| ชื่อเรื่อง | Below Zero Netflix |
| เรตติ้ง | 6.2 |
| นักแสดง | Javier Gutiérrez, Karra Elejalde, Luis Callejo |
| จำนวนตอน | 1.46 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง Space Sweepers 2021 ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล
รีวิวหนัง Space Sweepers 2021 ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล ภาพยนตร์ตะลุยอวกาศฟอร์มยักษ์จากประเทศเกาหลีใต้ หากพูดถึงภาพยนต์ไซไฟวิทยาศาสตร์แนวตะลุยอวกาศแน่นอนว่าภาพยนตร์แนวนี้ส่วนใหญ่มักจะมาจาก Hollywood เนื่องจากมันเป็นภาพยนตร์ที่ต้องมีเทคนิคการสร้างโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำ งานออกแบบ หรือแม้แต่งานคอมพิวเตอร์กราฟิก ดังนั้นในช่วงเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมาตั้งแต่การถ่ายทำภาพยนตร์ได้รับความนิยมไปทั่วทั้งโลก เราแทบจะไม่เคยเห็นภาพยนตร์แนวตะลุยอวกาศมาจากที่อื่นเลยนอกจาก Hollywood
ใครจะคิดว่าประเทศในฝั่งเอเชียอย่างเกาหลีใต้นั้นจะสามารถผลิตภาพยนตร์คุณภาพแนวตะลุยอวกาศออกมาได้สำเร็จ แต่พวกเขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขามีความสามารถมากพอที่จะนำเสนอเรื่องราวขึ้นไปบนอวกาศนอกโลกได้แล้ว แถมยังสมบูรณ์แบบอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเนื้อเรื่อง บท และงานภาพ เป็นกลิ่นอะไรที่แปลกใหม่และมีการผสมผสานความเป็นเกาหลีใต้เอาไว้ได้เป็นอย่างดี
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า Space Sweepers ฉายบนเน็ตฟลิกซ์นักแสดงที่มารับบทนำก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นซงจุงกิ นักแสดงหนุ่มมากฝีมือยอดนิยมที่เคยฝากผลงานไว้ในซีรีส์และภาพยนตร์ชื่อดังมากมาย หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามในบทบาททนายมาเฟียบนซีรีส์เรื่อง Vincentzo ในครั้งนี้เขาได้พิษบทบาทเป็นนักบินอวกาศหลักที่มีอดีตฝังใจ
ด้วยความที่มันเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกๆ แนวตะลุยอวกาศที่ผลิตมาจากประเทศฝั่งเอเชีย มีนักแสดงนำที่ได้รับความนิยม แถมพล็อตเรื่องยังสามารถผสมผสานระหว่างความอลังการเหนือจินตนาการของฝั่ง Hollywood และความดราม่าตามแบบฉบับเกาหลีใต้เข้าไว้ด้วยกันเป็นอย่างดี ยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก
Space Sweepers หรือจะเป็น The Guardians of the Galaxy ฉบับเกาหลีใต้
ด้วยความที่ภาพยนตร์เรื่อง Space Sweepers นำเสนอในรูปแบบภาพยนตร์แอ็กชันไซไฟคอมเมดี้ ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่มันจะถูกขนานนามว่าเป็น The Guardians of the Galaxy ฉบับเกาหลีใต้ โดยเรื่องราวนั้นจะเล่าถึงโลกอนาคตปี 2092 โลกได้เผชิญวิกฤตเมื่อต้นไม้ทุกต้นบนโลกใบนี้ไม่สามารถเติบโตได้อีกต่อไปเนื่องจากทะเลทรายได้มีการขยายตัวจนทำให้ดินกลายเป็นกรด ไม่เพียงเท่านั้นยังมีปัญหาเกี่ยวกับชั้นบรรยากาศที่ทำให้แสงแดดอ่อนลง อากาศเป็นพิษจนทำให้ผู้คนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ หากอยู่นอกอาคารต้องสวมหน้ากากเพื่อกรองอากาศตลอดเวลา
มนุษยชาติได้ดำเนินมาจนถึงทางตันจนบริษัทเทคโนโลยี UTS ได้ก้าวเข้ามาเป็นฮีโร่ที่จะช่วยจัดการวิกฤตบนโลกใบนี้ให้คลี่คลาย บริษัทดังกล่าวมีเจ้าของชื่อว่าเจมส์ ซัลลิแวน เขานั้นเป็นเจ้าของอาณานิคมบนอวกาศที่โคจรรอบโลก ณอนันต์นิคมแห่งนั้นเต็มไปด้วยความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีจนเหมือนกับยูโทเปีย แต่คนที่จะได้รับคัดเลือกให้ขึ้นไปอยู่บนยูโทเปียแห่งนี้เป็นเพียงแค่พลเมืองบางส่วนเท่านั้น ทำให้มนุษย์ที่เหลืออีก 90 เปอร์เซ็นต์ยังคงต้องอาศัยอยู่บนโลกนี้ต่อไป และมีบางส่วนที่ต้องทำงานไปกลับระหว่างโลกและอาณานิคม ทำให้การเข้ามาช่วยแก้ปัญหากลายเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำให้กับผู้คนทั่วทั้งโลก
ในขณะเดียวกันพนักงานเก็บขยะอวกาศทั้ง 4 คนซึ่งประกอบไปด้วยแทโอ นักบินหลักที่มีความหลังฝังใจเกี่ยวกับลูกสาวและทุ่มเทการทำงานเพื่อหาเงินมาใช้จัดการเกี่ยวกับเรื่องนี้ กัปตันจาง ไทเกอร์ผู้ดำรงตำแหน่งควบคุมการป้อนพลังงานให้กับเครื่องยนต์ และสุดท้ายคืออดีตหุ่นยนต์ในสงครามอย่างบับส์ที่ในปัจจุบันได้กลายมาเป็นหุ่นยนต์คุ้มกันให้กับยาน ก็ได้พบเข้ากับเด็กหญิงคนหนึ่ง พวกเขาได้ช่วยเหลือเธอเอาไว้โดยที่ไม่รู้เลยว่าเธอนั้นเป็นคนที่กำลังกุมความลับสำคัญที่จะสามารถช่วยเหลือมนุษยชาติได้สำเร็จ
แต่บริษัท UTS ล่วงรู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยได้กุมความลับเอาไว้เขาจึงได้คอยตามล่าชิงตัวเธอมาเป็นเครื่องมือให้กับบริษัท เหล่าพนักงานเก็บขยะอวกาศจึงต้องพาเธอหลบหนีและต้องปกป้องเธอให้ปลอดภัยจากอันตรายที่เผชิญ พร้อมทั้งช่วยเหลือโลกที่กำลังสิ้นหวังใบนี้ให้สำเร็จ
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Space Sweepers
Space Sweepers เป็นภาพยนตร์ที่มีกลิ่นอายความเป็น Marvel ค่อนข้างสูง เนื่องจากดำเนินเรื่องด้วยตัวละครที่ดูไม่เอาไหน แต่ละคนมีประวัติย่ำแย่ แถมทุกคนยังต้องการเงินเป็นหลักอีกด้วย การที่คนกลุ่มนี้กลายมาเป็นฮีโร่ที่จะช่วยกอบกู้มนุษยชาตินั้นมันจึงแทบจะไม่ต่างอะไรกับ The Guardians of the Galaxy เลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เหมือนกันก็มีเพียงแค่กลิ่นอายเท่านั้น เรื่องราวโดยรวมภาพยนตร์ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นตัวเองเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
หลายคนอาจกังวลเกี่ยวกับงานโปรดักชั่นว่าประเทศฝั่งเอเชียที่ทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ถึงขนาดออกไปนอกอวกาศนั้นจะสามารถทำผลงานออกมาได้ดีหรือไม่ เราก็สามารถตอบได้เลยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนเหมือนกับเรากำลังรับชมภาพยนตร์จาก Hollywood อยู่ก็ไม่ปาน งานคอมพิวเตอร์กราฟิกสามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม การออกแบบอ้างอิงตามหลักวิทยาศาสตร์อย่างสมเหตุสมผล
ไม่เพียงเท่านั้นเนื้อเรื่องโดยรวมยังออกมายอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นปมดราม่าของตัวละครแต่ละตัวที่ได้รับการกระจายความสำคัญเทียบเท่ากันไม่เว้นแม้แต่หุ่นยนต์คุ้มกันที่คอยขโมยซีนได้เรื่อยๆ แม้ว่าตนเองจะไม่มีคอนฟลิกซ์อะไรก็ตาม เด็กหญิงที่มารับบทบาทในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็น่ารักเป็นอย่างมาก ที่สำคัญคือมีพากย์เสียงไทย ดังนั้นเราจึงสามารถรับชมภาพยนตร์ได้รู้เรื่องโดยที่ไม่จำเป็นต้องก้มไปอ่านซับให้เสียอรรถรส
อย่างไรก็ตามภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีจุดด้อยอยู่เหมือนกันไม่ว่าจะเป็นความเกินจริงจนทำให้เรื่องราวทั้งหมดนั้นดูเหมือนการ์ตูน บทบาทของตัวร้ายที่ไม่มีมิติน่าสนใจ และยังไม่สามารถขยี้ประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำได้อย่างถึงพริกถึงขิง แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับการรับชมเพื่อความเพลิดเพลินอยู่ดี
ตัวอย่างหนัง Space Sweepers 2021 ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล
รีวิว หนัง Space Sweepers 2021 ชนชั้นขยะปฏิวัติจักรวาล จาก beartai
ถ้ามองว่าการพิชิตอวกาศคือหมุดหมายของประเทศมหาอำนาจทางเทคโนโลยีและการทหาร การที่อุตสาหกรรมหนังของประเทศใดจะประกาศศักดาก็ต้องเป็นการสร้างหนังไซไฟอวกาศโชว์ความอลังการด้วยเช่นกัน
ไม่นับฮอลลีวูดที่เป็นยักษ์ใหญ่ของโลกและมีหนังอวกาศฟอร์มใหญ่ให้ชมแทบทุกปี พี่จีนเองก็เพิ่งประกาศศักดาไปกับหนัง The Wandering Earth (2019) เพื่อตีตื้นฝั่งตะวันตก ยิ่งฝั่งญี่ปุ่นที่สร้างหนังไซไฟแนวเอเชียมาก่อนชาวบ้านชาวช่อง ในช่วงใกล้ ๆ นี้ก็มีหนัง Space Battleship Yamato (2010) ออกมาผงาด ชนิดที่เอา สตีเวน ไทเลอร์ นักร้องนำวง Aerosmith มาร้องเพลงประกอบก็ทำมาแล้ว และ Space Sweepers เองก็พูดได้เต็มปากว่ามีความสำคัญในระดับหนังที่ว่ามาเช่นกัน
จุดที่หนังทำได้ดีตามมาตรฐาน อันจะขอกล่าวถึงก่อน คือการใส่รสปรุงที่เป็นเอกลักษณ์ของงานเกาหลีที่ว่า บทเด่นดราม่า เชิดหน้าชูตางานแสดง โดยการเลือกสร้างกลุ่มละครตัวนำที่น่าสนใจ ที่มีทั้งสาวแกร่งเกินหน้าผู้ชายอย่าง กัปตันจาง (คิมแทรี) นักขับยานหน้าตาดีแต่ยาจกที่มีปมอดีตสุดดราม่าอย่าง แทโฮ (ซงจุนกิ) ช่างเครื่องนักเลงหัวไม้แต่ใจดีอย่าง ไทเกอร์พัค (จินซอนคยู) และหุ่นยนต์ปากกวนอวัยวะอย่าง บั๊บ (ยูแฮจิน) ถึงแม้จะดูแตกต่างกันมาก แต่ก็สามารถเอามารวมกลุ่มกันได้เคมีลงตัวมาก ๆ และความเก่งคือเป็นการเลือกตัวแทนของคนชายขอบหลายแบบ ที่น่าตื่นเต้นสุด ๆ คือการให้เจ้าหุ่นบั๊บแทนกลุ่มทรานส์เจนเดอร์ที่ไม่ค่อยได้เห็นในงานแมสของเกาหลีบ่อยนัก
สรุปอาจยังไม่ใช่หนังที่ชื่นชมได้แบบอวยสุดลิ่ม แต่เราได้เห็นความสามารถศักยภาพของหนังเกาหลีว่าไปฟัดกับโลกได้จริง ๆ ไม่ว่าจะตระกูลหนังล่ารางวัล หรือตอนนี้หนังบันเทิงซีจีแบบเต็มสูบ ที่ขนาดว่าลองตั้งไข่ในเรื่องนี้ ยังทรงดีมาก ๆ ถ้าอุตสาหกรรมหนังเกาหลีต่อยอดได้จริงจัง เราจะเห็นหนังไซไฟ หนังอวกาศที่ดราม่าเข้ม ๆ สไตล์เกาหลี เต็มทั้งตา ตรึงทั้งใจ
เมื่อนั้นล่ะหนังเกาหลีจะเบียดขึ้นแนวหน้าของหนังตระกูลไซไฟ ที่มหาอำนาจภาพยนตร์ฝั่งตะวันตกครองที่นั่งมายาวนานก็เป็นได้ สำหรับเรื่องนี้ หนังสนุกดี ชมได้เพลินมาก ๆ
beartai