ชื่อเรื่อง | Barbie and the Magic of Pegasus |
เรตติ้ง | 6.5 |
นักแสดง | – |
จำนวนตอน | 1.23 ชั่วโมง |
รีวิวอนิเมชั่น Barbie and the Magic of Pegasus
รีวิวอนิเมชั่น Barbie and the Magic of Pegasus บาร์บี้กับเวทมนตร์แห่งพีกาซัส ภาพยนตร์บาร์บี้ที่มีภาพลักษณ์ความเป็นเจ้าหญิงเดิมๆ ทิ้งไป บาร์บี้เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต่อยอดความสำเร็จตุ๊กตาที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจะมีการวางขายออกไปทั่วโลกมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปีจนถึงในปัจจุบัน ต้องเกริ่นก่อนว่าภาพลักษณ์ของบาร์บี้ตั้งแต่ที่ถูกสร้างออกมาเป็นตุ๊กตานั้นเป็นการปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่ให้กับผู้หญิงโดยเฉพาะ เธอเป็นผู้หญิงที่มีความฉลาดหลักแหลม มากความสามารถ แต่ก็เป็นคนใจดี เป็นมิตร และมองโลกในแง่บวกอยู่เสมอ เมื่อถูกสร้างมาเป็นอนิเมชั่นภาพลักษณ์เหล่านี้จึงติดมาด้วยแม้ว่าพวกเธอจะเป็นเจ้าหญิงก็ตาม
มันจึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่เด็กสาวหลายคนจะชื่นชอบการ์ตูนบาร์บี้เพราะให้กลิ่นอายที่แตกต่างออกไปจากเรื่องราวเจ้าหญิงจากค่ายอื่น และมีภาพยนตร์บาร์บี้อยู่หนึ่งเรื่องที่ได้ฉีกภาพลักษณ์เดิมๆ ของเจ้าหญิงออกไปอย่างชัดเจนนั่นก็คือภาพยนตร์เรื่องบาร์บี้กับเวทมนตร์แห่งพีกาซัส เป็นภาพยนตร์ระดับตำนานที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามนับตั้งแต่ที่ออกฉายในปี 2005 แม้ว่าจะย้อนกลับไปดูตอนนี้แล้วรู้สึกว่างานภาพอาจจะไม่มีความคมชัดอยู่บ้าง แต่หากรับชมให้ดีคุณจะพบกับสิ่งที่ภาพยนตร์อยากจะบอกและเล่าให้ทุกคนได้รับรู้อย่างแน่นอน
การ์ตูนบาร์บี้ล่าสุด
และสาเหตุที่เรามารีวิวภาพยนตร์บาร์บี้ในวันนี้ก็เกิดจากการที่ทำ NETFLIX STREAMING บนอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอีกฝ่ายพร้อมหนึ่งได้นำเอาภาพยนตร์กาบี้เป็นจำนวนกว่า 10 เรื่อง ซึ่งมีการผสมทั้งภาพยนตร์ในยุคเก่าที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าหญิงรวมไปถึงภาพยนตร์ในยุคใหม่ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของตัวบาร์บี้จริงๆ ให้ทุกคนได้รับชมกัน สำหรับใครที่ยังไม่เคยรับชมภาพยนตร์บาร์บี้มาก่อนเราอยากจะขอแนะนำให้ลองเปิดใจดู รับรองว่าคุณจะต้องหลงรักตัวละครมีอย่างแน่นอน เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่องบาร์บี้กับเวทมนตร์แห่งพีกาซัส
บาร์บี้กับเวทมนตร์แห่งพีกาซัสจะเล่าถึงเรื่องราวในอาณาจักรที่แสนห่างไกลที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ถูกปกครองด้วยกษัตริย์ผู้หนึ่งที่มีลูกสาวชื่อว่าแอนนิก้า เธอเป็นเจ้าหญิงที่ฉีกขนบธรรมเนียมความเป็นเจ้าหญิงทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง เธอชื่นชอบการเล่นไอซ์สเก็ตเป็นอย่างมากและมักจะหลบหนีออกจากราชวังเพื่อเดินทางไปเล่นไอซ์สเก็ตบนภูเขาอยู่เป็นประจำ จนวันหนึ่งเธอได้พบเข้ากับลูกหมีตัวเล็กๆ และเธอก็ได้นำเอากลับมาที่วังด้วย
หลังจากที่พระราชาและพระราชินีทราบว่าลูกสาวของตนเองแอบหนีออกไปเที่ยวเล่น พวกเขาก็ต่อว่าเธออย่างหนักหลังจากที่เธอกลับมา เธอไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรเธอจึงไม่สามารถออกไปเล่นสเก็ตน้ำแข็งข้างนอกได้และทำไมพ่อแม่ถึงได้เป็นห่วงเธอถึงขนาดนั้น แม้ว่าจะโดนดุด่ามากแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วเธอก็ยังคงหนีออกไปเล่นสเก็ตในวันเกิดอยู่ดีพร้อมกับชาวเมืองอย่างเป็นมิตร
และแล้วเธอก็ได้พบคำตอบที่ว่าเพราะเหตุใดพ่อแม่จึงเป็นห่วงเธอเกินเหตุ เพราะหลังจากที่มีความสุขได้ไม่นานก็ได้มีพ่อมดชื่อว่าเวลล็อคปรากฏกายขึ้นมาพร้อมกับมังกรขนาดใหญ่สีดำทมิฬ เข้ามาเจรจาขอให้แอนนิก้าไปเป็นภรรยาของเขา แน่นอนว่าเธอไม่ยอม ขณะที่กำลังถกเถียงกันอยู่พระราชาและพระราชินีก็ได้ออกมาตามหาลูกสาวก่อนจะพบเข้ากับพ่อมดที่ครั้งหนึ่งเคยจับลูกสาวคนโตของพวกเขาไป ไม่ว่าอย่างไรแอนนิก้าก็ยืนกรานที่จะไม่เป็นภรรยาของเขา พ่อมดโกรธจัดจึงได้สาปให้ทุกคนในเมืองกลายเป็นหิน โชคดีที่เธอได้รับความช่วยเหลือจากเพกาซัสทำให้เธอสามารถรอดออกมาได้ แต่เธอก็มีเวลาเพียงแค่ 3 วันเท่านั้นที่จะแก้คำสาป
เธอได้รู้ว่าความจริงแล้วเพกาซัสที่มาช่วยเหลือเธอนั้นคือบริเอตต้า พี่สาวของเธอที่ครั้งหนึ่งเคยถูกสาปให้เป็นเพกาซัสเพราะไม่ยอมเป็นภรรยาของพ่อมดชั่ว เธอมีอยู่ 2 ทางเลือกก็คือยอมเป็นภรรยาของเขาเพื่อให้เขาปลดคำสาป หรือไม่ก็สร้างคทาแห่งแสงขึ้นมาโดยจะต้องเดินทางเข้าไปในป่าต้องคำสาปเพื่อหาของวิเศษ 3 ชิ้น แน่นอนว่าเธอตัดสินใจที่จะสร้างคทาแห่งแสงและออกเดินทางผจญภัยด้วยความกล้าหาญ และนี่คือความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่องบาร์บี้กับเวทมนตร์แห่งพีกาซัส
บาร์บี้กับเวทมนตร์แห่งพีกาซัสเป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าหญิงแต่ได้ฉีกขนบธรรมเนียมเจ้าหญิงเดิมๆ ทิ้งไปจนแทบจะหมดสิ้น ความน่าสนใจคือการนำเอาประเด็นเรื่องความกล้าหาญมาเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครเจ้าหญิงที่ปกติแล้วมักจะมีภาพลักษณ์อ่อนแอ อ่อนหวาน หัวอ่อน ยอมทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวและประชาชน แต่แอนนิก้าไม่ใช่เจ้าหญิงแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย เธอพร้อมที่จะเสี่ยงอันตรายสร้างคทาแห่งแสงขึ้นมาเพื่อต่อกรกับพ่อมด
นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอรู้ดีว่าการยอมเป็นภรรยาของเขาไม่ทำให้ความชั่วร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นสิ้นสุดลงแต่อย่างใด สุดท้ายเขาก็จะทำแบบนี้อีกเรื่อยๆ สิ่งที่น่าสนใจคือการสอดแทรกประเด็นพลังหญิงเข้ามาด้วยการเล่าเรื่องราวว่าผู้หญิงก็สามารถลุกขึ้นมาพึ่งพาตัวเองด้วยความแข็งแกร่งและความกล้าหาญได้ ในช่วงท้ายของเรื่องเธอยังโน้มน้าวให้ภรรยาทั้ง 3 คนของพ่อมดชั่วที่ถูกสาปให้กลายเป็นคนแคระยอมช่วยเหลือเธอได้สำเร็จอีกต่างหาก
แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เด็กดังนั้นจึงไม่ได้มีฉากรุนแรงที่ทำให้ไม่เหมาะสมแก่การรับชมแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ไร้แก่นสารเสียจนผู้ใหญ่ไม่สามารถรับชมได้เช่นเดียวกัน เป็นภาพยนตร์ที่ความจริงแล้วสามารถรับชมได้ทุกเพศทุกวัย เนื่องจากไม่ได้เล่าเรื่องราวเพียงแค่ความรักเพียงอย่างเดียว แต่ยังเน้นการเล่าเรื่องราวไปที่การผจญภัยและการต่อสู้ที่ต้องใช้ความกล้าหาญด้วยเช่นเดียวกัน