ชื่อเรื่องVan Helsing
เรตติ้ง6.2
นักแสดงKelly Overton,Jonathan Scarfe
จำนวนตอน5 ซีซั่น

รีวิวหนัง Van Helsing Netflix

รีวิวหนัง Van Helsing Netflix ซีรีส์นักล่าแวมไพร์ไอเดียเลิศบน netflix เรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์นั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงยุค 2000 ก่อนที่มันจะเสื่อมความนิยมลงไปเนื่องจากมีคนทำสื่อหรือแม้กระทั่งเกมเกี่ยวกับแวมไพร์ออกมาเป็นจำนวนมากเหมือนกับที่ในช่วงนี้ซอมบี้ได้รับความนิยมจนไม่ว่าจะหันไปทางไหนเราก็เจอ แต่ซอมบี้นั่นเอง แต่หลังจากที่คนเริ่มห่างหายจากแวมไพร์ไปนานมันก็ถึงเวลาที่ตัวละครสยองขวัญตัวนี้จะกลับมาโลดแล่นอีกครั้งด้วยโจทย์ที่ยากมากขึ้นกว่าเดิมเพราะคนในยุคสมัยนี้ต้องการไอเดียที่แตกต่างแปลกใหม่ไม่เหมือนใครและสามารถดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างดีหากคุณกำลังมองหาซีรีส์แนวนักล่าแวมไพร์

ที่มาพร้อมกับไอเดียสดใหม่เราขอแนะนำซีรีส์เรื่อง Van Helsing ซีรีส์บน netflix ที่ในปัจจุบันนี้ออกมาแล้วถึง 3 Seasons ด้วยกันคงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้วสำหรับซีรีส์เรื่องนี้เพราะมันออกมาถึง 3 ซีซั่นเป็นการการันตีความสนุกสนานและความประสบความสำเร็จของมันได้เป็นอย่างดีในแต่ละภาคนั้นก็จะมีความแตกต่างกันออกไป แต่ที่น่าสนใจคือในแต่ละภาคนั้นจะสามารถทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถลบอาถรรพ์ซีรีส์หรือภาพยนตร์ภาคต่อไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อแม้ว่าจะเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับนักล่าแวมไพร์ที่มีเรื่องประมาณนี้ออกมาแล้วหลายต่อหลายรอบในสมัยยุค 2000

แต่บอกเลยว่าซีรีส์เรื่องนี้มีเรื่องราวที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจนมาพร้อมกับเรื่องราวที่แปลกใหม่น่าสนใจตัวละครแต่ละตัวนั้นก็มีเสน่ห์เป็นของตัวเองที่สำคัญคือมันไม่ได้มีเรื่องราวความรักระหว่างมนุษย์และแวมไพร์สุดโรแมนติกที่เห็นกันแบบเกร่อทั่วไปทั้งในภาพยนตร์หรือแม้กระทั่งนวนิยาย แต่จะเล่าถึงเรื่องราวการต่อสู้สุดมันส์ที่เต็มไปด้วยความพีคตลอดเวลาแต่ละชั้นสามารถขยายสเกลเรื่องราวออกมาได้อย่างกำลังพอดีดังนั้นหากใครที่ยังไม่เคยรับชมซีรีส์เรื่องนี้มาก่อนเราบอกเลยว่าคุณพลาดแล้ว

เรื่องราวในรีส์เรื่อง Van Helsing

Van Helsing เป็นซีรีส์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของโลกที่วันหนึ่งได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาเมื่อมีภัยพิบัติทางธรรมชาติทำให้ภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่จนเกิดฝุ่นละอองมากมายหนาจนปิดบังแสงอาทิตย์ที่บไปหมดโลกของเราเหมือนตกอยู่ในเวลากลางคืนตลอดเวลามันจึงกลายเป็นเวลาทองของแวมไพร์ที่แอบซ่อนตัวอยู่ในสังคมมนุษย์เป็นระยะเวลายาวนานได้ออกมาอาละวาดได้ตามชอบใจพวกมันไม่ดูดเลือดและกับมนุษย์ไปทั่วคนที่ถูกกัดก็จะกลายเป็นแวมไพร์อย่างรวดเร็วโลกของเราจึงใกล้เข้าสู่วันสิ้นสุดลงทุกทีเพราะประชากรส่วนใหญ่กำลังกลายเป็นผีดิบในขณะเดียวกันทั้งอารยธรรมและความเจริญงอกงาม

ของเทคโนโลยีก็ได้พังสลายลงไปสุดท้ายโลกของเราก็แทบจะไม่เหลือมนุษย์อีกต่อไปและถูกเหล่าแวมไพร์ยึดครองเป็นระยะเวลากว่า 5 ปีหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่าวาเนสซ่าได้ลืมตาตื่นขึ้นมาภายในห้องพยาบาลเธอนั้นได้รับการอารักขาโดยทหารนาวิกโยธินที่สั่งให้มาดูแลหญิงสาวเป็นพิเศษแม้ว่าภายนอกสังคมจะเข้าสู่ยุคลมสลายแล้วก็ตาม แต่หญิงสาวคนนี้ไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปเพราะถึงแม้ว่าจะมีแวมไพร์มากับเธอเลือดของเธอก็สามารถกลับคืนสู่การเป็นมนุษย์ได้เหมือนเดิมราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นไม่เพียงเท่านั้นเธอยังมีพละกำลังและความสามารถในการต่อสู้ที่ผิดมนุษย์มนาเธอนั้นเต็มไปด้วยความรวดเร็วทั้งการเคลื่อนไหวและการฟื้นฟูร่างกายหมายของหญิงสาวเพียงอย่างเดียวคือการออกตามหาลูกสาวที่เธอไม่ได้พบกันนานถึง 5 ปี

ที่มีชื่อว่าดีแลนระหว่างการเดินทางนั้นเธอได้พบเจอกับผู้รอดชีวิตมากมายซึ่งแต่ละคนนั้นก็มีประวัติความเป็นมาที่แตกต่างกันออกไปบางคนนั้นไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเคยผ่านเรื่องราวแบบนี้มาก่อนสุดท้ายหญิงสาวก็ได้พบเข้ากับดีมีทรีแวมไพร์อายุหลายร้อยปีที่ได้เปิดเผยว่าแท้จริงแล้ววาเนสซานั้นเป็นสายเลือดตรงของ Abraham Van Helsing นักล่าแวมไพร์ที่ยิ่งใหญ่มากที่สุดในโลกที่ครั้งหนึ่งเคยต่อสู้กับเคาท์แดร็กคูล่ามาก่อนด้วยเหตุนี้มันจึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางค้นหาความลับของสายเลือดของเธอและแวมไพร์รวมไปถึงปริศนามีคำกลางโลกที่ล่มสลายด้วยแวมไพร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง Van Helsing

Van Helsing เป็นซีรีส์ที่มีความคล้ายคลึงกับภาพยนตร์ Walking Dead และ X Men ไม่น้อยเลยทีเดียวโดยเป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวโลกหลังล่มสลายด้วย Vampire แต่ตัวละครหลักของเรานั้นมีพลังพิเศษเหมือนกับ X Men ดังนั้นรีส์เรื่องนี้ตัวละครหลักที่แบบแทบจะทั้งเรื่องก็คือวาเนสซ่านั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามซีรีส์ยังคงสามารถกระจายบทบาทให้กับตัวละครอื่นได้อย่างกำลังพอดีแม้ว่าจะเล่าถึงเรื่องราวแนวโลกล่มสลายด้วยแวมไพร์และการเอาตัวรอด

ของคนที่มีพลังพิเศษเหมือนกับซีรีส์แนวเอาชีวิตรอดเรื่องอื่น แต่ซีรีส์ก็มีแนวคิดและไอเดียที่แตกต่างออกไปจากเรื่องราวแนวดิสโทเปียเรื่องอื่นเช่นเดียวกันการล่าผีดิบเรื่องนี้สามารถทำออกมาได้ดีเป็นอย่างมากในส่วนของการแสดงของแต่ละตัวละครนั้นก็ยอดเยี่ยมเรื่องราวมีความแปลกใหม่น่าสนใจใน Season ต่อมามีการขยายสเกลเรื่องให้ใหญ่มากยิ่งขึ้นเป็นเรื่องได้ดี

แต่อย่างไรก็ตามซีรีส์เรื่องนี้ก็มีข้อเสียเช่นเดียวกันโดยเฉพาะใน Season แรกที่เรื่องราวค่อนข้างยืดเยื้อและมีดราม่าน่ารำคาญตัวละครหลักของเรามีบางครั้งที่ตัดสินใจอะไรชวนน่าหงุดหงิดส่วน Season 3 นั้นก็มีฉากจบที่ต้องไปรับชมกันเอาเองแล้วพิจารณาดูอีกทีว่าชอบหรือไม่ชอบ

ตัวอย่างหนัง Van Helsing

รีวิว หนัง Van Helsing บางส่วนจาก playinone

Van Helsing ss1-3 Netflixรีวิว สปอยล์ แวนเฮลซิ่ง นักล่าแวมไพร์ ซีรีส์ฝรั่ง สไตล์ดิสโทเปีย โลกถูกแวมไพร์ยึดครอง แอ็กชั่นดราม่าปนสยองขวัญแนว Walking Dead เป็นซีรีส์แนวดิสโทเปียที่มีวัตุดิบดี เป็นเรื่องแรกๆ ที่เอาแวนเฮลซิ่งเป็นผู้หญิง แล้วทำคาแรคเตอร์ของตัวเอกกับตัวรองหลายคนได้น่าเอาใจช่วย เส้นเรื่องหลักดี ไอเดียดีหลายอย่าง แต่การเล่าเรื่องค่อนข้างยืดเยื้อ ดราม่าแบบไม่จำเป็นเยอะจนน่าเสียดาย

เล่าเรื่องราวในโลกที่เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ที่ส่งผลให้เกิดละอองฝุ่นขนาดหนาทึบบดบังแสงอาทิตย์ จากนั้นเหล่าแวมไพร์ที่แอบซ่อนอยู่ในสังคมมนุษย์ได้ออกมาอาละวาดกัดและดูดกินเลือดมนุษย์ จนคนที่ถูกกัดส่งเชื้อต่อแล้วกลายเป็นแวมไพร์ผีดิบกันต่ออย่างรวดเร็ว โลกจึงเข้าสู่กลียุคที่ประชากรส่วนหนึ่งกลายเป็นผีดิบ ขณะเดียวกันความเจริญและอารยธรรมในโลกก็พังทลายลงไปด้วย ในที่สุดโลกก็ถูกยึดครองโดยเหล่าแวมไพร์

ห้าปีต่อมา หญิงสาวคนหนึ่งคือ วาเนสซ่า ได้ลืมตาตื่นขึ้นในห้องพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอถูกเฝ้าอารักขาจากทหารนาวิกโยธินคนหนึ่งที่ได้รับคำสั่งให้เฝ้าดูแลเธอเป็นภารกิจหลัก แม้ว่าสังคมโลกจะเข้าสู่การล่มสลายแล้วก็ตาม ส่วนวาเนสซ่าก็พบว่าเธอไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป เมื่อเหล่าผีดิบมากัดเธอ เลือดของเธอกลับทำให้พวกมันกลับคืนสู่การเป็นมนุษย์ได้อีกครั้ง แล้วเธอยังมีความสามารถในการต่อสู้และพละกำลังกับการฟื้นตัวที่รวดเร็วผิดธรรมดาอีกด้วย

วาเนสซ่า ต้องออกค้นหาดีแลน ลูกสาวของเธอที่ไม่ได้พบกันนานห้าปี ระหว่างนั้นก็ได้ร่วมทางกับผู้คนมากหน้าหลายตาที่แต่ละคนก็มีเบื้องหน้าเบื้องหลังแตกต่างกันไปอย่างคาดไม่ถึง จนในที่สุดวาเนสซ่าก็ได้พบกับดีมีทรี หัวหน้าของแวมไพร์ที่มีอายุมานานหลายร้อยปี ได้เปิดเผยว่า ที่จริงแล้ววาเนสซ่าก็คือสายเลือดของ เอบราฮัม แวนเฮลซิ่ง นักล่าแวมไพร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกผู้ที่เคยต่อสู้กับเคาน์ดราคูล่ามาแล้วในอดีต

นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นการออกเดินทางค้นหาความลับของสายเลือดแวนเฮลซิ่ง ความลับของแวมไพร์ และปริศนาดำมืดต่างๆท่ามกลางโลกที่ถูกเหล่าแวมไพร์ยึดครองไปแล้ว

ตัวละครเอกของเรื่อง เดิมเป็นตำรวจที่อาศัยอยู่กับลูกแบบแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่เกิดเหตุการณ์ก่อนวันผีดิบยึดโลกนิดเดียวที่ตัวเธอโดนผีดิบกัดจนตาย ปรากฏว่าศพของเธอถูกนำมาตรวจอบในห้องชันสูตรแห่งหนึ่งกลับพบสิ่งผิดปกติเมื่อเธอยังไม่ตายแต่อยู่ในสภาพเจ้าหญิงนิทรา จากนั้นร่างของเธอก็อยู่ในการดูแลของนาวิกโยธินหน่วยหนึ่งที่เข้ามารับช่วงในวันที่ผีดิบเริ่มยึดโลกพอดี ทำให้วาเนสซ่านอนหลับยาวแบบนั้นอยู่ห้าปี จึงได้ตื่นขึ้นเมื่อผีดิบบุกเข้ามาในโรงพยาบาลที่เธอนอนอยู่ แล้วตอนนี้เองที่ได้พบว่า เลือดของเธอมีความพิเศษกว่าคนทั่วไป แถมมันยังเป็นของแสลงสำหรับพวกแวมไพร์ทุกตนด้วย เรียกได้ว่าเธอคือกุญแจสำคัญที่อาจจะทำให้มนุษยชาติล้างพันธุ์แวมไพร์ให้หมดไปเลยก็ได้

ซึ่งแท้จริงแล้ว เธอคือทายาทของ เอบราฮัม แวนเฮลซิ่ง นักล่าแวมไพร์ที่เคยเปิดศึกกับดราคูล่ามาก่อนนั่นเอง

ในระหว่างสามซีซัน วาเนสซ่าก็จะได้พบกับตัวละครต่างๆ ที่เป็นทั้งมิตร ศัตรู ไปจนถึงบางตัวละครที่มีเบื้องหลังว่าแท้จริงคือฝ่ายไหนกันแน่

เอาเป็นว่า วาเนสซ่า คือตัวแบกเรื่องให้น่าดูพอสมควรเลยครับ ต่อมาจึงมีตัวละครที่ชวนให้ลุ้นขึ้นมาเพิ่มอีกบางคน สำหรับแนวทางของเรื่อง เสมือนกับเป็นการเอา Walking Dead มายำรวมกับแนวพลังพิเศษแบบ X-Men

แต่มันออกมาไม่ได้สนุกเท่าไรนัก แม้ว่าจุดเด่นมันก็มีอยู่ แถมเป็นความพยายามฉีกแนวจากเรื่องโลกพินาศ ดิสโทเปีย สู้กับซอมบี้ เปลี่ยนมาเป็นผีดิบแทน แถมยังนำเสนอคาแรคเตอร์วาเนสซ่าได้ดีระดับหนึ่ง รวมถึงตัวละครรองๆที่น่าสนใจเช่น แอ็กเซล สการ์เล็ต จูเลียส โมฮัมหมัด รวมถึงการสร้างตัวร้ายสไตล์โรคจิตแบบ แซม ขึ้นมาได้ แต่ซีรีส์กลับมีความยืดยาดในการเดินเรื่อง แทนที่จะโฟกัสในส่วนที่น่าสนุก กลับไปเล่นประเด็นดราม่าบางอย่างที่น่ารำคาญ แถมในช่วงครึ่งแรกของซีซันแรกคือตอน 1-6 ช่วงที่ติดในโรงพยาบาล เป็นพาร์ทที่ดราม่าตัวละครเข้าขั้นแย่ครับ ตัวละครรองๆที่ถูกฆ่าในช่วงแรกไม่มีใครน่าจดจำ ไม่มีความอินหรือน่าสงสารอะไรเลย

กว่าเรื่องจะมาสนุกจริงๆคือตอนท้ายของซีซันแรก ที่เริ่มเฉลยปริศนาพลังของนางเอก ส่วนเรื่องสายเลือดของ เอบราฮัม แวนเฮลซิ่ง จากในตำนานดราคูล่าต้นฉบับในนิยายของ บราห์ม สโตรกเกอร์ ก็ไม่ได้ดูลึกลับอะไร คนดูเดาออกอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ถ้าเปรียบเทียบกับซีรีส์ Dracula ตอนที่เฉลยว่า แม่ชีอกาธา คือ แวนเฮลซิ่ง ยังชวนตะลึงกว่าอีก แถมไม่ได้ใช้เวลาปูเรื่องนานขนาดเรื่องนี้ด้วย

playinone

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *