ชื่อเรื่องYAKAMOZ S-245
เรตติ้ง6
นักแสดงKivanç Tatlitug,Özge Özpirinçci
จำนวนตอน7 ตอน

รีวิวซีรีส์ YAKAMOZ S-245

รีวิวซีรีส์ YAKAMOZ S-245 ซีรีส์สปินออฟจาก INTO THE NIGHT 2 ซีซั่นที่จะเฉลยความค้างคาทุกอย่างให้คุณ เป็นเรื่องปกติที่ภาพยนตร์หรือซีรีส์แนวลึกลับทั้งหลายจะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่มีปริศนามากมายรอการค้นพบ ยิ่งถ้าเป็นซีรส์ตอนยาวที่สามารถสอดแทรกเนื้อหาเข้ามาได้มากกว่าภาพยนตร์ยิ่งทำให้มีประเด็นลึกลับซับซ้อนไปมากกว่าเดิมซะอีก ตัวละครมากมายทั้งหลักและรองต่างก็น่าสนใจไปหมด มันจึงไม่น่าแปลกใจหากจะมีการทำเรื่องราวสปินออฟออกมาเพื่อคลายความสงสัยให้กับผู้รับชมหรือนำเสนอเรื่องราวของตัวละครรองที่ได้รับความนิยมเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับแฟรนไชส์มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมไปอีก

อย่างเช่นที่เราจะพาทุกคนมาแนะนำกันในวันนี้ก็เป็นซีรีส์สปินออฟเช่นเดียวกันนั่นก็คือ YAKAMOZ S-245 ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวอีกเส้นเรื่องหนึ่งที่มีความเชื่อมโยงกับซีรีส์ชื่อดังอย่าง INTO THE NIGHT และ INTO THE DEEP โดยซีรีส์เรื่องนี้กำลังจะออกซีซั่น 3 ให้เราได้รับชมกันอีกไม่นานนี้ ซีรีส์ดังกล่าวจึงเปรียบเสมือนกับภาค 2.5 ที่ออกมาเรียกน้ำย่อยและเฉยปมบางอย่างที่อาจจะยังไม่เคลียร์ซักเท่าไหร่ให้ผู้รับชมอย่างเราเข้าในเรื่องราวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ซีรีส์เรื่องนี้จะนำเอาเรื่องราวอีกด้านที่มีความเชื่อมโยงกับหลายเหตุการณ์ในซีรีส์ภาค 1-2 ไปพร้อมกันโดยใช้ตัวละครท่อยูในเรื่องดำน้ำเป็นคนเล่าเรื่องเป็นหลัก ดังนั้นหากคุณเปิดมารับชมซีรีส์เรื่องนี้เลยรับรองว่างงอย่างแน่นอน เราจึงขอแนะนำให้คุณดู 2 ภาคแรกก่อนจะช่วยให้การรับชมได้อรรถรสมากขึ้นกว่าเดิม

อีกหนึ่งความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือมันเป็นสัญชาติตุรกี แต่ 2 ภาคแรกเป็นผลงานของเบลเยี่ยม ดังนั้นกลิ่นอายและการเล่าเรื่องราจะแตกต่างกัรออกไปอย่างแน่นอน แต่ทั้งหมดยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของ NETFLIX ดังเดิมและสร้างมาจากนวนิยายในชุดเดียวกัน มีทั้งหมด 7 ตอน ตอนละประมาณ 50 นาที ซึ่งเป็นสปินออฟที่มีเรื่องยาวราวกว่าภาคหลังที่มีเพียงแค่ 6 ตอน ตอนละ 30 นาทีเท่านั้น

แนะนําซีรี่ย์ netflix พากย์ไทย

เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง YAKAMOZ S-245

YAKAMOZ S-245 เป็นเรื่องราวที่ยังคงเกาะเส้นเรื่องหลักเหมือนเดิมในภาคหลักทั้ง 2 ภาค มนุษย์ต้องเผชิญกับภัยพิบัติที่เลวร้ายจนทำให้โลกทั้งใบแทบไม่เหลือซาก เมื่อดวงอาทิตย์ที่เป็นแหล่งพลังงานสำคัญของโลกดันกลายเป็นตัวอันตรายเพราะปล่อยรังสีบางอย่างออกมาแบบที่ไม่บอกไม่กล่าว ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกของเราต้องตายลงไปในทันที เหลือเพียงแค่สปีชีย์เดียวเท่านั้นที่รอดนั่นก็คือผืชพันธุ์ทั้งหลาย 

เรื่องราวจะเล่าผ่านตัวละครนักวิทยาศาสตร์ที่ออกเดินทางไปในท้องทะเลลึกด้วยเรือดำน้ำจำนวน 5 คน พวกเขาทำงานอย่างปกติจนกระทั่งต้องเจอเรื่องราวไม่คาดฝันเมื่อโผล่ออกมาจากใต้ผิวน้ำแล้วพบว่าสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้ตายลงไปหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในช่วงเวลาเดียวกันมีเรือดำน้ำอีกลำจากนาโต้โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำและพบกับเรื่องน่าตกใจเหมือนกับพวกเขา ด้วยเหตุนี้ผู้รอดชีวิตจากเรือดำน้ำทั้งสองลำจึงต้องพยายามทำร่วมมือกันทำทุกวิถีทางเพื่อเอาตลอดรอดจากหายนะในครั้งนี้ให้สำเร็จ และยังต้องสืบหาความเป็นมาเป็นไปเกี่ยวกับความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในเรือดำน้ำใต้ท้องทะเลลึกอีกด้วย

ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่องYAKAMOZ S-245

YAKAMOZ S-245 เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวกับกับหายนะล้างโลกก็จริงแต่ไม่ได้เน้นไปที่ภัยพิบัติโดยตรงแต่อย่างใด ไม่ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้ แต่นำเสนอในรูปแบบของวิทยาศาสตร์ไซไฟทิลเลอร์ ความดราม่า ความกดดันในการเอาชีวิตรอด ความอันตรายที่มาจากมนุษย์มากกว่ารังสีจากดวงอาทิตย์ ความขัดแย่งและไม่เข้าใจกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์และทหารที่มีแนวคิดและความรู้ความเข้าแตกต่างกัน 

คววามดีงามของซีรีส์เรื่องนี้คือการเฉลยปมปริศนาที่นัดเข้ามาใน 2 ภาคแรกที่ยังเล่าไม่หทด เป็นการเคลียร์ของเก่าก่อนเดินหน้าเข้าสู่ภาคใหม่อย่างเป็นทางการ ทำให้เรารู้เรื่องราวเกี่ยวกับนาโต้มากขึ้นกว่าเดิม นอกจากจะเฉลยเรื่องราวที่เคยผ่านมายังใส่ปมปริศนาและความลับใหม่เข้ามาอีกด้วย และสามารถผูกเรื่องราวทั้งหมดเข้ากับเรือดำน้ำได้เป็นอย่างดี มีส่วนที่เต็มไปด้ยความบ้าคลั่งซึ่งสามารถเพิ่มสีสันให้กับเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ม น้ำเต้า ปู ปลา

เป็นซีรีส์สปินออฟที่หากใครเคยรับชมภาคหลักมาก่อนเราขอบอกเลยพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาดเพราะมันทั้งเฉลยปมเก่า ส้รางปมใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้เรื่องราวไปไกลกว่าเดิม ตัวละครแต่ละตัวมีบทบาทที่โดดเด่นไม่แพ้กัน สามารถใส่รายบะเอียดในเรือดำน้ำเข้ามาได้อย่างยอดเยี่ยม แต่อย่างไรก็ตามซีรีส์ยังคงมีจุดสังเกตอยู่นั่นก็คือมักมีตัวละครที่ตัดสินใจหรือแสดงพฤติกรรมไม่สมเหตุสมผลซักเท่าไหร่ที่ทำให้เราหงุดหงิดได้ไม่ยาก บางตัวละครออกแนวน่ารำคาญจนไม่อยากเอาใจช่วย และงานคอมพิวเตอร์กราฟฟิกที่ยังไม่เนียนเท่าที่ควร โดยรวมแล้วถือเป็นซีรีส์ที่น่าสนใจ มีความสนุกสนาม ข้อเสียไม่ได้ทำให้เรื่องราวดูแย่ลงไปจนรับไม่ได้แต่อย่างใด สำหรับใครที่อยากรับชมแต่ไม่เคยรับชมภาคหลักมากก่อน เราขอแนะนำให้เก็บให้ครบ รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง

ตัวอย่างซีรีส์ YAKAMOZ S-245

รีวิว ซีรีส์ YAKAMOZ S-245 บางส่วนจาก playinone

ซีรีส์สปินออฟ Into the Night ที่เป็นเหมือนภาค 2.5 ทั้งเล่าเรื่องในเวลาเดียวกันแต่ต่างออกไปในเรือดำน้ำ และก็เชื่อมต่อเรื่องราวที่ขาดไปของภาคก่อนๆ พร้อมทั้งบทเฉลยความลับที่ไปไกลกว่าภาค 2 ครึ่งแรกเรื่องราวจะน่าเบื่อจากความขัดแย้งงี่เง่าของคนในเรือแบบเดียวกับซีซัน 1 พอช่วงหลังที่เรื่องราวเริ่มแตกต่างออกไปจะเริ่มสนุกน่าติดตาม แต่ก็ยังไม่ระทึกเท่าเครื่องบินในซีซันแรก ถ้าใครดูมาแล้วก็แนะนำว่าต้องดูต่อเลย แต่ถ้าดูภาคก่อนมาแล้วไม่ชอบก็ข้ามเรื่องนี้ไปเลยครับ

Yakamoz S-245 เรือดำน้ำผ่ารัตติกาล ซีรีส์สปินออฟ (ภาคแยก) จาก Into the Night ที่มีมาแล้ว 2 ซีซั่น (อ่านรีวิวได้ที่นี่) และกำลังมีซีซั่น 3 แต่ภาคสปินออฟนี้ก็กึ่งๆ เป็นซีซั่น 2.5 ไปในตัวด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเล่าเรื่องอีกด้านที่เชื่อมต่อหลายเหตุการณ์ของซีซั่น 1 กับ 2 ไปพร้อมกันด้วย ผ่านตัวละครในเรือดำน้ำ ซึ่งบางช่วงถ้าไม่เคยดู Into the night ทั้ง 2 ซีซั่นมาก่อนก็จะงงๆ ไม่เข้าใจจุดเชื่อมต่อเหตุการณ์บางอย่างที่ภาคนี้ใส่มาได้ (แต่ถ้าเริ่มดูภาคนี้ก่อนแล้วย้อนกลับไปดู 1-2 ก็จะเข้าใจได้เช่นกัน)

ภาคสปินออฟนี้เป็นงานสร้างจากตุรกีต่างจาก 2 ภาคแรกของเบลเยียม แต่อยู่ภายใต้โครงงานของเน็ตฟลิกซ์เหมือนกันทั้งคู่ โดยสร้างมาจากนิยายชุดเดียวกัน ภาคแยกนี้จะมีทั้งหมด 7 ตอน ความยาวแต่ละตอนประมาณ 50 นาที ซึ่งยาวกว่า into the night ทั้ง 2 ซีซั่นมาก (Into มี 6 ตอนต่อซีซั่น เวลาต่อตอนไม่ถึง 30 นาที) โดยธีมของเรื่องก็ยังเป็นแบบเดียวกันคือไม่ได้เน้นที่มหันตภัยโดยตรง ไม่ใช่แนวแอ็กชั่น แต่เป็นแนวไซไฟทริลเลอร์ดราม่ากดดันจากความบ้าคลั่งของมนุษย์ด้วยกันเอง โดยจะคล้ายกับซีซั่น 1 มากที่สุดตรงที่เรื่องราวเน้นไปที่ความขัดแย้งของนักวิทยาศาสตร์กับทหารที่มีหลักการแนวคิดต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทั้งสองฝ่ายต้องมาติดอยู่ในที่เดียวกัน โดยที่ยังมีดราม่าจากการกระทำไม่เข้าท่าของทั้ง 2 ฝ่าย แบบยัดใส่มาให้เป็นเรื่องราวขัดแย้งแบบเดียวกับในซีซั่น 1 เป๊ะๆ ซึ่งใครที่รำคาญอะไรแบบนี้ก็อาจจะเบื่อกับการเล่าแนวทางเดิมๆ ของเรื่องนี้เช่นกัน แต่ถ้าเทียบกันแล้วก็ถือว่าเบาลงกว่าสองภาคก่อน อยากให้ทนสักนิดจนผ่านกลางเรื่องไป เนื้อเรื่องจะเริ่มมีทิศทางใหม่ๆ หลังจากนั้นครับ

ทิศทางใหม่ของเรื่องนี้ก็คือการคลายปมความลับต่างๆ ที่ทั้ง 2 ซีซั่นก่อนขยักค้างๆ ไว้ ภาคนี้บอกเล่าเรื่องราวของนาโต้เพิ่มเติมในแบบที่ชัวร์แหละว่านี่คือ 1ในฝ่ายตัวร้ายของเรื่องแน่ๆ จากที่ภาคก่อนคือเหมือนแค่นาโต้ล่วงรู้ว่าจะมีเหตุการณ์นี้ แต่ในภาคนี้จะมีความลับบางอย่างที่ไปไกลกว่านั้น แล้วก็นำมาผูกรวมเข้ากับเรือดำน้ำลำนี้ได้อย่างน่าสนใจ และเส้นเรื่องของภาคนี้ในช่วงหลังคือจะแวะเข้าไปข้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ใน 2 ภาคก่อน ทั้งการติดตามเครื่องบินในซีซั่นแรกกับการตามไปยังหลุมหลบภัยในซีซั่น 2 โดยมีอีกมุมมองที่ต่างออกไป และยังได้ไปสำรวจบางอย่างที่ภาคก่อนทิ้งปริศนาไว้ไม่ไปหาอีกด้วย อย่างเหมืองแห่งหนึ่งที่ส่งสัญญาณวิทยุออกมา นอกจากนี้ยังมีบางตอนที่เรื่องราวบ้าคลั่งเกือบจะเป็นแนวซอมบี้ไปเลย ซึ่งหลายๆ อย่างในช่วงหลังทำได้น่าติดตามมากผิดกับช่วงแรกเลย และแอบมีอะไรว้าวๆ เกินคาดมาให้เห็นในตอนจบด้วย (เข้าใจว่าภาคนี้น่าจะไปรวมเรื่องในซีซั่น 3 คงไม่มีแยกออกมาอีก)

และก็เหมือนหนังเรือดำปกติที่มักจะใส่เรื่องช่วงชิงการนำบังคับบัญชาเข้ามา ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังสอดแทรกแนวนี้ไว้ด้วยเช่นกัน โดยมีตัวรองกับตันที่ดูเหมือนทหารบ้าอำนาจและพร้อมฆ่าใครก็ตามที่ขัดขวางการทำหน้าที่ของเขา ตัวเรื่องวางเขาไว้เหมือนเป็นตัวร้ายในตอนแรกดูเป็นตัวละครมิติเดียวแบบทื่อๆ แต่บทก็ใส่รายละเอียดที่มาของนิสัยใจของเขาให้ได้รู้ภายหลัง กลายเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อน ซึ่งตัวเรื่องวางตัวละครนี้ไว้ได้อย่างโดดเด่นและน่าสนใจ มีบทบาทสำคัญมากกว่าตัวพระเอกของเรื่องซะอีก จนผู้ชมอาจจะรู้สึกเอาใจช่วยตัวละครนี้มากกว่ากลุ่มตัวเอกนักวิทย์ศาสตร์เสียด้วยซ้ำ เพราะในเหตุการณ์หายนะแบบนี้การตัดสินใจเด็ดขาดในแบบทหารของเขาอาจจะเป็นอะไรที่เหมาะสมกว่ามาก (ตัวละครฝั่งนักวิทย์มีบทออกแนวงี่เง่าหลายครั้งมาก)

playinone

รีวิวหนัง/ซีรีส์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *