| ชื่อเรื่อง | Squid Game |
| เรตติ้ง | 9.0 |
| นักแสดง | Hoyeon Jung, Lee Jung-jae, Park Hae-soo |
| จำนวนตอน | 9 ตอน |
รีวิวซีรีส์เกาหลี Squid Game Netflix
รีวิวซีรีส์เกาหลี Squid Game Netflix ซีรีส์เกาหลีที่นำเอาเกมพื้นบ้านมานำเสนอแบบโหด พอพูดถึงเกมพื้นบ้านแล้วสิ่งที่หลายคนมักจะนึกขึ้นมาในหัวก็มักจะเป็นตำนานความสยองขวัญหรือความโหดที่ดูแล้วเหมือนจะไม่เข้ากับเกมพื้นบ้านที่เด็กเล่นกันสักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าของแบบนี้มันเป็นของคู่กันเพราะแม้แต่ในประเทศไทยเองก็มีสิ่งเหล่านี้ด้วยอย่างเช่นการเล่นมอญซ่อนผ้าในตอนกลางคืนหรือการไม่ได้จับในตอนกลางคืนเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะมันจะทำให้สิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติโผล่ออกมา
แต่จะเป็นอย่างไรหากมีการนำเอาเกมพื้นบ้านมานำเสนอในแบบโหดดิบเลือดสาด เป็นการเล่นเกมที่เดิมพันด้วยชีวิต หากคุณอยากรู้เราขอแนะนำซีรีส์เรื่อง Squid Game ซีรีส์เกาหลีที่จะทำให้คุณลืมซีรีส์เกาหลีแบบเดิมไปโดยสิ้นเชิงเพราะมันมาในรูปแบบใหม่ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก หากล้องรับชมตัวอย่างหรือรับรู้เรื่องย่อมาบ้างเราจะสัมผัสได้ถึงความเป็นซีรีส์ญี่ปุ่นแนวดิบเถื่อนได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
หากคุณรู้สึกเบื่อกับการรับชมซีรีส์เกาหลีแนวโรแมนติกดราม่าหรือแนวสืบสวนสอบสวนแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้ลองรับชมกันเพราะมันจะทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศใหม่ของซีรีส์เกาหลีที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในซีรีส์เรื่องไหนเลย ไม่เพียงเท่านั้นตอนนี้ซีรีส์เรื่องนี้ยังอยู่ในกระแสอีกด้วย รับรองว่ารับชมแล้วจะสามารถคุยกับคนอื่นรู้เรื่องได้อย่างแน่นอน
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง Squid Game
Squid Game เป็นซีรีส์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่งในเกาหลีใต้ที่ก่อหนี้สินเอาไว้มากมายจนไม่มีปัญญาใช้หนี้ พวกเขาเป็นเหมือนกับคนที่หาทางออกไม่เจอและชีวิตมืดมน แต่แล้วในวันหนึ่งพวกเขาก็ได้รับเชิญจากบุคคลปริศนาให้เข้ามาร่วมเล่นเกมเพื่อปลดหนี้ โดยหากใครสามารถเอาชนะเกมนี้ไปได้ก็จะได้รับรางวัลสูงถึง 45,600 ล้านวอนเลยทีเดียว แต่เกมนี้จำเป็นที่จะต้องเดิมพันด้วยชีวิต และมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะเหลือรอดและสามารถคว้าเงินรางวัลไปได้สำเร็จ
เรื่องราวจะเจาะจงเล่าไปที่ตัวชายหนุ่มที่มีชื่อว่ากีฮุน เขาเป็นชายหนุ่มชีวิตเหลวแหลกเพราะดันไปติดพนันจนทำให้ครอบครัวต้องแตกแยก ทรัพย์สินเงินทองที่หามานั้นถูกละลายไปกับการเล่นพนันจนหมด เขากลายเป็นคนตกงานแถมเมียยังตั้งใจจะพาลูกไปต่างประเทศถึงอเมริกาที่เขาไม่มีวันไปหาได้อีกต่างหาก ชีวิตยังย่ำแย่ไม่พอเพราะแม่ของเขาก็ดันมาล้มป่วยหนักและต้องการเงินรักษา เขาเผชิญกับจุดตกต่ำที่สุดในชีวิตที่ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ครอบครัวล่มสลาย แถมยังมีหนี้สินติดตัวมากมายจนไม่รู้ว่าชาตินี้จะใช้หมดหรือไม่
ด้วยความต้องการเงินเป็นอย่างมากทั้งนำเอามารักษาแม่และใช้หนี้เขาจะได้ตอบตกลงหลังจากที่คนแปลกหน้าเดินมาชวนเขาเล่นเกมตอนที่เขาเดินทางอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดิน คนแปลกหน้าคนนั้นได้ทิ้งนามบัตรให้เขาติดต่อกลับหากต้องการจะเข้าร่วมเล่นเกมส์ชิงเงินรางวัลก้อนโตที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเขาให้ดีมากยิ่งขึ้นได้แบบชั่วพริบตา เขาตัดสินใจที่จะเสี่ยงไปตามที่คนปริศนาบอกโดยที่ไม่รู้เลยว่าเขากำลังเดินทางสู่ความตาย
หลังจากที่เดินทางไปถึงจุดหมายเขาก็พบกับคนอีกเป็นจำนวนมากที่มีภาระหนี้สินแทบจะไม่แตกต่างอะไรจากเขา ทุกคนต่างมารวมตัวกันเพื่อร่วมเล่นเกมดังกล่าวก่อนที่ทุกคนจะรู้ว่าเกมนี้มีเดิมพันถึงชีวิต หลายคนสติแตกในขณะที่หลายคนนั้นก็ยินดีที่จะเสี่ยงตายดีกว่าที่จะต้องมาเผชิญกับนรกบนโลกแห่งความเป็นจริง
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Squid Game
Squid Game เป็นซีรีส์เกาหลีที่มีกลิ่นอายแบบเดียวกับซีรีส์ญี่ปุ่นที่ดัดแปลงมาจากมังงะนี้ชื่อเดียวกันอย่าง Liar Game เกมเป็นอย่างมาก หากใครเคยรับชมซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนี้หรือเคยอ่านมังงะมาก่อนรับรองเลยว่าคุณจะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอนเพราะมันมีบรรยากาศแบบเดียวกันแทบจะไม่มีผิดเพี้ยน หรือหากเทียบในซีรีส์ของ Netflix แล้วก็จะมีเรื่อง Alice In Borderland ที่มีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก
เกมที่เล่นภายในซีรีส์เรื่องนี้จะเป็นเกมพื้นบ้านที่ทุกคนเคยเล่นสมัยเด็กมาเพิ่มความรุนแรงเข้าไป ไม่ต้องกังวลไปว่ามันเป็นเกมพื้นบ้านเกาหลีแล้วจะทำให้เรารู้สึกว่าไม่อินไปกับเรื่องราวทั้งหมด เพราะเกมเหล่านี้เป็นเกมที่สามารถเข้าใจได้ง่าย ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมากมาย แต่ในแต่ละเกมนั้นกลับสามารถสร้างความรู้ลึกให้กับผู้รับชมอย่างเราได้เป็นอย่างดี แต่ละตอนแต่ละเรื่องราวนั้นสามารถบีบเค้นความรู้สึกของเราได้อย่างยอดเยี่ยมสมกับที่เป็นซีรีส์ของเกาหลีใต้ที่มีความถนัดเรื่องการเล่าเรื่องราวสุดดราม่า
แต่อย่างไรก็ตามซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์ที่เต็มไปด้วยฉากความรุนแรงมากมายแถมยังมีฉากวาบหวิวโป๊เปลือยอีกด้วย เกมที่นำมาใช้นั้นเป็นเกมธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้มีการสอดแทรกความคิดสร้างสรรค์อะไรเข้ามา แม้ว่ามันจะเข้าถึงง่ายแต่บางครั้งมันก็ธรรมดาจนเกินไป เนื้อเรื่องค่อนข้างเป็นเนื้อเรื่องสูตรสำเร็จสำหรับซีรีส์แนวเดียวกัน มีหลายครั้งที่เรื่องราวไม่สมเหตุสมผลโดยเฉพาะอารมณ์ของตัวละครที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว แรงจูงใจของตัวร้ายในซีรีส์ก็ค่อนข้างอ่อนจนไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำเรื่องพวกนี้ขึ้นมาได้ แถมตอนจบยังน่าเสียดายเป็นอย่างมากอีกด้วย
ตัวอย่างซีรีส์เกาหลี Squid Game
รีวิว ซีรีส์เกาหลี Squid Game บางส่วนจาก beartai
เนื้อหาเน็ตฟลิกซ์จากเกาหลีเรียกว่าไปได้สวยและกล้าทะเยอทะยานมากขึ้นในทุกเรื่องทีเดียว เห็นได้ชัดขึ้นไปกับเรื่องนี้ด้วยว่า พวกเขาไม่ได้มองแค่ความนิยมในเอเชียอีกแล้วแต่จะสานต่อความสำเร็จในระดับโลก อย่างที่ซีรีส์ซอมบี้โชซอนอย่าง ‘Kingdom’ กรุยทางไว้สวยงาม
ตัวเนื้อหาอาจเรียกได้ว่ามีกลิ่นอายที่แปลกใหม่สำหรับออริจินัลคอนเทนต์ของเกาหลีที่จะเอาตัวละครจำนวนมากมาเล่นเซอร์ไววัลเกม ซึ่งผู้ชมหนังน่าจะคุ้นชินกับหนังหรือซีรีส์ของญี่ปุ่นเสียมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งล่าสุดเน็ตฟลิกซ์ญี่ปุ่นเองก็เพิ่งมีซีรีส์อย่าง ‘Alice in Borderland อลิสในแดนมรณะ’ มาประกาศความเป็นราชาแนวเซอร์ไววัลเกมหมาด ๆ ด้วย
หากแต่จุดเด่นของ ‘Squid Game เล่นลุ้นตาย’ ที่แตกต่างชัดเจน คือการสอดแทรกการละเล่นของเด็กเกาหลีมาคิดเป็นเกมแต่ละเกมได้อย่างน่าสนใจ เช่น เกมปลาหมึก ที่ผสมระหว่างตี่จับกับเกมตาราง โดยยังกลมกลืนกับบางด่านที่ผู้ชมนอกเกาหลีก็สามารถเข้าใจได้ง่าย เช่นเกมเออีไอโอยู-หยุด ที่แม้แต่เด็กบ้านเราก็น่าจะเคยเล่น และบางด่านก็นำกลไกจิตวิทยามาเล่นกลายเป็นแนวแบตเทิลรอยัลได้อย่างน่าสนใจทีเดียว เห็นได้เลยว่าคิดด่านคิดเกมมาละเอียดดีไม่น้อย ส่วนตัวชอบเกมที่หยิบเอาความกลัวจากคลิปพวกพื้นกระจกที่คนเดินออกไปแล้วแตกมาประยุกต์เล่นเป็นเกมได้อย่างน่าตื่นเต้นดีทีเดียว
ทั้งนี้ที่ชัดเจนอีกอย่างคือ ‘Squid Game’ ไม่ใช่เซอร์ไววัลเกมที่เน้นการสังเกตหาจุดอ่อนของระบบ และใช้ความเฉลียวฉลาดเพื่อพิชิตสไตล์ญี่ปุ่นเลย หากแต่เอาหนังแนวเล่นเกมมาเป็นผิวหนังเพื่อห่อหุ้มโครงสร้างแกนกลางที่เป็นเรื่องของดราม่าระหว่างตัวละครที่ต้องมาอยู่ร่วมกันและมีภูมิหลังที่เป็นเหตุผลจูงใจให้พวกเขาชนะไม่ด้อยไปกว่ากันมากกว่า ถ้าเทียบสัดส่วนความฉลาดกับดราม่าของญี่ปุ่นจะประมาณ 70:30 ของเกาหลีก็น่าจะกลับกันเป็น 30:70 แทนนั่นเอง ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้เลยว่าจำเป็นที่จะต้องใช้เรื่องจังหวะพอดีหรือความบังเอิญมาบ้างเพื่อให้เรื่องเดินไปได้ เพราะตัวละครไม่เก่งขนาดจะเอาชนะระบบหรือกติกาของเรื่องได้
แต่การที่ตัวละครเอาชนะระบบไม่ได้นี้ก็เหมาะสมกับแก่นเรื่องการรักษามนุษยธรรมในยามที่สถานการณ์บีบบังคับไม่เอื้ออำนวย ที่ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก ที่เคยมีผลงานดังอย่างหนัง ‘Silenced เสียงจากหัวใจ..ที่ไม่มีใครได้ยิน’ ซึ่งเคยเป็นหนังแห่งปีของเกาหลีที่ได้ กงยู มารับบทนำ ต้องการถ่ายทอดได้อย่างพอดิบพอดีเช่นกัน พอธีมมันจริงมากอยู่ในโลกความเป็นจริงมาก ๆ แม้เนื้อหาจะมีความแฟนตาซีอยู่บ้างแต่เราก็จะอินได้มากกว่า และหนึ่งในมุกที่ซีรีส์เอามาใช้ได้สมจริงอย่างที่หนังแนวนี้ลืมพูดถึงไปคือ การคอร์รัปชันภายในระบบเองที่ผู้คุมเกมก็ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่มีการฉกฉวยโอกาสเอาประโยชน์จากเกมจนกลายมาเป็นรูโหว่ให้ระบบได้เช่นกัน ตรงนี้ชอบมาก
นอกจากนี้การสร้างเส้นเรื่อง ความสนุกของเรื่อง ก็ถือว่าลีลาแปลกประหลาดไม่เบาไม่เป็นไปตามที่เราคุ้นเคย เพราะมีกติกาที่ผู้เล่นสามารถขอโหวตเพื่อหยุดเล่นเกมได้ตลอดเวลา ในขณะที่พอเราลุ่มหลงไปกับความสนุกของเกมด่านต่าง ๆ เราก็มักจะหลงลืมว่ามีกติกานี้อยู่ และเมื่อเราระลึกได้เราก็จะรู้สึกว่าบางทีถ้าตัวละครมีสติมากกว่านี้อาจหยุดยั้งสถานการณ์เลวร้ายที่สุดลงได้ก่อนก็ได้ แต่ก็เช่นกันขนาดเราเป็นผู้ชมเรายังสนใจแต่จะลุ้นเกมเลย นี่จึงนำมาสู่ตอนที่ 6 ที่บาดสะบั้นอารมณ์ผู้ชมแบบสุด ๆ กันไปเลย
อีกด้านที่ประทับใจเลยคือนักแสดงที่จัดมาได้ดีมาก ๆ ทั้ง อีจุงแจ ที่รับบทนำเป็น กีฮุน คุณพ่อสุดห่วยชีวิตเหลวเป๋วที่เริ่มเรื่องเราแทบหามุมอยากเอาใจช่วยแทบไม่ได้ทั้งบ้าพนันทำตัวเองจนบ้านพัง แต่ซีรีส์ค่อนข้างให้เวลาในการเซตเรื่องปูพื้นพอสมควรถึงขนาดใช้เต็ม ๆ ไปเกือบ 2 ตอนแรก เราก็เห็นมิติในตัวละครมากขึ้นดูน่าเอาใจช่วยขึ้น และเพราะความเป็นคนไม่เอาไหนการต่อสู้ของกีฮุนเลยดูแบบมวยวัดพอสมควร
จึงจำเป็นที่ต้องหาคู่หูอย่างนักแสดง พัคแฮซู ที่มารับบท ซังอู เพื่อนละแวกบ้านวัยเด็กที่ฉลาดเรียนสูงแต่ไปก่อคดียักยอกเงินจนต้องมาเล่นเกมเอาเงิน กลายมาเป็นมันสมองให้กีฮุนที่เป็นเหมือนพวกใช้หัวใจเพียว ๆ มากกว่า แล้วทั้งคู่ก็ดึงความเร่าร้อนของตัวละครทั้งสองออกมาผ่านพัฒนาการตัวละครที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เลือกวิธีการมากขึ้นเรื่อย ๆ สูญเสียความเป็นมนุษย์มากขึึ้นเรื่อย ๆ ได้โคตรสนุก
beartai