ชื่อเรื่อง | WHAT TO DO WITH THE DEAD KAIJU |
เรตติ้ง | 5 |
นักแสดง | Ryôsuke Yamada,Tao Tsuchiya |
จำนวนตอน | 1.55 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง WHAT TO DO WITH THE DEAD KAIJU
รีวิวหนัง WHAT TO DO WITH THE DEAD KAIJU ภาพยนตร์ที่จะตอบความสงสัยว่าไคจูตายแล้วไปไหน ภาพยนตร์แนวต่อสู้กับไคจูที่สุดแสนจะเวอร์วังอลังการมีให้เราได้รับชมเต็มไปหมด มันสามารถสร้างความสนุกสนานและความลุ้นระทึกให้กับผู้รับชมได้เป็นอย่างดีเนื่องจากมันเป็นสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์ที่ดูเหมือนจะไม่สามารถต่อสู้ได้และพังบ้านเรือนเป็นว่าเล่น แต่สุดท้ายแล้วภาพยนตร์ทุกเรื่องที่มีการต่อสู้แบบนี้มนุษย์มักจะเป็นฝ่ายสามารถเอาชนะได้อยู่เสมอ แล้วสงสัยกันหรือไม่ว่าไคจูขนาดยักษ์ที่ตายไปแล้วใครจะจัดการกับซากของพวกมัน
เป็นคำถามที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะว่าไคจูเป็นสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่ที่พอตายทีนึงก็สร้างความเสียหายได้แทบจะทั้งเมือง แม้ว่าเราจะโค่นล้มมันได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ซากของมันคงจะสร้างความลำบากให้กับมนุษย์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ยังไม่รวมไปถึงกระบวนการย่อยสลายอย่างที่เราทราบกันดีว่าเมื่อสิ่งมีชีวิตตายจะเกิดแก๊สภายในและสามารถระเบิดได้ซึ่งเจ้าสัตว์ประหลาดพวกนี้ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน หากคุณอยากรู้คำตอบเราขอแนะนำภาพยนตร์เรื่อง WHAT TO DO WITH THE DEAD KAIJU? ภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ที่มีความเอาจริงเอาจังแถมยังผสมผสานบรรยากาศภาพยนตร์แนวซุปเปอร์ฮีโร่เข้ามาอีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาคุณไปหาคำตอบว่ามนุษยชาติจะมีวิธีการกำจัดซากของไคจูได้อย่างไร แต่มันไม่ง่ายเหมือนกับการเก็บศพธรรมดาทั่วไปเสียทีเดียวเพราะนอกจากขนาดที่ใหญ่มหึมาแล้วเมื่อตายลงไปพวกมันยังมีแก๊สสะสมในร่างกายที่พร้อมจะระเบิดตลอดเวลาอีกต่างหาก การเก็บกู้เศษซากสัตว์ประหลาดเหล่านี้จึงกลายเป็นงานใหญ่ที่ต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำ หากคุณอยากรู้ว่าญี่ปุ่นจะมีวิธีการจัดการกับเศษซากของสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่มีอย่างไรต้องไปติดตามรับชมกันในภาพยนตร์
หนังสัปหลาด netflix
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง WHAT TO DO WITH THE DEAD KAIJU?
WHAT TO DO WITH THE DEAD KAIJU? จะเล่าถึงเรื่องราวหลังจากที่มวลมนุษยชาติสามารถเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติสัตว์ประหลาดขนาดใหญ่อย่างไคจูได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างสบายใจแต่หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เริ่มตระหนักได้ว่าพวกเขาจะต้องจัดการกับเศษซากที่มีขนาดใหญ่มากกว่าตึกของพวกมัน แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่พวกเขาสามารถหยุดยั้งสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่ทำลายล้างเมืองมาอย่างยาวนานนับทศวรรษแต่การจัดการกับศพของมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย
เพราะนอกจากมันจะมีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับเมืองทั้งเมืองแล้วภายในของพวกมันยังมีแก๊สสะสมรอวันระเบิดที่จะทำลายล้างเมืองได้ไม่แพ้กับพวกมันสมัยยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อหาทางกำจัดเศษซากของพวกมันให้สำเร็จโดยด่วน งานนี้เป็นงานที่จะต้องแข่งขันกับเวลาและต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะหากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยจนทำให้ร่างของพวกมันระเบิดหายนะจะเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นแน่นอน
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง WHAT TO DO WITH THE DEAD KAIJU?
WHAT TO DO WITH THE DEAD KAIJU? เป็นภาพยนตร์ที่ไอเดียดีไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะมันก็น่าสนใจว่าสุดท้ายแล้วสัตว์ประหลาดที่เราเห็นในภาพยนตร์เมื่อถูกกำจัดเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเศษซากขนาดใหญ่ของพวกมันจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่น่าเสียดายที่แนวคิดสุดแหวกแนวกับไม่สามารถนำเสนอออกมาได้ดีเท่าที่ควร อาจเกิดจากการที่ผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความโดดเด่นในการทำภาพยนตร์แนวตลกหรือบ้าบออยู่แล้ว พอได้รับบททั้งเป็นผู้กำกับและผู้เขียนบทของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเองและภาพยนตร์เรื่องนี้มันเลยดูมีความทีเล่นทีจริงมากจนเกินไปในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดันและจริงจัง
ภาพยนตร์มีความพยายามในการสอดแทรกมุขตลกเสียดสีสังคมและการเมืองเข้ามาได้อยู่ตลอดเวลา องค์ประกอบที่ใส่เข้ามาจะทำให้มุกตลกเหล่านี้ดูน่ารำคาญมากกว่าที่จะดูตลก ตัวละครหลักเองก็ไม่สามารถแบบภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ด้วยตนเองทั้งเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้สเกลใหญ่เกินกว่าที่จะให้นักแสดงเพียงแค่คนหรือ 2 คนต้องมาแบกรับหน้าที่ในการทำให้ภาพยนตร์ 1 เรื่องเกิดความสนุกสนานหรือสมบูรณ์แบบขึ้นมา
แต่สิ่งที่น่าผิดหวังมากที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คืองานสร้างที่ทั้งงานคอมพิวเตอร์กราฟิกและเทคนิคพิเศษออกมาดูไม่มีความสมจริงเลยแม้แต่น้อย ให้ความรู้สึกเหมือนกับรับชมอุลตร้าแมนสมัยเด็กที่ดูก็รู้ว่าอุลตร้าแมนเป็นคนธรรมดาส่วนตึกเป็นไซส์เล็กเพื่อหลอกตาให้ดูเหมือนกับว่าอุลตร้าแมนตัวใหญ่ เป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นที่ลดทอนคุณภาพลงไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
พอรวมเข้ากับการเล่าเรื่องที่มีการตัดต่อได้ไม่ดีเท่าที่ควร มีการแทรกบางฉากที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องหรือสมเหตุสมผลเข้ามา ส่งผลต่อจังหวะของภาพยนตร์ที่ออกมาไม่สมดุลอย่างที่ควรจะเป็น การจัดวางตำแหน่งทั้งนักแสดงและของภายในฉากหลายครั้งดูเหมือนละครเวทีทำให้การเคลื่อนไหวหรือการแสดงไม่ขาดก็เกินจนสร้างความหงุดหงิดได้ไม่น้อย
โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นภาพยนตร์ไอเดียดีแต่ไม่สามารถนำเสนอออกมาได้ดีเท่าที่ควร หากคุณอยากรับรู้เรื่องราวก็สามารถรับชมได้แต่ไม่แน่ว่าขณะที่ภาพยนตร์ดำเนินไปคุณจะรู้สึกหัวร้อนหรืออึดอัดไปกับมันหรือไม่ ดังนั้นเราจึงอยากจะให้คุณเผื่อใจเอาไว้บ้างเพราะอย่างไรก็ตามภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงมีทั้งคนที่ชอบและไม่ชอบเช่นเดียวกัน