ชื่อเรื่อง | The Mummy 3 TOMB OF THE DRAGON EMPEROR |
เรตติ้ง | 6.0 |
นักแสดง | Brendan Fraser,Jet Li |
จำนวนตอน | 1.52 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง The Mummy 3 TOMB OF THE DRAGON EMPEROR
รีวิวหนัง The Mummy 3 TOMB OF THE DRAGON EMPEROR ภาพยนตร์ภาคต่อที่พยายามจะลบภาพเดิมด้วยการเปลี่ยนโลเคชั่น ภาพยนตร์ที่ดีที่สุดคือภาพยนตร์ภาคแรกเห็นจะเป็นประโยคที่ไม่เป็นจริงเท่าไหร่นักนั่นก็เป็นเพราะว่าภาพยนตร์ภาคแรกนั้นเป็นการนำเสนอเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความสดใหม่ผู้รับชมไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในภาพยนตร์มาก่อนดังนั้นเวลารับชมมันจึงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจและความสนุกสนานโอกาสในการสร้างความประทับใจให้กับผู้รับชมนั้นก็จะมีมากกว่าภาพยนตร์ภาคต่อ แต่อย่างไรก็ตามด้วยกลไกทางการตลาดทำให้หาภาพยนตร์เรื่องหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงามแล้วย่อมมีการสร้างภาพยนตร์ภาคต่อตามออกมาเพื่อหวังจะกวาดรายได้จากกลุ่มแฟนคลับเดิม
แต่สิ่งที่หนังภาคต่อจะต้องแบกรับก็คือความคาดหวัง แต่มันยากกว่าการสร้างหนังเรื่องใหม่ตรงที่นอกจากความคาดหวังแล้วภาพยนตร์ภาคต่อนั้นยังเป็นภาพยนตร์ที่ผู้รับชมนั้นรับรู้เรื่องราวบางส่วนมาก่อนหน้านี้แล้วในภาคแรกการที่จะทำให้มันมีความสนุกสนานสดใหม่น่าตื่นเต้นได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้ภาพยนตร์ภาคต่อส่วนใหญ่หากทำออกมาได้ไม่ดีพอมันก็จะกลายเป็นภาพยนตร์อาถรรพ์ภาคต่อที่ไม่ประสบความสำเร็จในที่สุดยกเว้นว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราวที่ต่อกันไปเลยอย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง The Hunger Games wie Harry Potter แต่ไม่ใช่กับภาพยนตร์เรื่อง The Mummy
ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามหลังจากที่ออกภาคแรกมามันประสบความสำเร็จถึงขั้นที่ค่ายภาพยนตร์เตรียมสร้างภาคต่อทันทีหลังเห็นกระแสการตอบรับอย่างล้นหลามหอมผู้คนที่ชื่นชอบและหลงใหลในความสยองขวัญสไตล์อียิปต์ แต่หลังจากที่ภาค 2 ออกมากระแสความนิยมของมันก็เริ่มตกลงไปตามแบบฉบับของอาถรรพ์หนังภาคต่อด้วยเหตุนี้พอสร้างภาค 3 พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงโลเคชั่นไปเลยจากเดิมที่เล่าเรื่องราวการผจญภัยสยองขวัญในดินแดนอียิปต์ที่เวิ้งว้างก็เปลี่ยนไปเล่าเรื่องราวในประเทศจีนแทนเสียอย่างนั้นภาพนี้จึงได้ชื่อว่า The Mummy 3: TOMB OF THE DRAGON EMPEROR ภาพยนตร์ที่กลายเป็นที่กังขาว่ามันเป็นภาพยนตร์ที่ดีจริงหรือไม่เนื่องจากกระแสตอบรับกับรายได้นั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจนเพราะเหตุใดมันจึงเป็นภาพยนตร์ที่สามารถทำรายได้ดี แต่กระแสวิพากษ์วิจารณ์กลับไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง The Mummy 3 TOMB OF THE DRAGON EMPEROR
The Mummy 3 TOMB OF THE DRAGON EMPEROR ภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อนคริสตกาลเป็นช่วงเวลาที่ในประเทศจีนนั้นถูกปกครองโดยจักรพรรดิผู้โหดเหี้ยมความโหดร้ายของเขานั้นทำให้ผู้คนต้องอาศัยอยู่อย่างยากลำบากและหวาดกลัว แต่แล้วในวันหนึ่งเขาก็ถูกแม่มดสาปให้ทั้งตนเองและไพร่พลที่มีอยู่ทั้งหมดกลายเป็นกองทัพหุ่นกระเบื้องตลอดกาลหากไม่มีใครปลุกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมากาลเวลาผ่านไปจนกระทั่งในปี 1946
ทั้งริคและเอฟเวอรินก็ได้เกษียณออกจากออกซ์ฟอร์ดเชียร์ในประเทศอังกฤษเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่พวกเขานั้นเคยต้องทำงานเป็นสายลับให้กับประเทศอังกฤษโดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ไปใช้ชีวิตบั้นปลายกันอย่างมีความสุขพวกเขากลับถูกเสนอให้ทำงานชิ้นสุดท้ายให้กับกระทรวงการต่างประเทศนั่นก็คือขนส่งวัตถุศิลปะที่ถูกขโมยไปกลับคืนมายังพิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ในประเทศจีนในช่วงเวลานั้นสถานการณ์ในแถบเอเชียกำลังลุกเป็นไฟโดยเฉพาะในประเทศจีน แต่โจนาฐานกับช่วยโอกาสดังกล่าวในการเปิดบาร์ตกแต่งสไตล์อียิปต์ในเซี่ยงไฮ้แทน
ในขณะเดียวกันเล็กใต้เติบโตเป็นหนุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้วและได้สืบทอดการเป็นนักโบราณคดีมาจากพ่อแม่โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้เขากำลังพยายามตามสืบและขุดค้นสถานที่โบราณแห่งหนึ่งในแถบภาคกลางทางตอนเหนือของประเทศจีนจากนั้นเขาก็ได้ค้นพบเข้ากับหลุมฝังศพของจักรพรรดิมังกรที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินมาเป็นระยะเวลานานนับพันปีขณะเดียวกันก็มีมือสังหารสาวสวยพยายามที่จะปลิดชีวิตเขาเนื่องจากต้องการให้ที่ตั้งของหลุมศพดังกล่าวเป็นความลับตลอดไป แต่ชายหนุ่มก็สามารถเอาตัวรอดกลับมาได้แถมยังเคลื่อนย้ายอนุสาวรีย์จักรพรรดิไปยังเซี่ยงไฮ้อีกด้วยในขณะเดียวกันผู้ให้การสนับสนุนก็ได้ตั้งใจที่จะปลุกจักรพรรดิให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาและขอให้จักรพรรดิช่วยเขาในการปกครองประเทศจีนด้วยกองกำลังทั้งหมดที่มี
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง The Mummy 3 TOMB OF THE DRAGON EMPEROR
The Mummy 3 TOMB OF THE DRAGON EMPEROR เป็นภาพยนตร์ภาคต่อที่คุณภาพด้อยที่สุดในแง่ของภาพยนตร์จักรวาลเดียวกันทั้งหมดมันเป็นเรื่องปกติที่เราจะนำเอาภาพยนตร์ภาคต่อไปเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ภาคแรก แต่ภาพยนตร์ภาคนี้ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐานเลยทีเดียวแม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างยิ่งในการเปลี่ยนโลเคชั่นไปยังประเทศจีนเพื่อที่มันจะได้ดูไม่ซ้ำกับภาพยนตร์
ภาพก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเปลี่ยนโลเคชั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่เรื่องราวที่ออกมานั้นกลับเหมือนเดิมแทบจะไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไม่เพียงเท่านั้นมันยังไม่มีอะไรที่น่าจดจำอีกด้วยเนื้อหาการนำเสนอนั้นเหมือนกับภาคที่ผ่านมาเพียง แต่เปลี่ยนจากอียิปต์ไปเป็นประเทศจีนแทนสำหรับใครที่เคยรับชมภาพยนตร์ 2 ภาคแรกมาก่อนก็คงจะรู้สึกผิดหวังไม่น้อยเมื่อได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้หากใครที่ยังไม่ได้รับชมก็อาจจะรู้สึกน้อยลงเพราะว่าไม่ได้มีตัวเปรียบเทียบ
ตัวอย่างหนัง The Mummy 3 TOMB OF THE DRAGON EMPEROR
รีวิว หนัง The Mummy 3 TOMB OF THE DRAGON EMPEROR บางส่วนจาก patsonic
ช่วงนี้ เหมือนหนังใหญ่ๆ จะเข้าโรงมายั่วน้ำลายและน้ำเงินในกระเป๋า พาขาเราก้าวไปซื้อตั๋วดู ทำให้คนไทยเดินหน้าเข้าโรงหนังเป็นว่าเล่น โดยอาจไม่คาดคิดว่า หนังที่ว่าใหญ่และน่าดูนั้น มันอาจจะไม่ใช่ทุกเรื่องก็ได้ ล่าสุด ผมก็ได้ไปดูหนังเรื่องล่าสุดมา Mummy 3 หรือ The Mummy : Tomb of the Dragon Emperor หรือชื่อไทย คืนชีพจักรพรรดิมังกร
ที่พูดอย่างนี้เขียนอย่างนี้ ไม่ได้แปลว่า หนังมันไม่ดีนะครับ เพียงแต่การคาดหวังที่สูงอาจจะได้ผลเป็นการ “ไม่ได้อย่างที่หวัง” ก็เป็นได้ ลองอ่านๆ ไปก็แล้วกันครับ ผมเอง บอกตรงๆ ว่า หลังๆ นี่ชักไม่ค่อยพอใจงานเขียนเกี่ยวกับเรื่องหนังของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะแต่ก่อนผมจะหาข้อมูล และความคิดเห็นของผู้คนต่อหนังแต่ละเรื่อง ก่อนจะมานั่งเขียนวิจารณ์หรือแนะนำ แต่ช่วงนี้ ผมไม่ค่อยจะมีเวลาสักเท่าไหร่ เขียนไปตามความรู้สึกที่ได้มาเพียวๆ ระหว่างตัวเองกับหนัง ขอโทษที่มันอาจไม่ค่อยดีเท่าที่ควรนะครับ
ไม่อยากให้ข้อเขียนวันนี้ เป็นข้อเขียนเชิงชี้นำนะครับ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณอยากดูก็เพียงควักตังค์ซื้อตั๋วเข้าไปดู แล้วพบประสบการณ์ด้วยตัวเอง คงดีที่สุด อันนี้ต้องบอกเอาไว้ก่อน โดยส่วนตัวแล้ว ผมเป็นคนที่ลืมเรื่องราวของหนัง ละคร ซีรีส์ ที่ดูผ่านมาหลายๆ วัน หลายๆ เดือน ไปได้อย่างรวดเร็วมากๆ ยิ่ง The Mummy และ The Mummy Returns ทำให้ผมลืมเรื่องราวและความสนุกของสองภาคที่แล้วไปเกือบหมด เหลือเพียงภาพเลือนลางว่า หนังเต็มไปด้วยทะเลทราย โทนสีของหนังมีแต่สีเหลือง-น้ำตาล หนังมีแต่หน้าของ Brendan Fraser ลอยไปลอยมา มีหน้าของฮิมโฮเทป ฟาโรห์ และผู้หญิงร่างสวยกรีดกราย นึกถึงภาพพระเอกวิ่งหนีแมลงประหลาดจำนวนเรือนพันเรือนหมื่น นึกถึงหน้าของนักมวยปล้ำนาม The Rock ในภาคสอง แต่เนื้อเรื่องจมหายไม่เหลือเค้า มาภาคนี้ ด้วยความที่ติดตามมาทั้งสองภาค เกือบ 100% ยังไงก็ต้องติดตามภาคที่สาม โดยไม่ได้ย้อนไปดูของเก่า ไม่ได้หาข้อมูลก่อนเข้าโรงเลยแม้แต่น้อย
หนังเริ่มต้นด้วยตำนาน เล่าถึงจักรพรรดิแผ่นดินจีนในอดีตกาล ผู้โหดเหี้ยมและทะเยอทะยาน รวบรวมจีนเป็นปึกแผ่นและสร้างกำแพงเมืองจีนอันเกรียงไกร จักรพรรดิพระองค์นั้น นาม “ฮั่น” (Jet Li – หลี่เหลี่ยงเจี๋ย) แล้วจักรพรรดิผู้ยิ่งยงก็ไปแย่งผู้หญิงของแม่ทัพ ด้วยพระราชอำนาจ แม่ทัำพจึงถูกฆ่าอย่างทารุณ ก่อนจะถูกเสกให้อมตะและสาปจากผู้หญิงคนเดิม ที่นามว่า “ซือหยวน” (Michelle Yeoh – หยางจื่อฉุน) จักรพรรดิกลายเป็นหินและถูกฝังในสุสาน (แต่ดันบอกว่า อย่าให้ใครปลุกเขากลับคืนมาได้ โลกจะลุกเป็นไฟ)
แล้ววันนั้นก็มาถึง เมื่ออเล็กซ์ (Luke Ford) ลูกชายของพระเอก ริค (Brendan Fraser) กับ เอวิลีน โอคอนเนลล์ (Maria Bello) ดันอุตริหนีเรียนไปขุดสุสาน ที่ันั่นเขาได้พบกับ หลิน (Isabella Leong – Luo Shi Liang) สาวจอมยุทธ์ผู้เฝ้าสุสาน ก่อนที่คนเขียนบทจะส่ง พ่อแม่ให้มาจ๊ะเอ๋กับลูกที่เมืองจีน ไปๆ มาๆ ทั้งหมดก็ช่วยกันปลุกผี เอ้ย คืนชีพจักรพรรดิเหี้ยมกลับขึ้นมามีชีวิตโดยไม่ตั้งใจ เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ครอบครัวนี้จำต้องปราบมัมมี่แบบจีนๆ ให้ราบคาบเพื่อให้หนังจบในตอนท้าย อ้าว! บอกตอนจบซะงั้น ถึงไม่บอก มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วไม่ใช่รึ
patsonic