ชื่อเรื่องCharlie and the Chocolate Factory
เรตติ้ง6.6
นักแสดงJohnny Depp,Freddie Highmore
จำนวนตอน1.55 ชั่วโมง

รีวิวหนัง Charlie and the Chocolate Factory

รีวิวหนัง Charlie and the Chocolate Factory ภาพยนตร์สุดแฟนตาซีที่เหมาะสำหรับการรับชมในช่วงคริสต์มาส เข้าสู่เดือนธันวาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้วแม้ว่าอากาศในหลายภูมิภาคจะยังไม่ได้หนาวเย็นเหมือนกับฤดูหนาวในที่ที่ผ่าน ๆ มาจากภาวะโลกร้อน แต่พอเข้าสู่เดือนธันวาคมที่ได้บรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสซึ่งเป็นความอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวก็ตลบอบอวลไปทั่วในเทศกาลดังกล่าวนอกจากคนทั้งครอบครัวจะมารวมตัวกันรับประทานอาหารและเปิดของขวัญแล้วหนึ่งในสิ่งที่พวกเขาจะทำด้วยกันก็คือการรับชมภาพยนตร์นั่นเองโดยส่วนใหญ่แล้วภาพยนตร์ที่นิยมรับชมกันในช่วงเทศกาลคริสต์มาสก็เป็นภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับเด็กเนื่องจากเทศกาลดังกล่าวนี้เป็นเทศกาลครอบครัว

ที่ในหลายครอบครัวก็มีเด็กอยู่ด้วยดังนั้นภาพยนตร์ส่วนใหญ่ที่มักจะรับชมกันในช่วงนี้จึงเป็นภาพยนตร์เด็กหรือมีตัวละครแสดงเป็นเด็กอย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง Home Alone เป็นต้น แต่หากคุณไม่ชอบภาพยนตร์แนวนั้นเราขอแนะนำ Charlie and the Chocolate Factory เป็นภาพยนตร์แฟนตาซีที่เล่าถึงเรื่องราวโรงงานช็อกโกแลตที่จะทำให้คุณนั้นได้เพลิดเพลินไปกับความฝันภาษาอย่างแน่นอนภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงที่มันออกฉายในยุค 2000 เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามอีกเรื่องหนึ่งไม่ว่าจะเป็นรายได้ในช่วงออกฉาย

รายได้จากการขายซีดีและวีดีโอและยังได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายมันเป็นภาพยนตร์ในความทรงจำวัยเด็กของผู้ใหญ่หลาย ๆ คนในยุคนี้เลยทีเดียวจนถึงตอนนี้เราก็ยังคงสามารถจดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในภาพยนตร์ได้ไม่ว่าจะเป็นตัวทองคำเพื่อเยี่ยมชมโรงงานช็อกโกแลตเด็กผู้โชคดีที่ได้เข้าร่วมทัวร์โรงงานช็อกโกแลตเจ้าของโรงงานช็อกโกแลตที่มักจะมาพร้อมกับหมวกทรงสูงและที่ขาดไปไม่ได้เลยก็คือมปาลมป่ามนุษย์ตัวจิ๋วที่เป็นแรงงานอยู่ในโรงงานดังนั้นหากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์สักเรื่องสำหรับการรับชมในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นนี้เราขอแนะนำภาพยนตร์เรื่องนี้เลย

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Charlie and the Chocolate Factory

Charlie and the Chocolate Factory จะเล่าถึงเรื่องราวของโรงงานช็อกโกแลตวิลลี่วองก้าโรงงานช็อกโกแลตที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้วโรงงานดังกล่าวก็หยุดการผลิตและปิดโรงงานไปเป็นระยะเวลานานจนหลายคนรู้สึกคิดถึงช็อกโกแลตของพวกเขา แต่ทุกคนคาดการณ์เอาไว้ว่าโรงงานดังกล่าวคงจะไม่มีวันกลับมาเปิดอีกแล้วจนกระทั่งในวันหนึ่งเจ้าของโรงงานช็อกโกแลตอย่างวิลลี่วองก้าก็ได้มีการออกมาประกาศว่าเขาจะกลับมาเป็นโรงงานอีกครั้งและส่งช็อกโกแลตออกขายไปทั่วทั้งโลก แต่ความพิเศษก็คือในบรรดา Chocolate ทั้งหลายนั้นจะมีเพียงแค่ 5 แห่งเท่านั้นที่จะมี Golden Ticket

หรือบัตรเชิญสีทองหากใครที่ได้บัตรเชิญดังกล่าวก็จะกลายเป็นผู้โชคดีที่ได้เข้าไปเยี่ยมชมโรงงานเพื่อศึกษาการผลิตไม่เพียงเท่านั้นยังมีโอกาสได้รับการคัดเลือกให้เป็นทายาทในการรับช่วงต่อธุรกิจต่อไปอีกด้วยมีเด็กยากจนอยู่คนหนึ่งชื่อว่าชาลีบ้านของเขานั้นมีสมาชิกถึง 7 คนด้วยกันเลยทีเดียวดังนั้นการที่เขาจะซื้อช็อกโกแลตวิลลี่วองก้านั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็สามารถรวบรวมเงินจนซื้อมันได้สำเร็จและเขาก็กลายเป็นเด็กโชคดีที่ได้บัตรเชิญสีทองในที่สุดด้วยความที่บ้านของเขานั้นอยู่ใกล้กับโรงงานช็อกโกแลตอยู่แล้วทุกคนภายในบ้านจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

แต่สุดท้ายแล้วชาลีก็ตัดสินใจที่จะให้ผู้ติดตามเข้าไปเยี่ยมชมโรงงานช็อกโกแลตเป็นคุณปู่ของเขาที่ครั้งหนึ่งเคยทำงานในโรงงานดังกล่าวมาก่อนหลังจากที่เขาได้เข้ามาในโรงงานช็อกโกแลตเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้พบกับเด็กผู้โชคดีอีก 4 คนซึ่งประกอบไปด้วยเด็กหญิงลูกเศรษฐีจอมเอาแต่ใจที่อยากได้อะไรก็จะต้องได้เด็กชายตัวอ้วนที่กินทุกอย่างที่ขวางหน้าเด็กชายสุดอัจฉริยะแต่ปวดไปเสียทุกเรื่องปุ่มบ้านอีกด้วยในบรรดาเด็กทั้ง 5 คนนี้ใครกันที่จะได้อยู่ทั่วโรงงานช็อกโกแลตที่เต็มไปด้วยความแฟนตาซีและเรื่องน่าอัศจรรย์ใจมากมายและใครที่จะได้รับช่วงต่อกิจการโรงงานช็อกโกแลตวิลลี่วองก้าต้องไปติดตามกันต่อในภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังชมภาพยนตร์เรื่อง Charlie and the Chocolate Factory

Charlie and the Chocolate Factory เป็นภาพยนตร์ที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองรับชมดูในช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ใกล้จะถึงนี้เนื่องจากมันเป็นภาพยนตร์แฟนตาซีสำหรับเด็กที่สามารถรับชมได้ทั้งครอบครัวเต็มไปด้วยเรื่องราวแฟนตาซีมากมายที่จะสามารถมอบความสนุกสนานในคืนวันคริสต์มาสได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ต้องบอกก่อนว่าด้วยความที่มันเป็นภาพยนตร์เก่านับ 10 ปีแล้วดังนั้นมันจึงมีบรรยากาศ

และงานภาพที่ดูเหมือนจะย้อนยุคสักเล็กน้อยและสุดท้ายคือเด็กหญิงในชุดยิมนาสติกสีฟ้าที่มักจะเคี้ยวหมากฝรั่งตลอดเวลาแถมยังชอบทำอะไรด้วยความที่เป็นภาพยนตร์แนวแฟนตาซีทำให้ต้องใช้งานคอมพิวเตอร์กราฟิกค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะตัวละครอบปาลมป่าที่ใช้นักแสดงเพียงแค่คนเดียวจากนั้นก็นำเอางานคอมพิวเตอร์กราฟิกมาเพิ่มตัวละครของเขาในภาพยนตร์จนนับไม่ถ้วนแม้ว่าจะเป็นงานยุคเก่า

แต่ก็มีความสวยงามและสมจริงไม่น้อยเลยทีเดียวเชื่อว่าตอนที่ทุกคนเคยรับชมตอนสมัยยังเป็นเด็กจะต้องเกิดความรู้สึกว่าอยากจะเข้าไปรับชมโรงงานดังกล่าวบ้างไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอนมีอีกหนึ่งฉากที่น่าประทับใจเป็นอย่างมากก็คือฉากกระรอกที่แกะเม็ดอัลมอนด์ซึ่งเป็นการใช้กระรอกจริงไม่ได้เป็นงานคอมพิวเตอร์กราฟฟิกแต่อย่างใด

ตัวอย่างหนัง Charlie and the Chocolate Factory

รีวิว หนัง Charlie and the Chocolate Factory บางส่วนจาก mgronline

ในสังคมตะวันตกนั้น เด็กๆกับขนมหวานอย่างช็อกโกแลต เป็นของคู่กัน เพราะยามที่ได้ลิ้มรสช็อกโกแลตอันหวานหอม นั่นคือช่วงเวลาแห่งความสุขของเด็กๆ

แต่สำหรับในภาพยนตร์เรื่องชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกแลต หนังแนวแฟนตาซี สุดพิสดารเรื่องนี้ เด็กน้อย ‘ชาร์ลี’ ที่เกิดมาในครอบครัวบั๊กเก็ต อาศัยอยู่ในบ้านไม้โกโรโกโส มีอาหารประจำคือซุปใสๆที่ต้มกับผักกะหล่ำทุกมื้อนั้น ช็อกโกแลตกลับมิใช่ความสุขและความปรารถนาอันแท้จริง แม้ว่าทุกคืนชาร์ลีจะมองลอดหน้าต่างห้องนอนใต้หลังคา ดูโรงงานช็อกโกแลตขนาดใหญ่ในหมู่บ้าน และฝันว่าสักวันหนึ่งเขาจะได้เข้าไปเยือนโรงงานแห่งนี้ก็ตาม

ปู่ของชาร์ลีซึ่งเคยเป็นพนักงานอยู่ในโรงงานแห่งนี้เล่าว่า ‘วิลลี วองก้า’ เจ้าของโรงงานช็อกโกแลตแห่งนี้เป็นอัจฉริยะในการคิดค้นสูตรช็อกโกแลตที่มีรสชาติแปลกใหม่ไม่เหมือนใครออกมาอยู่ตลอดเวลา รสชาติอันแสนอร่อยของช็อกโกแลตวองก้าได้รับการต้อนรับจากบรรดาผู้นิยมชมชอบช็อกโกแล็ตทั่วโลก จนสามารถขยายเป็นโรงงานผลิตใหญ่โต แต่หลังจากที่โดนขโมยสูตรลับไปผลิตแข่ง วิลลีจึงปิดโรงงาน และไม่เคยมีใครเห็นเขาอีกเลย รวมทั้งไม่เคยมีใครในหมู่บ้าน มีโอกาสเข้าไปทำงานที่นั่นอีก แต่ช็อกโกแลตวองก้าอันแสน อร่อยลิ้นก็ยังคงวางขายอยู่ในท้องตลาด เพราะวิลลีใช้ ‘อูมปา ลูมป้าส์’ ชาวป่าตัวเล็กๆนับพันมาผลิตช็อกโกแลตนั่นเอง

วันหนึ่งวิลลีได้ออกประกาศเชื้อเชิญเด็กโชคดี 5 คนที่พบบัตรทองซ่อนอยู่ในห่อช็อกโกแลต ให้มาชมโรงงานอันสุดแสนมหัศจรรย์ของเขา และในจำนวน 5 คนนี้จะมีเพียงคน เดียวที่จะได้รับรางวัลชนะเลิศ

‘ออกัสตัส กลู๊ป’ เด็กชายอ้วนฉุ ที่กินมูมมามและปากไม่เคยว่างจากอาหารเลยตลอดวัน ตั้งหน้าตั้งตากินช็อกโกแลตวองก้าจนได้เป็นคนแรกที่เจอบัตรทอง คนต่อมาคือ ‘เวรูก้า ซอลท์’ เด็กสาวผมทองลูกสาวคนเดียวของมหาเศรษฐีที่เอาแต่ใจตัวเอง เพราะถูกตามใจจนเคยตัว ส่วนเด็กหญิง ‘ไอโอเล็ด โบรีการ์ต’ ผู้ถูกสอนให้เป็นคนเก่งที่ชอบเอาชนะ เป็นคนที่ 3 ที่เจอบัตรทอง และเธอตั้งเป้าหมายว่าจะต้องชนะในการทัวร์โรงงานช็อกโกแลตครั้งนี้ด้วย ส่วนคนที่ 4 เป็นเด็กสุดไฮเปอร์สติเฟื่อง ‘ไมค์ ทีวี’ ที่เล่นเกมทั้งวันจนกลายเป็นเด็กก้าวร้าว

ขณะที่ชาร์ลีก็ใฝ่ฝันอยากจะเข้าไปเยี่ยมชมโรงงานแห่งนี้ด้วย แต่เขามีโอกาสกินช็อกโกแลตเพียงปีละหนึ่งแท่งในวันเกิดเท่านั้น โอกาสพบบัตรทองจึงไกลเกินเอื้อม แต่ในที่สุด ชาร์ลีก็กลายเป็นเด็กโชคดีคนสุดท้าย เมื่อเขาเจอเงินที่ตกอยู่ข้างถนนและนำไปซื้อช็อกโกแลตวองก้าและเจอบัตรทองใบสุดท้าย ทุกคนในครอบครัวดีใจเมื่อรู้ว่าความฝันของชาร์ลีเป็นจริงแล้ว แต่เมื่อมีคนเสนอขอซื้อบัตรใบนี้ในราคาสูงถึง 500 ดอลลาร์ ทำให้ชาร์ลีตัดสินใจไม่ไป เพราะเขาอยากได้เงินนี้ไปช่วยเหลือครอบครัว ทั้งนี้ก็ด้วยความรักคนอื่นและปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุขนั่นเอง จนคุณตาซึ่งรักและเข้าใจความฝันของหลาน ได้บอกว่า “ทุกๆวันจะมีคนพิมพ์เงินขึ้นมากมาย แค่เดินออกจากบ้านก็สามารถหาเงินได้แล้ว แต่ตั๋วมีเพียง 5 ใบเท่านั้น คนโง่จึงจะยอมแลก” ชาร์ลีจึงตัดสินใจไป

ประตูโรงงานที่เคยปิดตายมานานถึง 15 ปี ได้เปิดขึ้น เพื่อต้อนรับเด็กทั้ง 5 คน พร้อมผู้ปกครองที่ก้าวเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้น วิลลีเจ้าของโรงงานนำทุกคนเข้าไปสู่ดินแดน มหัศจรรย์ดั่งเทพนิยาย สภาพในโรงงานเป็นป่าที่มีทุ่งหญ้าเขียวขจี ต้นไม้ออกผลเป็นลูกกวาดหลากสีสัน มีน้ำตกที่เป็นช็อกโกแลตไหลเรื่อยลงมายังลำธารช็อกโกแลต และทุกคนก็ได้พบความลับสุดยอดของโรงงานนี้คือ ‘อูมปา ลูมป้าส์’ ชาวป่าตัวเล็กๆนับพันที่สนุกสนานไปกับการผลิตช็อกโกแลต

mgronline

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *