| ชื่อเรื่อง | RESIDENT EVIL WELCOME TO RACCOON CITY |
| เรตติ้ง | 4.0 |
| นักแสดง | Robbie Amell,Kaya Scodelario |
| จำนวนตอน | 1.47 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง RESIDENT EVIL WELCOME TO RACCOON CITY
รีวิวหนัง RESIDENT EVIL WELCOME TO RACCOON CITY การกลับมาอีกครั้งของภาพยนตร์จากเกมชื่อดัง ถ้าพูดถึงชื่อของ RESIDENT EVIL หลายคนคงมองว่ามันกลายเป็นตำนานไปแล้วไม่ว่าจะในแง่ของเกม ภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือแม้แต่การ์ตูนอนิเมชั่นก็ตาม ต้องขอคารวะไปยังผู้คิดค้นเกมนี้ที่สามารถสร้างเรื่องราวและความสนุกสนานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจำนวนสามารถต่อยอดไปได้แบบไม่มีจุดจบถึงขนาดนี้ ที่บอกว่าไม่มีจุดจบหลายคนคงปฏิเสธไม่ได้เพราะว่าตัวเกมและจะออกมาจนถึง 8 ภาคและมีภาคแยกออกมามากมายแต่มันก็ยังคงได้รับความนิยมทุกภาคเหมือนเดิมแบบไม่มีแผ่น เวลามีซีรีส์หรือการ์ตูนออกมาให้เราได้รับชมแฟนเดนตายก็มักจะรับชมอยู่เสมอแม้ว่าบางครั้งมันจะทำให้เราต้องเจ็บปวดใจกับสิ่งที่เราออกมาแล้วไม่เหมือนกับเกมนี่หว่าก็ตาม
และที่เราจะไม่พูดถึงไปไม่ได้เลยก็คือในส่วนของภาพยนตร์ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการนำเอาเรื่องราวเค้าโครงมาสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องหลายต่อหลายภาค เป็นภาพยนตร์ซีรีส์ที่ยาวนานแถมยังเรื่องราวออกทะเลไปไกลแต่มันก็ประสบความสำเร็จแม้ว่าเรื่องราวจะไม่ได้เคารพต้นฉบับอย่างเนื้อเรื่องภายในเกมเลยแม้แต่น้อยก็ตาม และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่จะมีคนหยิบยกนำเอาเรื่องราวแบบต้นฉบับภายในเกมแบบเป๊ะๆ มาสร้างเป็นภาพยนตร์ให้เราได้รับชมกันในชื่อ RESIDENT EVIL WELCOME TO RACCOON CITY
หลายคนอาจจะรู้สึกดีใจตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในโรงภาพยนตร์แต่อย่าเพิ่งดีใจไปเพราะหากคุณเหลียวมาอ่านรีวิวสักนิดนึงคุณจะพบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีจุดด้อยที่ไม่น้อยเช่นเดียวกันแม้ว่ามันจะพยายามเอาจุดดีที่พยายามจะเล่าเรื่องราวตรงกับต้นฉบับภายในเกมแบบไม่มีผิดเพี้ยนก็ตาม ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อในฐานะของผู้กำกับภาพยนตร์เกรด B แม้ว่าผู้กำกับผู้นี้จะเป็นแฟนเดนตายของเกมนี้ก็ตาม สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ดังนั้นในวันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปดูกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คุ้มค่ากับค่าตั๋วที่คุณจะเสียไปหรือไม่
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง RESIDENT EVIL WELCOME TO RACCOON CITY
RESIDENT EVIL WELCOME TO RACCOON CITY เป็นการนำเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเกมภาคที่ 1 และภาคที่ 2 มาเล่าในช่วงเวลาเดียวกัน ใครที่เล่นเกมจะทราบดีว่าทั้งสองภาคนั้นเป็นการเล่าเรื่องราวที่ค่อนข้างจะมีเวลาคาบเกี่ยวกันเยอะ เริ่มต้นจากการที่เราได้ทำความรู้จักกับสองพี่น้องอย่างคริสต์และแคร์ เรดฟิล์ด สองพี่น้องที่ต้องอาศัยอยู่ภายในบ้านเด็กกำพร้าในเมือง RACCOON CITY เมื่อเติบโตขึ้นมาพี่ชายอย่างคริสต์สามารถเป็นตำรวจได้สำเร็จ ส่วนคนน้องเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เธอต้องหลบหนีออกจากเมือง
หลังจากนั้นในปี 1988 แคลร์ได้ตัดสินใจกลับมายังเมืองบ้านเกิดอีกครั้ง เธอได้ทำการอาศัยรถบรรทุกที่โบกได้เดินทางมายังเมืองดังกล่าว แต่หลังจากที่เธอลงมาจากรถเป็นที่เรียบร้อยแล้วเธอก็พบว่าท้องถนนและเมืองเต็มไปด้วยความเงียบสงบและความว่างเปล่าเหมือนกับมันเป็นเมืองร้าง ในขณะเดียวกันเองพี่ชายของเธอก็ได้นำเอาทีมตำรวจไปสืบค้นความจริงเกี่ยวกับบริษัทยาอย่างอัมเบรลลาคอร์ปอเรชั่นที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดเชื้อไวรัสแพร่ระบาดจึงเปลี่ยนให้คนธรรมดากลายเป็นซอมบี้ เนื่องจากพวกเขานั้นนำเอาสารพิษปนเปื้อนในน้ำประปา ซึ่งในทีมของเขาประกอบไปด้วยจิล วาเลนไทน์ตำรวจสาวมากความสามารถที่เขาแอบชอบ อัลเบิร์ต เวสเกอร์ตำรวจลงที่เต็มไปด้วยความสามารถและความเงียบขรึมรวมไปถึงลูกทีมคนอื่นๆ
พวกเขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความสยดสยองในคฤหาสน์สเปนเซอร์ จุดเริ่มต้นของมหันตภัยทั้งหมดที่จะทำให้ทั่วทั้งโลกต้องเผชิญกับวิกฤติซอมบี้ ในขณะเดียวกันเองนายตำรวจใหม่อย่างลีออน เอส เคนเนดี้ก็ได้อยู่ในเมือง RACCOON CITY เพื่อรับมือกับสถานการณ์วิกฤตโดยมีแคลร์ร่วมด้วยช่วยกัน พวกเขาจะสามารถสืบค้นความจริงที่ดำมืดและเอาชีวิตรอดจากเมืองต้องคำสาปแห่งนี้ได้หรือไม่ต้องติดตามชมกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง RESIDENT EVIL WELCOME TO RACCOON CITY
RESIDENT EVIL WELCOME TO RACCOON CITY เป็นภาพยนตร์ที่จะสนุกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเกมมากน้อยแค่ไหน หากคุณเป็นคนที่ไม่เคยรู้เรื่องราวภายในเกมเลยคุณจะพบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากการต่อสู้ที่ค่อนข้างน่าสนใจแม้ว่ามันจะไปได้ไม่สุดก็ตาม แต่หากคุณเคยรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในเกมหรือแม้แต่เป็นคนที่เล่นเกมมาก่อนภาพยนตร์เรื่องนี้คงจะเป็นฝันร้ายสำหรับคุณ
นั่นก็เป็นเพราะว่าการเอาเส้นเรื่องที่ยาวเหยียดของภาค 1 ภาค 2 มายัดลงในภาพยนตร์เรื่องเดียวทำให้เวลาในการเล่าเรื่องไม่พอจนมันค่อนข้างจะกระชับจนไม่สมเหตุสมผล มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะตัวละครทั้งรูปร่างภายนอกหรือแม้แต่นิสัยใจคอก็ตามจนทำให้คนที่เป็นแฟนตัวละครตัวนั้นจะต้องกำหมัดระหว่างการรับชมอย่างแน่นอน นั่นก็เป็นเพราะว่าการตีความใหม่ทั้งที่จะไม่ควรตีความใหม่มันทำให้เสน่ห์ของความเป็น RESIDENT EVIL หายไปจนเกือบหมด และที่น่าเสียดายไปมากกว่านั้นก็คือด้วยความที่ผู้กำกับอย่างโยฮันเนส โรเบิร์ตขึ้นชื่อเรื่องการกำกับภาพยนตร์เกรดบีทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกลิ่นอายของความเป็นภาพยนตร์เกรดบีไปด้วยไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องหรือแม้แต่งานภาพอย่างคอมพิวเตอร์กราฟฟิกก็ตาม gclub168
ตัวอย่างหนัง RESIDENT EVIL WELCOME TO RACCOON CITY
รีวิว หนัง RESIDENT EVIL WELCOME TO RACCOON CITY บางส่วนจาก beartai
หลังประกาศปิดตำนานแฟรนไชส์ ‘Resident Evil’ ไปกับภาค ‘Resident Evil The Final Chapter’ เมื่อปี 2016 คงไม่มีใครทันนึกได้ถึงวลีที่ว่า “ปิดตำนานก็คือยังทำต่ออยู่” เพราะด้วยตัวเลขรายได้มหาศาลที่แฟรนไชส์ทำเงินแบบไม่สนคำวิจารณ์ที่ต่ำเตี้ยลงทุกภาคก็มีส่วนทำให้โซนี พิคเจอร์ส (Sony Pictures) ตัดสินใจรีบูตหนังขึ้นมาใหม่ด้วยการนำเรื่องราวของเกมภาค 1 และ 2 รวมถึงการนำตัวละครจากเกมที่ยังอยู่ในใจแฟน ๆ มาขึ้นจอโดยพยายามคงบรรยากาศของเกมต้นฉบับให้มากที่สุด
หนังเริ่มเรื่องด้วยการแนะนำให้เราได้รู้จักกับคริสและแคลร์ เรดฟิล์ดพี่น้องที่ต้องอาศัยในบ้านเด็กกำพร้าเมืองแร็กคูนซิตี้ได้พบเหตุการณ์แปลกประหลาดบางอย่างและด้วยเหตุการณ์บางอย่างก็ทำให้แคลร์ต้องหนีออกจากแร็กคูนซิตี้ ก่อนที่เหตุการณ์จะตัดไปในปี 1998 ที่แคลร์ (รับบทโดย คายา สโคเดลาริโอ Kaya Scodelario) ได้โบกรถกลับมายังแร็กคูนซิตี้ ระหว่างทางนั้นเองที่รถบรรทุกที่เธอขอโดยสารชนเข้ากับหญิงสาวรายหนึ่งอย่างจังแต่พอลงไปดูก็พบว่าบนท้องถนนกลับว่างเปล่า
และเมื่อมาถึงเมืองแร็กคูนซิตี้เราก็พบว่าแท้จริงแล้ว แคลร์ได้เดินทางกลับมาหาคริส (รับบทโดย รอบบี เอเมล Robbie Amell) พี่ชายนายตำรวจของเธอเพื่อนำความจริงเรื่องอัมเบรลลา คอร์เพอเรชัน (Umbrella Corporation) แอบปนเปื้อนสารพิษในน้ำประปาของประชาชนจนเป็นสาเหตุของโรคระบาดบางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนคนให้กลายเป็นอสุรกาย
แต่ก็เหมือนคริสจะไม่สนใจและเดินทางไปยังสถานีตำรวจเพื่อสมทบกับ จิล วาเลนไทน์ (รับบทโดย ฮันนาห์ จอห์น คาเมน Hannah John-Kamen) ตำรวจสาวห้าวที่เขาแอบมีใจให้ แต่วาเลนไทน์กลับมีใจให้เพียงแค่ อัลเบิร์ต เวสเกอร์ (รับบทโดยทอม ฮอปเพอร์ Tom Hopper) ตำรวจหนุ่มล่ำสุดขรึม และยังมี ลีออน เอส เคนเนดี (รับบทโดย เอวาน โจเกีย Avan Jogia) ตำรวจหน้าใหม่ที่ต้องมารับมือกับสถานการณ์นรกแตกในแร็กคูนซิตี และเป็นแคลร์ เรดฟิล์ดที่อาจไขความลับอันดำมืดด้วยอดีตอันโหดร้ายก่อนที่พวกเขาจะต้องหนีตายจากการล้างบางเมืองต้องคำสาปอย่างแร็กคูนซิตี้แห่งนี้
ความจริงแล้วด้วยชื่อของ โยฮันเนส โรเบิร์ตส์ (Johannes Roberts) ไม่ใช่ชื่อที่ขี้เหร่เลยนะสำหรับการมาสานต่อตำนานบทใหม่ของ ‘ผีชีวะ’ คราวนี้และการที่โรเบิร์ตส์ลงมือจรดปากกาเขียนบทเองเหมือนทุกครั้งอย่างน้อยก็มั่นใจว่าเราจะได้เห็นซีนซอมบี้ผีดิบน่ากลัว ๆ หรือลุ้นจนอกแทบตายคล้าย ๆ กับงานสร้างชื่ออย่างหนังเชือดโคตรระทึก ‘Strangers Prey at Night’ หรือหนังฉลามสุดกดดันอย่าง ’47 Meters Down’ ซึ่งผลลัพธ์ก็ต้องยอมรับล่ะว่าการพยายามกลับไปหาเนื้อเรื่องเกมต้นฉบับและอิงรายละเอียดจากเกมฉบับรีเมกช่วยสร้างบรรยากาศที่ดูน่ากลัวขึ้นมาได้จริง ๆ
แต่ทุกอย่างก็ค่อย ๆ พังครืนด้วยการที่โรเบิร์ตส์พยายามยัดทุกอย่างเพื่อเอาใจแฟนเกมลงในหนัง ลำพังแค่ฉากที่แคลร์เจอศพแอบวิ่งหนีเธอก็ชวนส่ายหัวจนอยากหาพารามาบรรเทาอาการจะแย่อยู่แล้ว ยิ่งหนังเดินเรื่องไปเราก็พบว่ามันพยายามผูกปมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งปมการหนีออกจากแร็กคูนซิตี้จากแคลร์ หรือการที่คริสเองถูกเลี้ยงมาโดย วิลเลียม เบอร์กิน (รับบทโดย นีล แมคโดนาฟ Neal McDonough) นักวิทยาศาสตร์ที่เคยเกือบพรากชีวิตแคลร์ในวัยเด็ก ไปจนถึงปมสุดอีรุงตุงนังที่หนังไม่สนใจจะคลี่คลายมันสักเท่าไหร่
beartai