร้าว ไดอาน่า) ที่มาพร้อมกับการขยี้ปมในช่วงชีวิตเพียงแค่ไม่กี่วันหนึ่งของเจ้าหญิงไดอาน่า นำเสนอออกมาได้อย่างสุดโต่ง

Spencer เป็นการพาคนดูดำดิ่งลงไปในจินตนาการอันสะเทือนอารมณ์ของ ไดอาน่า ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตของเธอ เราจะได้เห็นการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ในชีวิตของเธอ ด้วยการเริ่มต้นกับการที่เธอได้รับสกุล สเปนเซอร์ มา มันจะเป็นการแสดงให้เห็นความยากลำบากของการเติมเต็มช่องว่างเพื่อให้เธอกลับมาเป็นตัวเอง และยังยึดมั่นที่จะคงไว้ซึ่งสกุลที่มีความหมายต่อตัวเธอเอง และนี่คือช่วงเวลา 3 วันในเทศกาลคริสต์มาสที่ท้าทายชีวิตของเธอ

ก่อนอื่นหลายๆ คนอาจจะใคร่สงสัยว่า “หนังดูยากหรือดูง่าย?” คงต้องบอกว่า Spencer ก็ไม่น่าจะใช่หนังแมสทั่วโลกที่คนดูทุกคนจะติดตามดูได้อย่างสบายใจ แต่กระนั้นหนังก็ไม่ใช่อินดี้สุดๆ อะไรแบบ การนำเสนอของหนังเรื่องนี้เหมือนเลื่อนลอยเอาไว้อยู่ตรงกลาง ความแมสอยู่ตรงที่เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงไดอาน่าที่คนทั้งโลกรู้จักเธอดี ความอินดี้เฉพาะตัวอยู่ที่อารมณ์ยั้งลึกที่ต้องวิเคราะห์ตามเธอไปในทุกฉาก

แต่เมื่อนำองค์ประกอบทั้งสองขั้วมารวมกันแล้ว ถือว่า Spencer ค่อนข้าวประสบความสำเร็จในการเล่าเรื่องที่ไม่เชิงแปลกแต่ไม่ได้ปกติ งานกำกับของ “พาโบล ลาร์เรน” ยังเต็มไปด้วยลูกเล่นที่จัดจ้านอันเป็นสไตล์ ถือว่าเป็นการหยิบสูตรที่ใช้แล้วเวิร์กมาจากหนัง Jackie ผลงานชิ้นก่อนของเขามาพัฒนาให้ดูยิ่งขึ้นอื่น และสร้างสรรค์ออกมาเป็นหนังเกือบ 2 ชั่วโมงที่เต็มไปด้วยมิติที่มัดใจคนดูได้แน่นหนา

บทหนังของ “สตีเว่น ไนต์” (จาก Allied) ถือว่าค่อนข้างคมคาย มีส่วนประกอบที่ช่วยบีบคั้นอารมณ์ผู้ชมได้เป็นอย่างดี พร้อมด้วยไดอะล็อกที่แปลกแต่ดี มีมุมพิลึกที่ตกผลึกออกมากับความเป็นมนุษย์ที่ได้รับความใส่ใจใการกลั่นกรอง แม้ว่าตัวบทหนังจะยังไม่ได้ดีเลิศโดดเด่นอะไรสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่าเป็นชิ้นงาน “แต่งขึ้นจากเรื่องเศร้าในเหตุการณ์จริง” ที่ค่อนข้างกลมกล่อม ตามที่หนังได้ขึ้นข้อความเอาไว้ตอนต้นเรื่องว่า…นี่เป็นแค่เรื่องแต่ง

อีกจุดที่โดดเด่นของ Spencer ก็น่าจะเป็นงานดนตรีประกอบที่ได้ “จอนนี กรีนวูด” คอมโพสเซอร์ที่กำลังมาแรงในตอนนี้ เพราะเขาก็คือคนที่ทำเพลงให้ “The Power of the Dog” ในรางวัลอีกเรื่องที่โดดเด่นในปีนี้ เพราะเสียงดนตรีประกอบนี่เองที่ช่วยขับเคลื่อนและขับอารมณ์คนดูให้คลุกเคล้าไปตามตัวละคร เค้นความสะอิดสะเอียน เค้นอาการหายใจลำบาก ทุกอย่างมีเสียงเครื่องดนตรีเข้ามาช่วยปลุกเร้าได้อย่างเป็นเอกลักษณ์

และแน่นอนไฮไลต์เด่นของ Spencer ก็ต้องเป็น “คริสเตน สจ๊วต” ที่ในเรื่องนี้เราได้เห็นเธอฉายแสงและศักยภาพอันเปี่ยมล้นออกมาแบบไม่มีกั๊ก การสวมบทบาทเป็นเจ้าหญิงไดอาน่าของเธอ แตกต่างไปจากหนังเรื่องอื่นๆ ชัดเจน เพราะเธอตีความบทเจ้าหญิงได้เป็นตัวของตัวเอง มีเพียงรูปร่างการแต่งองค์ทรงเครื่องในเหมือนพระองค์เท่านั้น แต่อินเนอร์ที่ดาราสาวผู้เลือกใช้แสดงในตัวเรื่องนี้ ถือว่าทำให้ค่อนข้างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว

คริสเตน สจ๊วต ถือว่าแบกรับหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้ค่อนข้างสบายๆ เลย ด้วยการแสดงสไตล์น้อยแต่มากของเธอ สร้างแรงขับเคลื่อนที่ทรงพลัง หนังมีซีนอารมณ์ที่หนักหน่วงอยู่หลายจุด แต่เธอก็สามารถรับมือได้ด้วยการแสดงที่ไม่ขัดแต่ความเป็นตัวเองของเธอเลยแต่หน่อย หากจะว่าไปแล้ว รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม เหมาะจะเป็นของใคร คริสเตนก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม…หนึ่งในนั้นด้วย

องค์ประกอบเสื้อผ้าหน้าผมใน Spencer จะต้องได้เข้าชิงรางวัลทุกเวทีอย่างแน่นอน เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของหนังที่ทำออกมาได้อย่างน่าหลงใหล เรื่องของเสื้อผ้าเก็บรายละเอียดและช่วงยุคได้เป็นอย่างดี และยังแตกแขนกทำให้งานด้านอื่นๆ ของหนังดูดีไปด้วย โดยเฉพาะงานถ่ายภาพ (Cinematography) ของ “แคลร์ มาตง” ผู้กำกับภาพชาวฝรั่งเศส (จาก Portrait of a Lady on Fire) ที่ถ่ายออกมาได้สวยบาดใจในทุกซีน

เอาเป็นในภาพรวมนั้น Spencer ถือว่าเป็นหนังที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจัดจ้าน หนังที่เต็มไปด้วยสภาวะทางอารมณ์หนักหน่วง การเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยมิติและค่อยๆ ทำให้คนดูรู้สึกอึดอัด คล้ายกับบีบรัดเร้าอารมณ์ไปเรื่อยๆ จนแทบจะเกือบหายใจไม่ออก ไม่ใช่หนังที่ดูยากแต่ก็ไม่ได้ดูง่ายๆ ขนาดนั้น แต่เพียงดูการแสดงของ คริสเตน สจ๊วต ที่ทำออกมาได้ดีในเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นความคุ้มค่าที่จะดูแล้ว

trueid

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *