รีวิวหนัง JURASSIC WORLD DOMINION

รีวิวหนัง JURASSIC WORLD DOMINION

ชื่อเรื่องJURASSIC WORLD DOMINION
เรตติ้ง6
นักแสดงChris Pratt,Bryce Dallas Howard
จำนวนตอน2.26 ชั่วโมง

รีวิวหนัง JURASSIC WORLD DOMINION

รีวิวหนัง JURASSIC WORLD DOMINION บทสรุปไตรภาคฉบับงานเลี้ยงรุ่นที่เหมือนกับหมดมุกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ยุค 90 มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยการหยิบยกนำเอาสัตว์ดึกดำบรรพ์อย่างไดโนเสาร์มาเล่าถึงความสยองขวัญได้อย่างยอดเยี่ยมนั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง JURASSIC PARK นั่นเอง มันประสบความสำเร็จถึงขั้นที่กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ระดับตำนานไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วและจบลงไปอย่างสมบูรณ์เช่นเดียวกัน การนำเอาภาพยนตร์ระดับตำนานมาสานต่อในชื่อ JURASSIC WORLD จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในช่วงแรก และมันก็สามารถทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว 

แต่น่าเสียดายด้วยความที่มันเป็นภาพยนตร์ไตรภาคทำให้ความสดใหม่ของมันมีได้ไม่เท่ากับ JURASSIC PARK ไม่เพียงเท่านั้นในช่วงหลังก็เหมือนกับหมดมุกไปอีกต่างหากจนทำให้ภาพยนตร์ไม่สนุกอย่างที่ควรจะเป็น เคยมีครั้งหนึ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายตรงกับภาพยนตร์ชื่อดังอย่างสตาร์วอร์และไม่สามารถสู้ได้เลยแม้แต่น้อย มันเลยทำให้หลายคนเริ่มไม่คาดหวังกับภาพยนตร์ชุดนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่หากคุณเป็นคนที่เราชมมาโดยตลอดแล้วอยากจะรับชมบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดในปัจจุบันภาพยนตร์บทสรุปไตรภาคออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นก็คือ JURASSIC WORLD: DOMINION

เป็นการปิดฉากอย่างสมบูรณ์แบบของแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่สุดแสนจะยิ่งใหญ่ที่นำเอาเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงวุ่นวายกลับมาสานต่อได้อย่างน่าเหลือเชื่อ โดยภาคนี้ทั้งนักแสดงและผู้สร้างยังคงเป็นทีมชุดเดิมทั้งหมด มีการนำเอานักแสดงจาก JURASSIC PARK เข้ามาร่วมสมทบให้หายคิดถึงอีกด้วย แต่มันดันออกมาเหมือนกับงานเลี้ยงรุ่นที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจอีกต่อไปแล้ว วันนี้เราจะพาทุกคนมาดูกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คู่ควรแก่การรับชมหรือไม่

จูราสสิคเวิลด์ 2022

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง JURASSIC WORLD: DOMINION

JURASSIC WORLD: DOMINION เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราว 4 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ที่อิสลาร์ นูบลาร์ถูกทำลายลงไป แต่ในตอนนี้ยังคงมีไดโนเสาร์ที่มีชีวิตและยังคงออกไล่ล่ามนุษย์ไปทั่วทั้งโลกเหมือนเดิม มันกลายเป็นโลกยุคใหม่ที่แตกต่างออกไปจากที่เราเคยรู้จัก แม้ว่ามันจะมีสมดุลแต่ก็ช่างเปราะบางและกำลังจะเปลี่ยนแปลงอนาคตไปอีกตลอดกาล

 ไม่เพียงเท่านั้นมันยังเป็นการตัดสินอีกด้วยว่ามนุษย์จะยังคงเป็นผู้ล่าที่อยู่บนห่วงโซ่บนสุดของดวงดาวดวงนี้หรือไม่ มนุษย์ในช่วงเวลานั้นจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับสัตว์ที่เต็มไปด้วยความน่ากลัวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ได้อย่างไร ต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์ 

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง JURASSIC WORLD: DOMINION

JURASSIC WORLD: DOMINION เป็นภาพยนตร์บทสรุปไตรภาคที่น่าจะทำให้หลายคนรู้สึกสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะมีการจั่วหัวเอาไว้ว่าได้ดึงนักแสดงรุ่นคลาสสิคจากภาพยนตร์ชุด JURASSIC PARK เข้ามาร่วมแสดงเป็นนักแสดงสมทบด้วย แต่บรรยากาศที่ออกมามันดันเป็นบรรยากาศงานเลี้ยงรุ่นอำลาแบบคืนสู่เหย้ามากกว่า สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับมาตั้งแต่ยุคจูราสสิกปาร์คก็คงรู้สึกว่ามันน่าทึ่งและน่าประทับใจ แต่มันกลับทำให้เสน่ห์ของความเป็นภาพยนตร์แนว JURASSIC หายไปเสียอย่างนั้น เพราะภาพยนตร์ดันไปเน้นการนำเสนอตัวละครเก่าและใหม่กลับมาร่วมมือกันแทน 

แม้ว่าจะมีความพยายามในการใส่บรรยากาศเดิมกลับคืนมาและมีการใส่ไดโนเสาร์สายพันธุ์ต่างๆ เข้ามาให้เราได้รู้สึกตื่นตาตื่นใจแต่ดูเหมือนว่าทั้งหมดของภาพยนตร์ก็จะมีอยู่เพียงแค่นั้น ไม่สามารถสร้างสรรค์ความแปลกใหม่หรือความน่าสนใจที่แตกต่างไปจากเดิมได้อีกต่อไปแล้ว จะบอกว่ามันเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์ก็คงจะว่าได้เพราะมันได้ดำเนินมาถึงทางตันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง

หากตัดเรื่องความประทับใจในการนำเอาตัวละครมารวมกลุ่มกันทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ถือว่ามันเป็นฉากจบที่ค่อนข้างน่าผิดหวังไม่น้อยเลยทีเดียวแม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้คาดหวังอะไรจากมันสักเท่าไหร่ก็ตาม เพราะมันเป็นบทสรุปที่ค่อนข้างดาษดื่น วนซ้ำอยู่กับสิ่งเก่าๆ ที่เคยประสบความสำเร็จมาก่อนแล้วนำเอากลับมาหากินใหม่อีกครั้ง น่าเสียดายที่แนวคิดของภาพยนตร์ภาคนี้น่าสนใจแต่กลับนำเสนอออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร 

ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ผู้กำกับที่อยู่กับภาพยนตร์เรื่องนี้มาโดยตลอดอย่างโคลิน เทรวอร์โรว์ต้องพยายามเค้นสมองอย่างหนักในการนำเสนอภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาให้ถูกตาต้องใจทั้งกลุ่มผู้รับชมรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ แต่จนถึงตอนนี้เขาเริ่มออกอาการหมดมุกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื้อเรื่องนอกจากจะสับสนปนเปแล้วยังจำเจซ้ำซากอยู่เดิมๆ อีกต่างหาก 

แนวคิดที่ใส่เข้ามาว่ามนุษย์และไดโนเสาร์จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไรเป็นแนวคิดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก แถมภาพยนตร์การนำเอาแนวคิดนี้มาเป็นจุดขายของภาพยนตร์ภาคนี้อีกด้วย แต่พอไปรับชมจริงแล้วกลับกลายเป็นว่าภาพยนตร์เล่นประเด็นดังกล่าวค่อนข้างน้อยเลยทีเดียว ไม่ได้บอกเล่าเลยว่าสุดท้ายแล้วมนุษย์แก้ปัญหาการอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์ซึ่งเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่เต็มไปด้วยขนาดใหญ่และความดุร้ายได้อย่างไร สุดท้ายก็วนกลับไปเล่าเรื่องราวแบบเดิมๆ อย่างน่าเสียดายเสียอย่างนั้น 

คิดในแง่ดีภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แนวบล็อกบัสเตอร์ที่สามารถสร้างความสนุกสนานให้กับทุกคนที่รับชมได้อย่างแน่นอน แต่สำหรับแฟนคลับซีรีส์ JURASSIC ก็คงจะรู้สึกผิดหวังไม่น้อยเพราะมันไม่สามารถทำออกมาได้เท่ากับที่คาดหวังเอาไว้ 

ตัวอย่างหนัง JURASSIC WORLD DOMINION

รีวิว หนัง JURASSIC WORLD DOMINION บางส่วนจาก beartai

หลังจากเหตุการณ์ กดปุ่ม’ ใน ‘Jurassic World 2: Fallen Kingdom’ (2018) ถือเป็นสัญญาณแห่งการเริ่มต้นของบทสรุปไตรภาคไดโนเสาร์ครองโลกใน ‘Jurassic World Dominion’ (2022) หรือ ‘จูราสสิคเวิลด์ ทวงคืนอาณาจักร’ ภาพยนตร์ภาคที่ 3 ของไตรภาคจูราสสิค เวิลด์ (Jurassic World) และภาพยนตร์ลำดับที่ 6 ในจักรวาลจูราสสิค นับตั้งแต่ที่ภาพยนตร์ภาคแรก ‘Jurassic Park’ (1993) ออกฉายเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้วโน่น

แต่กว่าที่น้องบลู และเหล่าไดโนเสาร์จากยุคจูราสสิกจะได้กลับมาโลดแล่นกันในปีนี้ ตัวหนังก็ถือว่าต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากพอสมควร ทั้งกระแสจากภาคที่แล้ว ‘Jurassic World 2: Fallen Kingdom’ (2018) ผลงานการกำกับของ ‘เจ. เอ. บาโยนา’ (J. A. Bayona) ที่ได้คะแนนมะเขือเน่าจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes เพียงแค่ 47% ต่ำที่สุดในบรรดาแฟรนไชส์จูราสสิก พาร์ก แม้จะทำรายได้ค่อนข้างดี แต่พอออกทรงลูกผีลูกคนขนาดนี้ อาจารย์ปู่ ‘สตีเวน สปีลเบิร์ก’ (Steven Spielberg) Executive Producer เจ้าของแฟรนไชส์ เลยเรียกตัว ‘โคลิน เทรวอร์โรว์’ (Colin Trevorrow) ผู้กำกับจาก ‘Jurassic World’ (2015) กลับมากำกับในภาคนี้อีกครั้ง

อีกอุปสรรคใหญ่ยิ่งกว่าน้อนไดโนเสาร์กิแกนโนโตซอรัส (Giganotosaurus) ก็คือ ช่วงเดือนมีนาคม 2020 กองถ่ายต้องหยุดถ่ายทำทั้งที่เพิ่งเปิดกล้องไปได้แค่ 13 วัน เพราะการระบาดของโควิด-19 ทีมงานเลยต้องทำงานโพสต์โปรดักชัน และงานด้านวิชวลเอฟเฟกต์กับฟุตเทจที่ถ่ายมาได้ไปพลาง ๆ และจำต้องยอมเลื่อนกำหนดฉายจากเดิมที่วางแผนฉายในปี 2021 ออกไปอีก 1 ปีเต็ม

สถานการณ์เริ่มคลี่คลายในเดือนกรกฏาคม 2020 ทางยูนิเวอร์แซล สตูดิโอส์ (Universal Studios) จึงยอมควักเงินอีก 5 ล้านเหรียญสำหรับเซ็ตมาตรการความปลอดภัย ถือว่าเป็นกองถ่ายแรก ๆ ที่กลับมาเริ่มถ่ายทำอีกครั้งหลังการระบาดครั้งใหญ่ เริ่มตั้งแต่การร่างเอกสารคู่มือมาตรการจำนวนนับร้อยหน้า แจกให้กับนักแสดงและทีมงานทุกคน มีจุดตรวจคัดกรอง มีห้องฉุกเฉินในกองถ่ายกรณีพบผู้ติดเชื้อ นักแสดงและทีมงานจะต้องกักตัวในโรงแรมที่ยูนิเวอร์แซลเช่าไว้ทั้งอาคารเพื่อใช้เป็นบับเบิลที่ควบคุมอย่างเข้มงวด

สำหรับเรื่องย่อ ๆ ในภาคนี้ ก็จะเริ่มดำเนินเรื่อง 4 ปีให้หลังจาก ‘Jurassic World 2: Fallen Kingdom’ เกาะ ‘อิสลา นูบลาร์’ (Isla Nublar) ที่ตั้งดั้งเดิมของสวนสนุกจูราสสิก เวิลด์ ถูกทำลายเพราะถูกภูเขาไฟถล่ม ไดโนเสาร์ทั้งหลายถูกปล่อยออกสู่ธรรมชาติ (ตรงตามชื่อจูราสสิก เวิลด์ซะทีสินะ…) ‘โอเวน เกรดี’ (Chris Pratt) ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมไดโนเสาร์ ‘แคลร์ เดียริง’ (Bryce Dallas Howard) อดีตนักวิจัยไดโนเสาร์ และน้อง ‘เมซี ล็อกวูด’ (Isabella Sermon) ปลีกวิเวกอาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านกลางป่าลึก

beartai

รีวิวหนัง/ซีรีส์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *