ชื่อเรื่อง House of Gucci
เรตติ้ง 7.0
นักแสดง Lady Gaga,Adam Driver
จำนวนตอน 2.38 ชั่วโมง

รีวิวหนัง House of Gucci

รีวิวหนัง House of Gucci จากคดีฆาตกรรมสุดอื้อฉาวสู่ภาพยนตร์ดราม่าของตระกูล Gucci หนึ่งในปราณีชื่อคุ้นหูที่เราทุกคนต่างรู้จักกันดีก็คงจะหนีไม่พ้นแบรนด์ Gucci มันเป็นแบรนด์เสื้อผ้าและกระเป๋าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากไปทั่วทั้งโลกแถมยังมีราคาค่อนข้างสูง เรียกได้ว่าต้องมีฐานะได้ระดับหนึ่งเลยทีเดียวจึงจะสามารถซื้อของจากแบรนด์ดังกล่าวมาใช้ได้ และแน่นอนว่าด้วยความนิยมรวมไปถึงราคาที่ค่อนข้างสูงของแบรนด์ดังกล่าวมันจึงส่งผลให้ตระกูลของแบรนด์กลายเป็นที่สนใจไปด้วยเช่นเดียวกัน 

ในปี 1995 มีเหตุการณ์คดีฆาตกรรมหนึ่งเกิดขึ้นและมันก็ได้ช็อกผู้คนไปทั่วทั้งโลกโดยเฉพาะคนในวงการแฟชั่น เหตุการณ์ฆาตกรรมในตระกูล Gucci เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกนำเอามาเขียนเป็นหนังสือที่มีชื่อเรื่องว่า The House of Gucci: A Sensational Story of Murder, Madness, Glamour and Greed มันกลายเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมยกเว้นทายาทในตระกูลที่รู้สึกไม่พอใจกับการถูกนำเอาเรื่องราวดราม่าในครอบครัวมาตีแผ่ในลักษณะของสื่อบันเทิง 

แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่ในตอนนี้บริษัทดังกล่าวบริหารโดยมาร์โก บิซซาร์รี CEO ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับทางตระกูล Gucci โดยตรง ทำให้เรื่องราวของ House of Gucci ได้ถูกหยิบยกนำเอามาสร้างเป็นภาพยนตร์โดยที่ไม่เกิดปัญหาอะไร ไม่เพียงเท่านั้น CEO ยังมีการอนุญาตให้กองถ่ายยืมทั้งเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ทั้งหลายแบบไม่อั้นเพื่อเป็นการโปรโมทแบรนด์ภายในตัว 

หากคุณเป็นคนที่ชอบเรื่องราวแนวดราม่าฆาตกรรมเกี่ยวกับตระกูลชื่อดังไฮโซหรือเป็นคนที่ชื่นชอบตระกูล Gucci ตั้งแต่เดิมอยู่แล้วเราขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดภาพยนตร์เรื่องนี้โดยเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้คุณได้เต็มอิ่มไปกับการรับชมเรื่องราวสุดดราม่าและความขัดแย้งในตระกูล Gucci แบบที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อนอย่างแน่นอน

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง House of Gucci 

House of Gucci  เป็นภาพยนตร์ที่จะพาเราย้อนกลับไปในปี 1978 ในช่วงนั้นมีทายาทจากตระกูล Gucci ที่มีชื่อว่าเมาริซิโอ เขาเป็นเด็กหนุ่มนักเรียนกฎหมายอนาคตดังแถมยังหน้าตาดี เขาได้ตกหลุมรักกับเด็กสาวทายาทเจ้าของบริษัทอู่รถบรรทุกอย่างเรจิอานี แต่พ่อของเขาอย่างโรดอลโฟกลับไม่เห็นด้วยและคัดค้านความรักระหว่างทั้งคู่แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึงทายาทบริษัทใหญ่เช่นเดียวกัน แม้ว่าผู้เป็นพ่อจะถือหุ้นของ Gucci ถึง 50 เปอร์เซ็นต์และหากเขาทำตัวดีก็จะได้รับข้อมูลดังกล่าวต่อแต่เขาก็ดื้อรั้นจนถึงขั้นยอมที่จะออกจากตระกูลเพื่อไปทำงานในบริษัทอู่รถบรรทุกของพ่อเรจิอานีและสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจขอเธอแต่งงาน 

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับการทาบทามจากลุงของเขาที่มีชื่ออัลโด ฉันเป็นลูกชายคนโตในตระกูลผู้ก่อตั้งและยังเป็นถึงประธานบริษัทในขณะนั้นอีกด้วย โดยให้เขานั้นเข้ามาช่วยงานในการปรับปรุงภาพลักษณ์เนื่องจากในตอนนั้นแบรนด์  Gucci ถูกมองว่าเป็นแบรนด์ที่ล้าสมัย แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปและคนที่คอยหนุนหลังเขาอยู่ตลอดเวลาก็คือคนรักของเขานั่นเอง 

ทุกอย่างดูเหมือนจะดีไม่ว่าจะเป็นชีวิตรักของเขาหรือแม้กระทั่งเรื่องในครอบครัว แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเรจิอานีเริ่มทำการปั่นหัวและบงการเขามากขึ้นถึงขั้นที่ยอมทรยศหักหลังคนในครอบครัวด้วยกันเนื่องจากความโลภทั้งเงินตราและอำนาจ ความรักได้เปลี่ยนเป็นความไม่เชื่อใจกันและมันก็นำมาสู่การหย่าร้างในที่สุด ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าคนที่ก่อร่างสร้างตัวด้วยกันมาจะเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและสุดท้ายมันก็กลายมาเป็นชนวนเหตุให้เกิดเหตุการณ์โศกนาฏกรรมในที่สุด สุดท้ายแล้วเรื่องราวของครอบครัวนี้จะเป็นอย่างไรต้องติดตามรับชมต่อในภาพยนตร์ 

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง House of Gucci 

House of Gucci เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของตระกูลแฟชั่นแต่มันไม่ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับแฟชั่นจ๋าแต่อย่างใด เพียงแต่นำเอาเรื่องราวของบุคคลที่อยู่ในวงการแฟชั่นมาดัดแปลงเพื่อเล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมในครอบครัวเท่านั้น 

สิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการที่ Lady Gaga มารับบทนำในภาพยนตร์เป็นครั้งแรกซึ่งการแสดงของเธอนั้นเรียกได้ว่าสามารถทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว ทุกครั้งที่เธอปรากฏตัวออกมาจะสามารถดึงความสนใจของเราได้ทุกครั้งด้วยการเล่นใหญ่เกินเบอร์ ยิ่งมาประกอบเข้ากับนักแสดงระดับ Oscar ไม่ว่าจะเป็นจาเร็ด เลโต้หรือปาชิโน ยิ่งทำให้การแสดงดูเหมือนจะยิ่งใหญ่ราวกับละครเวทีก็ไม่ปาน แม้ว่าการแสดงจะไปคนละทิศละทางแต่โดยรวมแล้วมันก็สามารถสร้างความบันเทิงให้กับผู้รับชมอย่างเราได้เป็นอย่างดี 

ในช่วงแรกของภาพยนตร์นั้นจะเหมือนกับเรารับชมภาพยนตร์แนวโรแมนติกแต่หลังจากนั้นเราก็จะถูกความจริงกระแทกหน้าเมื่อความโลภและอำนาจได้เข้ามากัดกินความสัมพันธ์ระหว่างชายหนุ่มและหญิงสาวจนทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นมา เรียกได้ว่าบรรยากาศของช่วงแรกกับช่วงหลังนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงเลยทีเดียว 

ในส่วนของคุณภาพงานสร้างถือว่าสามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะงานเสื้อผ้าที่ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ Gucci โดยตรง เป็นภาพยนตร์ที่คุ้มค่าสำหรับการรับชมแม้ว่าเนื้อหาบางส่วนจะมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่ก็ตาม เว็บแทงบอล

ตัวอย่างหนัง House of Gucci

รีวิว หนัง House of Gucci บางส่วนจาก beartai

คงไม่ถือว่าเป็นการสปอยล์หนัง เพราะ ‘House of Gucci’ สร้างจากคดีฆาตกรรมเมื่อปี 1995 ที่ช็อกวงการแฟชั่นและคนทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นสายแฟหรือไม่ก็ตาม ริดลีย์ สก็อตต์ (Ridley Scott) กำกับหนังเรื่องนี้จากบทที่อิงจากหนังสือชื่อ ‘The House of Gucci: A Sensational Story of Murder, Madness, Glamour and Greed’ ที่เขียนโดย ซารา เกย์ ฟอร์เดน (Sara Gay Forden) ซึ่งแน่นอนว่าทายาทในตระกูลกุชชีย่อมรู้สึกไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้ชมหนังเรื่องนี้แล้ว ส่วนแบรนด์ Gucci ไม่ว่าอะไร เปิดไฟเขียวเต็มที่ เพราะตอนนี้อยู่ในบริษัท Kering และบริหารงานโดย มาร์โก บิซซาร์รี ซีอีโอคนปัจจุบันที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลกุชชี แถมยังอนุญาตให้ยืมเครื่องแต่งกายแบบไม่อั้น เพราะถือเป็นการโปรโมตแบรนด์ไปในตัว

‘House of Gucci’ เล่าเรื่องราวแบบไม่ซับซ้อน โดยวางจุดเริ่มต้นของเรื่องอยู่ที่ปี 1978 ช่วงที่เมาริซิโอ กุชชี (อดัม ไดร์เวอร์ – Adam Driver) หนุ่มนักเรียนกฏหมายทายาทกุชชี ตกหลุมรักกับ ปาทริเซีย เรจจิอานี (เลดี้ กาก้า – Lady Gaga) ลูกสาวเจ้าของบริษัทอู่รถบรรทุก แม้จะถูกคัดค้านจากพ่อ โรดอลโฟ กุชชี (เจเรมี ไอเอินส์ – Jeremy Irons) ผู้ถือหุ้นของกุชชี 50% (และเขาจะได้รับต่อ) แต่เมาริซิโอก็ดื้อรั้นหัวชนฝา ยอมเดินออกจากครอบครัวกุชชี่ไปทำงานเป็นพนักงานอู่รถบรรทุกของพ่อปาทริเซียและตัดสินใจขอเธอแต่งงาน จากนั้นไม่นานเมาริซิโอก็ได้รับการทาบทามจากลุงอัลโด (อัล ปาชิโน – Al Pacino) ลูกชายคนโตของกุชชิโอ กุชชี ผู้ก่อตั้งแบรนด์ และเป็นประธานบริษัทในตอนนั้น ให้มาช่วยงานด้านการปรับปรุงภาพลักษณ์ของกุชชีที่เริ่มถูกมองว่าเป็นแบรนด์แฟชั่นที่ล้าสมัย แน่นอนว่าคนที่ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดมือไปและคอยหนุนหลังเมาริซิโออยู่ตลอดเวลาคือปาทริเซีย

ครึ่งแรกปูโทนเหมือนหนังรักโรแมนติก เล่าความสัมพันธ์ของเมาริซิโอและปาทริเซียที่ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัว ฝ่าฟันอุปสรรคจนกลายเป็นครอบครัวที่มั่งคั่ง โยงเข้าสู่ครึ่งหลังของหนังที่มีเงาของเมฆดำค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้ามาปกคลุม เมาริซิโอถูกปาทริเซียปั่นหัวและบงการมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นที่สามารถทรยศหักหลังครอบครัวตัวเอง เพราะความโลภจากอำนาจและเงินตรา กระทั่งความรักแปรเปลี่ยนเป็นความไม่ไว้ใจ นำไปสู่การหย่าร้าง ความหึงหวง ความโกรธแค้น และเป็นชนวนให้เกิดโศกนาฏกรรมในท้ายที่สุด

แม้หน้าหนังและชื่อหนังจะเกี่ยวกับแฟชั่น แต่ ‘House of Gucci’ ไม่ใช่หนังแฟชั่นจ๋าเหมือน ‘Coco Before Chanel’ หรือซีรีส์ ‘Halston’ แต่นี่คือหนังดราม่าที่ดัดแปลงจากชีวิตจริงของคนทำแฟชั่นเท่านั้น ดังนั้นใครที่ไม่ใช่สายแฟก็ดูรู้เรื่อง จะมีแค่รายละเอียดบางอย่างเช่นการพูดถึง ทอม ฟอร์ด ที่ก้าวมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ให้กุชชี หรือการมีบทเล็ก ๆ ของแอนนา วินทัวร์ และคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ ก็เป็นตัวชูรสชั้นดีหากคุณรู้เรื่องแฟชั่น

beartai

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *