| ชื่อเรื่อง | THE LOST CITY |
| เรตติ้ง | 6.5 |
| นักแสดง | Channing Tatum,Sandra Bullock |
| จำนวนตอน | 1.52 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง THE LOST CITY
รีวิวหนัง THE LOST CITY ภาพยนตร์แนวผจญภัยคอมเมดี้ที่จะทำให้คุณขำจนกรามค้าง ปกติแล้วเรามักจะติดภาพว่าดาราฮอลลีวูดจะมีภาพลักษณ์ที่สวยงามยอดเยี่ยม พวกเขามีชื่อเสียงโด่งดังและดูเหมือนว่าไม่จำเป็นจะต้องมาทำอะไรบ้าบอคอแตกเลยแม้แต่น้อย มันจึงสร้างความสนุกสนานและความแปลกใหม่ให้กับผู้รับชมได้อย่างยอดเยี่ยมเมื่อนักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังตบเท้ากันมาแสดงในภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ที่เต็มไปด้วยความบ้าบอคอแตก อย่างเช่นภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็คือ THE LOST CITY มันเป็นภาพยนตร์ที่มีกำหนดการออกฉายเมื่อวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นโฆษณาผ่านหูผ่านตากันมาก่อนเกี่ยวกับความสนุกสนานและความน่าสนใจของมัน
มันเป็นภาพยนตร์ที่จะทำให้เรานึกถึงภาพยนตร์แนวผจญภัยในตำนานอย่างอินเดียน่าโจนส์ แต่มีการผสมผสานความไม่ได้เรื่องของตัวละครเข้ามาทำให้มันสนุกสนานแต่มีการผสมผสานความไม่ได้เรื่องของตัวละครเข้ามาทำให้มันสนุกสนานและตลกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ที่นำเอาดารานักแสดงชื่อดังในฮอลลีวูดมากมายมารวมตัวกันไม่ว่าจะเป็นแซนดร้า บูลล็อค แชนนิ่ง ทาทั่ม แดเนียล แรดคลิฟฟ์ รวมไปถึงพระเอกตลอดกาลอย่างแบรด พิตต์อีกด้วย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามไม่ว่าจะเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือแม้กระทั่งรายได้ พวกเขาสามารถเปิดตัวได้อย่างยอดเยี่ยมจะทำรายได้สูงสุดในสุดสัปดาห์ที่มีการฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยแม้แต่น้อยเพราะนอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นการนำเอานักแสดงชื่อดังระดับฮอลลีวู้ดมาแสดงในภาพยนตร์แนวคอมเมดี้สุดแปลกประหลาดแล้ว เนื้อเรื่องมันไปถึงวิธีการนำเสนอยังสามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย สำหรับใครที่กำลังคิดว่าจะไปรับชมหรือไม่วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับภาพยนตร์เรื่องนี้ให้มากขึ้นกัน
ภาพยนตร์น่าดู 2022
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง THE LOST CITY
THE LOST CITY เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวนักเขียนนวนิยายแนวอีโรติกผจญภัยสุดเพ้อฝันที่มีชื่อว่าลอเรตตา เธอประสบความสำเร็จอย่างงดงามในฐานะของนักเขียนนวนิยายแต่เธอกำลังหมดไฟเนื่องจากไม่สามารถทำใจในการสูญเสียสามีผู้เป็นที่รักไปได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเธอก็ยังสามารถออกนวนิยายเรื่องใหม่ล่าสุดได้สำเร็จถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจไปกับผลงานชิ้นนี้เลยแม้แต่น้อย
มันทำให้เธอรู้สึกไม่ยินดีสักเท่าไหร่ในการร่วมงานเปิดตัวหนังสือที่เธอต้องเจอกับนายแบบปกนิยายอย่างอดัม ชายผู้แย่งซีนนักเขียนนวนิยายอย่างเธอทั้งที่เขาเป็นเพียงแค่นายแบบปกนวนิยายเท่านั้น แต่เธอไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์สำคัญกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้เนื่องจากเอบิเกล ชายหนุ่มมหาเศรษฐีที่หลงใหลเกี่ยวกับการตามหาสมบัติที่ซุกซ่อนอยู่ในป่าดันลักพาตัวเธอเข้าไปหาขุมทรัพย์ในป่าลึกเพราะเชื่อว่านวนิยายที่เธอเขียนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับลายแทงสมบัติจริง
เมื่อนักเขียนนวนิยายสาวหายตัวไปทำให้นายแบบปกนวนิยายที่ถูกตราหน้ามาโดยตลอดว่าดูดีแค่รูปร่างหน้าตาจึงได้พยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยการเดินทางเข้าไปตามหานักเขียนนวนิยายสาวโดยได้รับความช่วยเหลือจากแจ็คที่เป็นเทนเนอร์เคยสอนเขาในการนั่งสมาธิมาก่อน สุดท้ายแล้วเรื่องราวการผจญภัยของคนไม่เอาไหนทั้งหลายจะจบลงอย่างไรเราต้องติดตามรับชมกันต่อไปในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง THE LOST CITY
THE LOST CITY เป็นภาพยนตร์ที่สามารถผสมผสานกันได้เป็นอย่างดีระหว่างการผจญภัยแบบอินเดียน่าโจนส์ ความโรแมนติกสุดน่ารัก หรือแม้แต่ความคอมเมดี้แบบปวดตับที่จะทำให้เราขำจนกรามค้าง สิ่งที่ดีงามที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือฉากวินาศสันตะโรทั้งหลายที่ตัวละครไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามมันย่อมออกมาไม่เป็นเหมือนที่พวกเขาคาดหวังอยู่เสมอ มันเลยทำให้ผู้รับชมเดี๋ยวเรารู้สึกเอาใจช่วยตัวละครเหล่านี้ได้ไม่ยากเลยแม้แต่น้อย
ต้องยอมรับเลยว่าผลงานการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้รับชมอย่างเราได้มากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นแซนดรา บูลล็อก นักแสดงสาวมากความสามารถที่ปกติแล้วจะรับบทภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความจริงจังหรือดราม่ามากกว่า แต่ในครั้งนี้เธอกลับสามารถแสดงภาพยนตร์แนวผจญภัยคอมเมดี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและเป็นธรรมชาติ มันทำให้เราได้เห็นถึงเสน่ห์อีกมุมหนึ่งของเธอที่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้รับชมได้เป็นอย่างดี
ในฝั่งของนักแสดงชายไม่ต้องพูดถึงเพราะขนกันมาตั้งแต่รุ่นใหญ่ไปจนถึงรุ่นเล็กไม่ว่าจะเป็นแบรด พิตต์ที่กาลเวลาไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย แชนนิ่ง ทาทั่มที่สามารถสวมบทบาทออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ตัวละคร ADAM ไม่ได้เป็นเพียงแค่อาหารตาแต่ทำให้เราได้เห็นถึงเสน่ห์ของเขาที่มากอย่างล้นเหลือ และสุดท้ายคือพระเอกรุ่นเล็กอย่างแดเนียล แรดคลิฟฟ์ที่สามารถสวมบทบาทตัวร้ายออกมาได้อย่างน่าสนใจ ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเกลียดแต่กลับรู้สึกขำไปกับเขาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะส่วนของเนื้อหา บทภาพยนตร์ นักแสดง หรือเทคนิคการนำเสนอ สำหรับใครที่กำลังพิจารณาว่าจะไปรับชมดีหรือไม่ เราขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด GCLUB
ตัวอย่างหนัง THE LOST CITY
รีวิว หนัง THE LOST CITY บางส่วนจาก beartai
หากพูดถึงหนังผจญภัยในตำนานทั้ง ‘Indiana Jones’ หรือ ‘National Treasure’ ที่ยังคงมีโครงการสร้างภาคต่อไม่หยุดหย่อนหรือกระทั่ง ‘Romancing the stone’ ที่เป็นการเอา ‘Indiana Jones’ ไปยำรวมกับพลอตหนังโรแมนติกแบบสครูว์บอลคอมเมดี้ สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตได้ทันทีคือบทบาทฮีโรของหนังมักไปตกอยู่ที่ผู้ชายเป็นใหญ่แต่กับ ‘The Lost City’ ที่เราจะรีวิวกันกลับเลือกตะแคงข้างตีลังกามอบหน้าที่ความแสนงอนและอาหารตาให้ผู้ชายแทนจนผลลัพธ์ออกมายิ่งกว่าน่าพอใจทั้งในความเป็นหนังผจญภัยยุคใหม่และความบันเทิงแบบหนังตลก ผจญภัยตรงปกสักเรื่องจะมอบให้คนดูได้
ลอเรตตา (รับบทโดย แซนดรา บูลล็อก Sandra Bullock) นักเขียนนิยายผจญภัยอีโรติกเพ้อฝันที่กำลังหมดไฟเพราะเธอทำใจกับการสูญเสียสามีสุดที่รักไปไม่ได้และแม้ในที่สุดเธอจะเข็นนิยายเล่มล่าสุดอย่าง ‘The Lost City of D’ แต่เธอก็ไม่ได้ภูมิใจกับมันนักและยิ่งในงานเปิดตัวหนังสือเธอจำต้องร่วมงานกับ อดัม (รับบทโดย แชนนิง เททัม Channing Tatum) นายแบบปกนิยายของเธอที่มักโชว์ถอดเสื้อแย่งซีนตามคำเรียกร้องของแฟน ๆ
แต่คราวนี้ผลลัพธ์กลับพังไม่เป็นท่า มิหนำซ้ำเธอยังถูกเอบิเกล แฟร์แฟ็กซ์ (รับบทโดยแดเนียล แรดคลิฟ Daniel Radcliffe) ลักพาตัวไปเพื่อหวังขุมทรัพย์ในป่าลึก ด้วยความรู้สึกผิดปนอารมณ์โรแมนติกที่แอบมีใจให้ลอเรตตา นายแบบที่เคยถูกตราหน้าว่าขายภาพอย่าง อดัม เลยต้องตามไปปฏิบัติการช่วยเหลือนักเขียนสาวพร้อมความช่วยเหลือจากแจ็ก เทรนเนอร์ (รับบทโดย แบรด พิตต์ Brad Pitt) เทรนเนอร์สุดเก๋าที่เคยสอนเขานั่งสมาธิ !
นอกจากเรื่องราวที่ได้ เซ็ธ กอร์ดอน (Seth Gordon) จากหนัง ‘Baywatch’ และ ‘Horrible Boses’ มาวางโครงเรื่องให้แล้ว การได้ แอรอนและอดัม นีส์ (Aaron and Adam Nees) หรือพี่น้องนีส์จาก ‘The Last Romantic’ และ ‘Band of Robbers’ หนังโรแมนติกและตลกอาชญากรรมมาเขียนบทและกำกับหนังก็ทำให้ ‘The Lost City’ ครบเครื่องเรื่องราวการผจญภัยปนโรแมนติกตามพิมพ์เขียวหลักอย่าง ‘Romancing the Stone’ ที่หนังแอบคารวะอะไรหลาย ๆ อย่างอยู่ตลอดทาง
แต่กระนั้นหัวใจหลักของเรื่องอย่างลอเรตตาซึ่งในทีมเขียนบทเองก็ได้ ดานา ฟ็อกซ์ (Dana Fox) จาก ‘Cruella’ มาเติมฮอร์โมนความโรแมนติกในหนังไปพร้อม ๆ กับฉากผจญภัยปนฮาปวดตับที่ได้ โอเรน อูซีล (Oren Uziel) จาก ’22 Jump Street’ มารังสรรค์ฉากวินาศสันตะโรให้สะใจคอหนังแอ็กชันเลยทำให้ ‘The Lost City’ สามารถสร้างสมดุลระหว่างตัวละครหญิง ความโรแมนติกและฉากแอ็กชันปนห่ามฮาได้บันเทิงครบรสจริง ๆ
และส่วนที่จะขาดไม่ได้เลยคือนักแสดงนำอย่างแม่แสงดาว บุญล้อม หรือ แซนดรา บูลล็อกที่สร้างเสน่ห์และเสียงฮาให้ตัวละครลอเรตตาได้เป็นอย่างดี และแม้ว่าบทหนังจะเขียนมาเป็นอย่างดีโดยเฉพาะมุกตลกต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นหลักของเรื่องอย่างการตามหาการผจญภัยที่ขาดหายและรักอดีตที่เป็นตัวขับเคลื่อนตัวละครนี้ให้ออกไปผจญภัยอีกครั้ง แต่บูลล็อกก็ยังทำให้คาแรกเตอร์ของลอเรตตามีมิติและช่วยให้ช่วงเปลี่ยนผ่านที่เธอเริ่มมีใจให้อดัมดูน่าเชื่อถือและตกเราให้รักเธอในวัย 58 ปีกันอีกครั้งจนได้
แม้แต่แชนนิง เททัมเองก็ยังสามารถทำให้ตัวละครอดัมเป็นมากกว่าแค่อาหารตาของสาว ๆ และแม้ว่าในหนังเขาจะต้องโชว์เซ็กซี่อยู่ไม่น้อยแต่เป็นแววตาและจังหวะมุกตลกต่าง ๆ ที่เททัมพัฒนาฝีมือมาไกลมากจนทำให้อดัมน่าจะกลายเป็นตัวละครชายที่ถูกสวมบทประหนึ่งนางเอกในหนังผจญภัยยุคนี้ที่ถูกย้ายขั้วปมการโดนดูถูกว่าหล่อแต่ไม่มีสมองและพิสูจน์ตัวเองให้ลอเรตตาและคนดูได้เห็นว่าเขาก็เป็นพระเอกได้เมื่อคนรักถูกรังแก
beartai