ชื่อเรื่องบอสฉันขยันเชือด
เรตติ้ง4.5
นักแสดงไอซ์ ปรีชญา,มุกดา นรินทร์รักษ์,โอ๊ต ปราโมทย์
จำนวนตอน2.01 ชั่วโมง

รีวิวหนัง บอสฉันขยันเชือด Netflix

รีวิวหนัง บอสฉันขยันเชือด Netflix ภาพยนตร์บน netflix ที่จะเล่าถึงเรื่องราวการไล่ล่าฆาตกรของเหล่าพนักงานออฟฟิศ ถ้าพูดถึงเรื่องราวของการไล่ล่าฆาตกรหรือผู้ที่กระทำความผิดส่วนใหญ่แล้วคนที่ทำหน้าที่นั้นก็มักจะต้องเป็นตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี แต่จะเป็นอย่างไรหากเรารู้สึกสงสัยว่าเจ้านายของเราที่เพิ่งย้ายเข้ามาประจำการใหม่นั้นเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่กำลังมีข่าวและตำรวจต้องการตัวอยู่จากเดิมทีที่หน้าที่นี้จะต้องเป็นของตำรวจก็เลยต้องกลายเป็นของเหล่าพนักงานออฟฟิศไม่ได้เรื่องแทนเรื่องราวนี้คงเต็มไปด้วยความสนุกสนาน

และความลุ้นไม่น้อยเลยทีเดียวนับว่าเป็นเรื่องราวที่ฉลาดมากสำหรับการวางเรื่องราวในภาพยนตร์เพราะมันจะเต็มไปด้วยหลากหลายอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นการสืบสวนสอบสวนความฮาความลุ้นเต็มไปด้วยปริศนามากมายที่ทำให้ผู้รับชมอย่างเรารู้สึกอยากจะติดตามมากยิ่งขึ้นไปอีกและหากคุณชื่นชอบภาพยนตร์แนวนี้แล้วล่ะก็เราขอแนะนำภาพยนตร์เรื่องบอสฉันขยันเชือดภาพยนตร์ไทยไอเดียแหวกแนวที่ไม่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ แต่อย่างใดเนื่องจากติดปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 ทำให้ต้องย้ายแพลตฟอร์มมาฉายบน netflix

แทนด้วยเหตุนี้มันจึงกลายเป็นภาพยนตร์ที่กลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างเนื่องจากในปัจจุบัน netflix เป็นแพลตฟอร์ม Streaming ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทยการตัดสินใจนำเอาภาพยนตร์มาฉายบน netflix จึงถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกเพราะมันทำให้คนรู้จักภาพยนตร์เรื่องนี้และมีโอกาสได้รับชมมากยิ่งขึ้นนั่นเองความดีงามที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้หนีไม่พ้นไอเดียที่แปลกใหม่รวมไปถึงการดำเนินเรื่องราวที่แตกต่างจากภาพยนตร์ไทยทั่วไปให้ความรู้สึกและกลิ่นอายคล้ายกับภาพยนตร์จากต่างประเทศ แต่ก็ยังคงเสน่ห์ของความเป็นภาพยนตร์ไทยเอาไว้ได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวหรือแม้กระทั่งกลิ่นอายในภาพยนตร์บางฉากบางตอนหากคุณมีบัญชี netflix อยู่แล้วเราก็อยากจะแนะนำให้คุณได้ลองรับชม

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องบอสฉันขยันเชือด

บอสนขยันเชือดเป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของแก๊งหนุ่มสาวพนักงานเงินเดือนที่ประกอบไปด้วยหลินเมษาและโบกี้พวกเธอนั้นเป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาทั่วไปที่ใช้ชีวิตในแต่ละวันหมดไปกับการทำงาน แต่ก็ยังไม่วายมีเวลาว่างในการติดตามเรื่องราวดราม่าในสังคมและมันก็ทำให้พวกเธอนั้นได้บังเอิญพบเข้ากับเรื่องราวที่พวกเธอคาดคิดไม่ถึงนั่นก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับบอสคนใหม่ของพวกเธอที่พึ่งย้ายเข้ามาทำงานได้ไม่นาน

บอสคนนี้เป็นชายวัยกลางคนที่หน้าตาดีแถมยังดูดีจนทำให้สาว ๆ หลายคนต้องตกหลุมรักอีกด้วยภายนอกนั้นเขาเหมือนกับชายหนุ่มธรรมดาทั่วไปที่เต็มไปด้วยความเพอร์เฟคหน้าตาดีการงานมั่นคงมีความเป็นผู้ใหญ่ แต่เขากลับตกเป็นผู้ต้องสงสัยของสามสาวอาจจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องด้วยเหตุนี้พนักงานออฟฟิศสาวทั้งสามคนจึงต้องผันตัวมาเป็นนักสืบเพื่อตามหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวของบอลคนใหม่ว่าแท้ที่จริงแล้วเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนหรือไม่

พวกเธอพยายามตามหาประวัติความเป็นมาของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลักฐานหรือเบาะแสที่จะสามารถชี้ให้เห็นได้ชัดว่าบอสคนใหม่ของพวกเธอนั้นเป็นฆาตกรต่อเนื่องจริง แต่เหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายจนทำให้นอกจากพวกเธอทั้ง 3 คนแล้วยังมีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องมากมายโดยเฉพาะดอกเตอร์องคนที่คอยสืบสวนเรื่องราวและพยายามเชื่อมโยงคดีดังกล่าวเข้าหากันมาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลาหลายปีสรุปแล้วบอสคนใหม่ของพวกเธอนั้นเป็นฆาตกรต่อเนื่องจริงหรือไม่เราต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่องบอสฉันขยันเชือด

บอสฉันขยันเชือดถือเป็นภาพยนตร์ไทยที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในส่วนของเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความแปลกใหม่และไอเดียที่น่าสนใจเป็นการผสมผสานกันระหว่างภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนเข้ากับภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ที่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยถนัดซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถทำออกมาได้อย่างลงตัวไม่มีอะไรที่มากหรือน้อยจนเกินไปไม่สอดแทรกความตลกเข้ามาจนทำให้เรื่องราวนั้นดูเละเทะไร้สาระไม่เพียงเท่านั้นยังมีการนำเอาทฤษฎีจิตวิทยาเข้ามา

พูดถึงแถมเรื่องการสืบสวนสอบสวนนั้นก็ยังสามารถทำออกมาได้จนมีความน่าติดตามเป็นอย่างมากทำให้เรานั้นรู้สึกอยากรู้อยากเห็นตลอดเวลาขณะที่รับชมจุดที่น่าเสียดายคือภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ค่อยมีมิติเท่าที่ควรและไม่มีจุดไคลแม็กซ์ที่ทำให้เรานั้นรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาได้การดำเนินเรื่องราวไปเรื่อย ๆ แม้ว่ามันจะมีความกระชับ แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกเบื่อได้มีบางช่วงของเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผล แต่โชคดีที่ในตอนจบนั้นสามารถเข้าหมดทุกอย่างให้เข้ากันได้อย่างกำลังพอดีและสิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าสนใจมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นนักแสดง

ซึ่งในครั้งนี้เป็นการฝึกฝนกองทัพนักแสดงพ่อตัวแม่ของวงการบันเทิงมารวมกันเอาไว้ในที่เดียวไม่ว่าจะเป็นนักร้องยอดนิยมตลอดกาลอย่างก้องสหรัถนางเอกภาพยนตร์ 100 ล้านอย่างไอซ์ปรีชญานางเอกจากช่อง 7 อย่างมุกดานรินทร์รักษ์ดีเจชื่อดังที่เต็มไปด้วยความหาอย่างเผือกพงศธรยังไม่รวมไปถึงนักแสดงสมทบทั้งโอ๊ตปราโมทย์ผักกาดพอวิไลและนอทสั ณ หณัฐซึ่งแต่ละคนนั้นสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะคนที่น่าจับตามองมากที่สุดอย่างมุกดาที่เป็นการผันตัวมาเล่นภาพยนตร์เป็นตัวหลักเรื่องแรก

ตัวอย่างหนัง บอสฉันขยันเชือด

รีวิว หนัง บอสฉันขยันเชือด บางส่วนจาก beartai

ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์นับเป็นค่ายหนังไทยที่กล้าผลิตหนังแนวทางใหม่ ๆ มาสร้างความคึกคักให้วงการหนังไทยเสมอตั้งแต่ปรากฎการณ์นางนาก หนังไทยร้อยล้านเรื่องแรก จนต่อมาได้ร่วมทำหนังกับ GMM ก็ยังได้ผลิตผลงานคุณภาพขวัญใจมหาชนออกมานับไม่ถ้วน หรือจะเป็นก่อนหน้านี้ที่ได้ร่วมงานกับ Mono Films ทำค่าย T-Moment ที่แม้จะมีหนังแค่ 3 เรื่องถ้วนได้แก่ โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง, App War แอปชนแอป และ The Pool นรก 6 เมตรก็ยังนับว่าได้สร้างความแปลกใหม่ให้วงการหนังไทยอีกครั้ง

และหลังเปิดตัวความร่วมมือล่าสุดกับทางเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์จนได้เปิดค่าย ไทเมเจอร์ และถือเป็นการร่วมงานกันอย่างเป๋็นทางการของคนตระกูลวรลักษณ์ ทั้งวิสูตร (ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์) และ วิศรุต (เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์) ก็ทำให้ความคาดหวังที่มีต่อบิ๊กวงการหนังทั้ง 2 อยู่ในระดับสูงสุดและผลงานประเดิมค่ายที่ขอออกฉายชิมลางก็ได้แก่ บอสฉัน..ขยันเชือด หนังสแลชเชอร์คอมเมดี้เรื่องนี้นี่เอง

ตัวหนังเริ่มเรื่องด้วยคลิปจากแชนแนล ‘กี้ษาท้าพิสูจน์’ ที่ช่วยแนะนำให้เรารู้จักกับ โบกี้ (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) และเมษา (มุกดา นรินทร์รักษ์) อดีตคู่หูยูทูบเบอร์สมัยมัธยมที่ปัจจุบ้นต้องใช้ชีวิตเป็นมนุษย์เงินเดือนในบริษัทผลิตเสื้อยืด แต่หลังจากวันดีคืนดีที่พวกเธอรวมถึง หลินฮุ่ย (ผักกาด-พอวิไล อภิรัชฎาพร) ได้พบเจอแฟลชไดร์ฟของนอท (นอท-สัณหณัฐ ทิราชีพ) หนุ่มไอทีที่ทำวิดีโอเปิดเผยว่าคุณต้น (สหรัถ สังคปรีชา) บอสประจำบริษัทเป็นฆาตกรต่อเนื่อง พวกเธอจึงต้องหาทางพิสูจน์ความจริงก่อนจะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไป

หนังได้ ภูวนิตย์ ผลดี จาก โอเวอร์ไซส์ทลายพุง และ ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ มาร่วมกันรังสรรค์เรื่องราวแนบสืบสวนสอบสวนคอมเมดี้ที่มีกลิ่นอายแบบหนังสแลชเชอร์ซึ่งนับเรื่องได้สำหรับวงการหนังไทย โดยหากพิจารณาจากไอเดียตั้งต้นที่มันตั้งใจหยอกล้อกันระหว่างงานออฟฟิศที่ฆ่าความฝันกับฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าเหยื่อสาวออฟฟิศแล้วโยนความไม่น่าไว้วางใจให้กับเจ้านายอย่างคุณต้นก็ถือเป็นไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อยเลย

อีกทั้งการได้มุกดานักแสดงสาวช่อง 7 ที่เคมีการแสดงเข้ากันกับไอซ์ ปรีชญาอย่างดีก็ทำให้ตัวหนังมีจุดที่ทำให้คนดูติดตามและลุ้นไปกับทั้งคู่ได้แม้หนังจะไม่ได้มีพระเอกเหมือนหนังไทยเรื่องอื่น ส่วนก้อง สหรัถก็ขายเสน่ห์บอสหนุ่มใหญ่สุดหล่อที่ดูอันตรายไม่น่าไว้วางใจ แค่นี้ตัวหนังก็สามารถเล่นสนุกกับคาแรกเตอร์ที่สร้างมาได้เป็นอย่างดีแล้ว เพียงแต่ตัวบทหนังก็ยังคงมีช่องโหว่ที่ยิ่งหนังเดินเรื่องไปก็ยิ่งถ่างออกจนชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

ข้อสังเกตประการแรกที่หนังไม่น่าพลาดเลยคือการปูความสัมพันธ์ของตัวละครโบกี้กับเมษานี่แหละที่บอกตามตรงว่าแม้ฉากเปิดเรื่องจะเปิดด้วยคลิปของทั้งคู่ แต่กว่าหนังจะมาปูความขัดแย้งของทั้งคู่ก็ปาไปองก์สองของหนังแล้ว ที่สำคัญความขัดแย้งของทั้งคู่ยังนำเสนอออกมาในลักษณะเพื่อนสาวที่ง้องแง้งกันมากกว่า และยังไม่พอหนังยังเพิ่มหลินฮุ่ยตัวละครเพื่อนสาวคนใหม่ของเมษาที่แทบไม่มีความจำเป็นกับเรื่องราวเท่าไหร่เข้าไปอีก

ประการต่อมาคือการตัวอย่างหนังที่ตัดออกมาโปรโมตคนดูอดคาดหวังไม่ได้เลยว่าตัวหนังควรออกมาระทึกและมีคนตายรายทางจนสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา ปรากฎว่าทั้งเรื่องการฆาตกรรมเป็นเพียงอดีตที่เกิดขึ้นนานนับปีแค่ศพเดียว แล้วหนังก็เสียเวลาจับแพะชนแกะรายทางเอาทั้งความสงสัยแบบลอย ๆ ไปคุยกับดร.อัง (โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน) หรือพี่ปั่น (เผือก พงศธร จงวิลาส) จนเราอดสงสัยในระดับสติปัญญาของนักสืบ 3 สาวไม่ได้เลย ที่สำคัญคือจุดหักมุมของมันก็มาในแบบจับยัดมากกว่าจะมีการปูปมนี้มาแต่ต้นไปอย่างน่าเสียดาย

ประการสุดท้ายเลยคืองานกำกับของหนังยังไม่สามารถทำให้คนดูลุ้นระทึกตามตัวละครหรือสถานการณ์ในเรื่อง ทั้งที่หนังมีฉากที่เอื้อต่อการทำให้คนดูตามติดและอกสั่นขวัญแขวนได้เพียบทั้งฉากในห้องล้างรูปบ้านของบอสต้น ไปจนถึงไคลแมกซ์ของหนังที่แม้จะทำให้คนดูได้หัวเราะและสนุกสนานบ้าง แต่จังหวะของมันก็เอื่อยจนผิดฟอร์มหนังทริลเลอร์ ทั้งการกำกับการแสดงที่เหมือนผู้กำกับเองก็ไม่มั่นใจว่าจะให้ตัวละครรีแอ็กกับเหตุการณ์ตรงหน้ายังไงจนดูประดักประเดิด มุกที่ให้หลินฮุ่ยเอาตัวชนกับฆาตกรก็ดูเป็นมุกสังขารที่เกินความเข้าใจไปหน่อยจนมันดูกระอักกระอ่วนเกินจะหัวเราะออกมาดัง ๆ ครับ

แต่กระนั้นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีมาก ๆ แต่ดันมาตอนจบคือคำพูดของฆาตกรที่ว่าด้วยสังคมการทำงานแบบไทย ๆ โดยเฉพาะเรื่องเส้นสายที่เอาคนรู้จักหรือมีความสัมพันธ์เข้ามาทำงานด้วยวิธีพิเศษ ซึ่งหากหนังปูเรื่องส่วนนี้ดี ๆ มันจะกลายเป็นหนังไทยที่มีบทหนังวิพากษ์สังคมการเมืองที่ทำงานที่เฉียบคมมาก ๆ อย่างไรก็ดีหากใครจะเข้าไปเสพหนังสนุก ๆ สักเรื่องที่มีดารามีเสน่ห์มาเพ่นพ่านกันบนจอ บอสฉัน..ขยันเชือดก็ถือว่ายังตอบโจทย์อยู่ดีครับ

นี่คือหนังไทยฟอร์มดีเรื่องแรกต้อนรับไตรมาส 2 ของปี ซึ่งเป็นผลงานเปิดตัวค่ายหนังน้องใหม่อย่าง ไท-เมเจอร์ แต่คุมงานโดยรุ่นเก๋าของวงการอย่าง คุณวิสูตร พูลวรลักษณ์ ที่ผ่านการสร้างหนังไทยมาทุกยุคทุกสมัย จาก ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ สู่ยุคของ GTH

beartai

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *