ชื่อเรื่อง | The Kingdom |
เรตติ้ง | 6.6 |
นักแสดง | Chino Darín,Nancy Dupláa,Joaquín Furriel |
จำนวนตอน | 8 ตอน |
รีวิวหนัง The Kingdom Netflix
รีวิวหนัง The Kingdom Netflix ซีรีส์ที่จะตีแผ่ว่าคนที่ดูเหมือนจะดีอาจเต็มไปด้วยความดำมืด ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามนุษย์เรานั้นต่างก็ตัดสินผู้คนในครั้งแรกจากรูปลักษณ์ภายนอก หลายคนเชื่อคำตัดสินของตัวเอง หลายคนเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำความรู้จักกับคนเหล่านั้นก่อนค่อยพิจารณาว่าคำตัดสินของตัวเองในช่วงแรกนั้นถูกต้องตามที่คิดเอาไว้หรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำความรู้จักกับคนอื่นๆ มากยิ่งขึ้นก่อนจะตัดสินว่าพวกเขาเป็นคนอย่างไรนั้นเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรทำ ไม่เช่นนั้นมันอาจจะทำให้เราหลงผิดและมัวเมาไปกับรูปลักษณ์ภายนอกได้ เพราะแม้กระทั่งนักบุญก็ยังมีข่าวเสียหายและเคยทำผิดมาก่อน
The Kingdom เป็นซีรีส์สัญชาติอาร์เจนตินาที่สามารถตีแผ่ประเด็นดังกล่าวออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถจิกกัดสังคมและพฤติกรรมของมนุษย์ได้อย่างเจ็บแสบ เป็นเรื่องราวที่ออกมาแฉความชั่วร้ายของคนๆ หนึ่งที่แฝงตัวอยู่ในคราบนักบุญ คนที่เหยื่อส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีการตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกและเชื่อคำตัดสินตัวเองโดยที่ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางเลยแม้แต่น้อย ไม่เพียงเท่านั้นยังสอดแทรกประเด็นเกี่ยวกับการนำเอาศาสนามาเป็นเครื่องมือในการทางธุรกิจที่ปัจจุบันนี้ทั่วทั้งโลกมีให้เห็นอยู่ทั่วไปไม่เว้นแต่ในประเทศไทยที่เรียกกันติดปากว่าพุทธพาณิชย์
เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าศาสนาและความเชื่อนั้นสามารถสร้างผลประโยชน์ให้กับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้อย่างแท้จริง อยู่ที่ว่าคนเหล่านั้นจะนำเอาผลประโยชน์ที่ได้รับไปสร้างสรรค์ให้เกิดสิ่งดีๆ หรือจะกอบโกยเอาไว้กับตัวเองและเปลี่ยนให้ความเชื่อและศาสนากลายเป็นธุรกิจแบบเต็มตัว แม้ว่ามันจะดูเป็นเรื่องที่เข้าถึงยากแต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะซีรีส์เรื่องนี้สามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถรับชมได้อย่างเพลิดเพลินและสนุกสนานอย่างแน่นอน
เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง The Kingdom
The Kingdom จะเล่าถึงเรื่องราวของชายที่มีชื่อว่าเอมิลิโอ เขานั้นเป็นศาสนาอาจารย์ที่อยู่ในโบสถ์นิกายอีวาเจลิค เป็นนิกายที่มีผู้คนมากมายเชื่อถือและเลื่อมใส แต่ผู้คนเหล่านั้นไม่ได้เชื่อถือและเลื่อมใสเพียงแค่หลักศาสนาและคำสอนเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงตัวบุคคลอย่างศาสนาจารย์ด้วย การที่มีผู้คนจำนวนมากเข้ามาเป็นสมัครพรรคพวกสร้างอำนาจโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวให้กับศาสนาอาจารย์ผู้นี้ และมันทำให้เขานั้นตัดสินใจลงสมัครเพื่อชิงตำแหน่งเป็นรองประธานาธิบดีในฐานะของคู่หูกับบาดาโฆส
แต่แล้วในวันหนึ่งที่เขาได้เดินทางเพื่อขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงคู่หูของเขากลับถูกชายคนหนึ่งวิ่งขึ้นมาบนเวทีและใช้มีดแทงจนถึงแก่ความตาย เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความวุ่นวายและแตกตื่นให้กับผู้คนจำนวนมาก มีการสืบทราบภายหลังว่าใช้ที่ก่อเหตุฆาตกรรมนั้นมีชื่อว่าเรมิฆิโอ ถึงแม้ว่าจะทราบชื่อแต่ก็ไม่มีใครทราบอยู่ดีว่าเขาเป็นใครและกระทำการอุกอาจฆ่าคนตายต่อสายตาประชาชนไปเพื่ออะไร ไม่มีใครรู้เลยว่าความจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นที่จะช่วยให้เราได้เห็นว่าแท้จริงแล้วคนดีที่เราเชื่อถือนั้นเป็นคนที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายพี่พร้อมจะลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าบอแบบที่คนดีเขาไม่ทำกันแต่ฉาบเคลือบเอาไว้ด้วยภาพลักษณ์ของคนดี
ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่มีใครระแคะระคายเลยว่าโบสถ์ศาสนาที่พวกเขายึดถือและเชื่อมั่นนั้นกลับมีคนกลุ่มหนึ่งอยู่เบื้องหลังคอยใช้ความเชื่อเหล่านี้มาหากินเอาผลประโยชน์เข้าตัว ไม่เพียงเท่านั้นยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การนำเอาเงินบริจาคมาใช้โดยมิชอบ รวมไปถึงการฟอกเงิน ทุกอย่างใกล้จะถูกเปิดเผยเต็มทน แต่ละสายจะทำอย่างไรต่อไปต้องไปติดตามรับชมกันต่อในซีรีส์
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์เรื่อง The Kingdom
The Kingdom เป็นซีรีส์ที่ต้องยอมรับเลยว่ามีความใจกล้าเป็นอย่างมากกับการนำเอาประเด็นเกี่ยวกับศาสนาที่ค่อนข้างจะอ่อนไหวมาจิกกัดอย่างตรงไปตรงมาจนทำให้ผู้รับชมอย่างเรานั้นรู้สึกแสบๆ คันๆ ไปตลอดการรับชม เพราะถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่เต็มไปด้วยความเลวร้ายจนไม่มีใครคิดว่าจะมีคนที่ทำแบบนั้นจริงๆ แต่ในสังคมแห่งความเป็นจริงของเราก็ยังพบเจอเรื่องราวประมาณนี้อยู่บ่อยครั้งไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทยเองก็ตาม
เรียกได้ว่าเป็นซีรีส์ที่ทำออกมาเพื่อตีแผ่คนชั่วในคราบนักบุญออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถสะท้อนการนำเอาศาสนาและความเชื่อมาทำเป็นธุรกิจเพื่อหาผลประโยชน์เข้ากับตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมา ทำให้เราเห็นได้ชัดว่าผู้คนจำนวนมากถูกทำให้เชื่อจนงมงายและกลายมาเป็นเหยื่อของคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเหล่านี้นั่นเอง
แต่อย่างไรก็ตามซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังคงมีจุดด้อยอยู่เช่นเดียวกันโดยเฉพาะเรื่องเทคนิคการตัดต่อที่พยายามเล่าตัดสลับไปมาระหว่างเหตุการณ์ในปัจจุบันและเหตุการณ์ในอดีตทำให้ค่อนข้างจะสับสนง่ายและดูยาก รูปแบบการเล่าเรื่องนั้นออกมาในแนวสืบสวนสอบสวนคดีฆาตกรรมผสมผสานกับการเมืองและศาสนา แต่ด้านผสมผสานปาฏิหาริย์เข้ามาด้วยทำให้เรื่องราวบางส่วนดูไม่ค่อยสมจริง ความพยายามที่จะรวบตึงประเด็นทางสังคมที่สามารถโยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับซีรีได้มีมากจนเกินไปทำให้บางครั้งไม่สามารถจับจุดได้ว่าสรุปแล้วซีรีส์อยากจะเน้นเล่าเรื่องไปที่ประเด็นไหนกันแน่
ตัวอย่างหนัง The Kingdom
รีวิว หนัง The Kingdom บางส่วนจาก playinone
The Kingdom Netflix รีวิว เดอะคิงดอม (El Reino) ซีรีส์อาร์เจนตินาที่ผู้สร้างดูเหมือนตั้งใจแฉแนวทางการใช้ความเชื่อในคริสต์ศาสนาเพื่อหาผลประโยชน์และอำนาจ ความบ้าคลั่งที่แอบอ้างชื่อของพระเจ้า ซึ่งที่จริงแล้วเราสามารถพบเห็นได้ในสังคมจริงๆ แล้วยังผสมผสานกับแนวแฟนตาซีกึ่งปาฏิหาริย์เข้ามาร่วมด้วย
ซีซัน 1 มีทั้งหมด 8 ตอน รับชมได้เลยครับ ซึ่งเรื่องราวก็ยังไม่จบ คาดว่ามีซีซันสองต่อแน่นอน
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ เอมิลิโอ ศาสนาจารย์แห่งโบสถ์นิกายอีวาเจลิคผู้มีสาวกที่เลื่อมใสจำนวนมหาศาล ได้ลงสมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ในฐานะเมทกับ บาดาโฆส แต่แล้วในระหว่างการเดินเข้าสู่เวทีปราศรัย บาดาโฆส กับถูกชายที่ชื่อ เรมิฆิโอ ขึ้นเวทีมาแทงจนเสียชีวิต ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายไปทั่ว ภายใต้ข้อสงสัยมากมายที่ว่า เรมิฆิโอ ผู้นี้คือใคร เขาลงมือกระทำการอุกอาจแบบนั้นไปเพื่ออะไร
ซึ่งเมื่อเรื่องราวเปิดเผยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เราอาจจะได้เห็นว่า ที่จริงแล้วคนดีที่เราเห็นกันนั้น อาจจะเป็นคนชั่วร้ายที่สุด ส่วนคนที่ลุกขึ้นมาทำเรื่องบ้าๆแท้จริงแล้วอาจจะเป็นคนดีที่ทนไม่ไหวกับใบหน้าจอมปลอมของคนดีเหล่านั้นก็เป็นได้ เรื่องนี้ยังจงใจจิกกัดศาสนาหรือโบสถ์ต่างๆ หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ คนที่หากินจากศาสนา ความเชื่อของผู้คน แล้วนำมาซึ่งการได้เงินบริจาค การฟอกเงิน ค้ายาเสพติด ค้ามนุษย์ ซึ่งถือว่ากล้าเอามากๆ
ซีรีส์สัญชาติอาร์เจนตินาที่ตั้งใจสร้างออกมาเพื่อ “แฉ” เปิดโปง การเอาคริสต์ศาสนาและความเชื่อของผู้คนมามาเป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์และอำนาจเข้าสู่พวกตนเอง ซึ่งที่จริงแล้วลักษณะแบบนี้เราสามารถพบเห็นได้แทบทุกประเทศทั่วโลก
ภาพรวมในการเดินเรื่องจะมีความผสมผสานครั้งใหญ่ที่เรียกว่า “ยำ” เอาหลายแนวเข้ามาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น สืบสวน ฆาตกรรม การเมือง ดราม่าครอบครัว ไปจนถึงแฟนตาซี ซึ่งตัวเรื่องทำได้ร้ายกาจยิ่งนักที่เริ่มต้นการเล่าเรื่องมาในแนวการเมืองแล้วค่อยๆ พาเราไปรู้จักตัวละครสำคัญในเรื่องทีละคนโดยเริ่มจากเหตุการณ์ที่ เอมิลิโอ้ จะต้องไปกล่าวปราศรัยในการลงสมัครเป็นรองประธานาธิบดีร่วมกับ บาดาโฆส ที่ลงสมัครเป็นประธานาธิบดี จากนั้นจึงเริ่มสู่การฆาตกรรม เหตุการณ์วุ่นวาย การที่เรื่องเริ่มจะบอกเล่าไปตามมุมมองของตัวละครต่างๆในเรื่องเพื่อให้เรารู้ว่ามีใครบ้างที่จะเป็นตัวละครหลักในเรื่องนี้
ซึ่งก็ชวนให้เราสงสัยตามตัวละครในเรื่องไปด้วยว่า ทำไมฆาตกรจึงลงมืออุกอาจแบบนั้น ทำเพื่ออะไร แรงจูงใจคืออะไร รวมถึงการที่เราจะได้เห็นการหักมุมไปทีละส่วนๆ ของเรื่องราว และได้รับรู้ว่าตัวละครที่เปิดตัวมาเหมือนจะเป็นคนดีนั้นแท้จริงแล้วคือหนึ่งในคนที่เลวร้ายที่สุดของเรื่อง และเราสามารถพบเห็นคนเช่นนี้ได้ในสังคมจริงๆ ซะด้วยในขณะที่คนดีๆบางคนที่เกี่ยวพันกับคนชั่วร้ายเหล่านั้น ก็ไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก หากไม่ร่วมขบวนการไปด้วย ก็ต้องยอมปิดตาข้างหนึ่งให้กับการกระทำความชั่ว แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไม่อาจทนรับได้อีกต่อไปก็ต้องเลือกว่าจะแตกหักกับคนชั่วที่มีอำนาจนั้นหรือจะหนีไป ซึ่งมุมนี้จะถูกสะท้อนออกมาทางตัวละครฆูลิโอที่แม้ว่าเขาจะพอมีความดีอยู่บ้าง แต่เพื่อเอาตัวรอดจากบางสถานการณ์ เขาก็จำเป็นต้องยอมตามน้ำไปกับเหตุการณ์ที่เขาไม่ได้ชอบเอาเลย
ในขณะที่ตาเดโอ ซึ่งเปิดตัวมาแบบตัวละครรองๆ ที่ไม่น่าสำคัญมากนัก เมื่อเรื่องราวดำเนินไปเขากลับเป็นตัวละครที่แสดงให้เราเห็นถึงความดีมากขึ้นเรื่อยๆ เขามีกำลังจำกัดแต่ก็ยังเลือกเส้นทางที่จะยืนหยัดทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่เมื่อเขารู้ว่าไม่สามารถต่อต้านอะไรได้ก็ต้องหาทางหนีออกไปก่อนนั่นเอง ซึ่งก็ต้องรอดูว่าในซีซันสอง คนดีตัวเล็กๆอย่างตาเดโอ และเด็กแห่งปาฏิหาริย์อย่างฟิช จะสามารถกลับมาแก้ไขสถานการณ์อะไรได้หรือไม่ หรือจะไม่สามารถทำอะไรได้อีกนอกจากเผยแพร่พระวจนะอยู่ในวงนอก ในขณะที่เอมิลิโอ้ก็ประสบความสำเร็จในการ “สร้างอาณาจักร” ของตนเอง ภายใต้ชื่อของพระเจ้า
ด้านการแสดงต้องถือว่าภาพรวมแล้วเหล่านักแสดงทำได้ดีมากๆ ดูออกยากมากว่า คนที่ดูเหมือนจะเป็นคนดี แท้จริงแล้วคือคนชั่วร้ายหรือไม่ ส่วนคนที่เปิดตัวมาเหมือนเป็นคนชั่วร้าย แท้จริงแล้วพวกเขาคือคนดีที่พบเห็นความชั่วร้ายจนทนไม่ไหวแล้วลุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจเหล่านั้นก็เป็นได้
ข้อเสียของซีรีส์ก็มีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน อันหนึ่งที่พบเลยคือ การเล่าเรื่องที่จะมีสลับการย้อนแฟลชแบ็กของตัวละครบางคน ซึ่งที่จริงแล้วการผูกเรื่องทำได้ดีมาก แต่จังหวะการแฟลชแบ็กทำให้ดูได้ยากว่าตอนไหนย้อนอดีตหรือตอนไหนปัจจุบัน ต้องตั้งใจดูพอสมควร แล้วข้อเสียอีกอย่างก็คือการที่ผู้สร้างต้องการจะเล่าทุกอย่างมากเกินไปหน่อย ทำให้ธีมเรื่องดูหลุดๆ พอสมควรในระหว่างรับชมไปจนถึงตอนสุดท้ายที่เราดูแล้วอาจจะสงสัยว่า ตกลงคนสร้างต้องการเน้นแนวไหนกันแน่
playinone