ชื่อเรื่อง | SPIDERHEAD |
เรตติ้ง | 5.5 |
นักแสดง | Chris Hemsworth,Miles Teller |
จำนวนตอน | 1.46 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง SPIDERHEAD
รีวิวหนัง SPIDERHEAD ภาพยนตร์แนวระทึกขวัญผลงานโปรดิวเซอร์และแสดงนำของคริส แฮมส์เวิธ ภาพยนตร์ฮีโร่จักรวาล MARVEL นั้นประสบความสำเร็จอย่างมากจนถึงขั้นที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกได้เลยทีเดียว ดังนั้นนักแสดงนำที่อยู่ในจักรวาลดังกล่าวจึงสามารถนำเอาชื่อเสียงของตัวเองไปต่อยอดได้มากมายหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม หลายคนผันตัวจากการเป็นนักแสดงมาสวมหมวกใบอื่นในวงการบันเทิงบ้างก็มีเช่นเดียวกันอย่างเช่นการเป็นโปรดิวเซอร์หรือการกำกับภาพยนตร์หนึ่งในนั้นก็คือเจ้าของบทบาทเทพเจ้าธอร์อย่างคริส แฮมส์เวิธ นักแสดงมากฝีมือที่หลายคนชื่นชอบเขาทั้งในและนอกจอ เพราะนอกจากเขาจะมีความสามารถในบทบาทการแสดงแล้วเขายังเป็นคนที่ตลกโดยธรรมชาติอีกด้วย
ล่าสุดเขาได้รับเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง SPIDERHEAD ที่เราจะพาทุกคนมาแนะนำกันในวันนี้แถมยังเป็นนักแสดงนำด้วยตัวเองอีกด้วย ก่อนหน้านี้เขาก็เคยดำรงตำแหน่งเป็นโปรดิวเซอร์ในภาพยนตร์เรื่อง INTERCEPTOR พร้อมทั้งผลักดันให้ภรรยามารับบทนำในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ซึ่งทั้งสองเรื่องนั้นเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับทุนสร้างจากทาง NETFLIX ทั้งสิ้น แม้ว่าภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องนั้นจะค่อนข้างมีทุนต่ำทำให้ไม่สามารถเล่าอะไรออกมาได้มากมาย แต่เมื่อมีชื่อของนักแสดงดัง แน่นอนว่าทุกคนย่อมให้ความสนใจอย่างล้นหลาม
ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงมีเงื่อนไขเกี่ยวกับงบประมาณไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะนำเสนอในพื้นที่ซ้ำไปซ้ำมาเหมือนเดิม โดยใช้พื้นที่หลักเป็นคุกสมัยใหม่ที่ได้รับการออกแบบมาให้นักโทษมีอิสระมากขึ้นแต่ต้องแลกมากับการที่พวกเขาเป็นตัวทดลองยาที่มีผลในการควบคุมทางจิตใจและอารมณ์ซึ่งมีการอ้างว่าสามารถช่วยผู้ที่มีปัญหาได้ทั้งโลก ความที่เป็นภาพยนตร์ผลงานโปรดิวเซอร์ของนักแสดงดังสุดอารมณ์ดี ทำให้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญแต่ก็มีอารมณ์ตลกเข้ามาได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว มันจะคุ้มค่าแก่การรับชมหรือไม่วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกัน
หนัง netflix น่าดู
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง SPIDERHEAD
SPIDERHEAD เป็นภาพยนตร์ที่จะพาเราไปยังโลกอนาคตอีกไม่ไกล ในยุคนั้นมีเรือนจำที่รับสมัยบริหารงานโดยใช้ผู้มีชื่อว่าสตีฟ เขาเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ไม่เหมือนใคร ดังนั้นเรือนจำดังกล่าวจึงไม่ได้ใช้วิธีคุมขังนักโทษเหมือนกับเรือนจำทั่วไปแต่อย่างใด นักโทษทุกคนจะต้องสวมใส่อุปกรณ์ศัลยกรรมติดอยู่กับตัวเพื่อรับยาในการควบคุมจิตใจและกลับให้พวกเขานั้นได้รับการลดหย่อนโทษมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นในคุกแห่งนี้จึงไม่มีทั้งผู้คุม ไม่มีลูกกรง ไม่ใช้ชุดนักโทษ ผู้ถูกจองจำจะเป็นอิสระอยู่เสมอ
ในเวลานั้นมีนักโทษ 2 คนประกอบไปด้วยเจฟฟ์และลิซซี่ ทั้งสองคนสนิทสนมกันเป็นอย่างมากและพวกเขาก็เป็นหนึ่งในนักโทษที่ยอมรับยาเพื่อให้ตัวเองจะได้รับการลดหย่อนโทษมากขึ้นกว่าเดิมเช่นเดียวกัน แต่มันกลับกลายเป็นว่ายาที่พวกเขาได้รับนั้นไม่เหมือนกับที่พวกเขาคาดคิดเอาไว้แต่อย่างใด เหมือนพวกเขานั้นถูกตัวยาควบคุมทำให้ถึงแม้ว่าจะได้รับอิสระด้านร่างกายแต่ด้านความคิดและจิตใจกลับถูกยาครอบงำอยู่เสียอย่างนั้น ในขณะเดียวกันเองสตีฟก็กำลังทดลองและเริ่มไปไกลเกินกว่าขอบเขตเจตจํานงเสรีที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้น สุดท้ายแล้วเรื่องราวจะลงเอยอย่างไรต้องติดตามกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง SPIDERHEAD
SPIDERHEAD เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญที่ได้รับทุนสร้างมาจากทางเน็ตฟลิกซึ่งอาจจะไม่ได้มากมายสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงเล่าเรื่องราวในโลเคชั่นที่ค่อนข้างจำกัด ไม่เพียงเท่านั้นมันยังเปลี่ยนเสมือนกับการทดลองของทางเน็ตฟลิกซ์ที่ให้ดาราดังอย่างคริส แฮมส์เวิธมาเป็นโปรดิวเซอร์อีกครั้งหลังจากผ่านผลงานภาพยนตร์เรื่อง INTERCEPTOR มาก่อน ต้องบอกก่อนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าบนพื้นฐานของความเป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญไม่ใช่ภาพยนตร์แนวต่อสู้แต่อย่างใด ดังนั้นการเล่าเรื่องราวจึงจะเน้นไปที่การกระทำของตัวละครหรือแม้แต่บทสนทนาที่เกิดขึ้นมากกว่า
ดังนั้นมันจึงไม่ได้สามารถสร้างความรู้ลึกอะไรให้กับผู้รับชมอย่างเราได้ถึงขนาดนั้น ฉากในเรื่องก็ซ้ำไปซ้ำมา แต่ความระทึกขวัญของภาพยนตร์เรื่องนี้จะอยู่ที่ตัวเช่นเรื่องที่ทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าการทดลองกับนักโทษนั้นความจริงแล้วมันคืออะไรกันแน่ ยาที่ใช้ในการทดลองมีขอบเขตมากน้อยแค่ไหน พวกมันอันตรายหรือไม่ ไม่เพียงเท่านั้นยังพาเราไปดูอดีตของแต่ละตัวละครอีกด้วยว่าพวกเขาเป็นมาอย่างไร ซึ่งน่าเสียดายที่บางคนทำออกมาได้ค่อนข้างน่าสนใจในขณะที่บางคนก็ทำออกมาได้ไม่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อยเช่นเดียวกัน
แต่สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความกลมกล่อมขึ้นมาก็คือการใส่ความคอมเมดี้เข้ามาแบบไม่น่าเชื่อ มีอยู่บ้างฉากที่ยาทำให้นักโทษรู้สึกตลก เมื่อรับชมแล้วมันก็ทำให้เรารู้สึกตลกตามไปด้วย น่าเสียดายที่ภาพยนตร์พยายามทำให้ยาดังกล่าวกลายมาเป็นส่วนสำคัญในการเล่าเรื่อง โดยเราจะเห็นการใช้ยาประเภทนี้อยู่ตลอดทั้งเรื่องเลยทีเดียว มีการใส่เพลงประกอบแบบรื่นเริงเข้ามาตัดเข้ากับฉากที่น่าสนใจ ทำให้เวลายาประเภทนี้ออกมามันเลยเป็นฉากที่ทำให้เรารู้สึกขำออกมาได้ไม่มากก็น้อย แถมบางครั้งยังติดความเป็น BAD JOKE อีกด้วย
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่อยู่ในระดับมาตรฐานไม่ได้ดีหรือแย่จนเกินไป สามารถรับชมเอาไว้ผ่อนคลายได้ เนื้อเรื่องอาจจืดชืดไปบ้างเนื่องจากเน้นการเล่าเรื่องผ่านบทสนทนา ไม่ค่อยมีฉากระทึกขวัญสักเท่าไหร่ด้วยงบประมาณที่จำกัด แต่ก็เป็นภาพยนตร์ที่จะทำให้เราได้เห็นพระเอกหนุ่มชื่อดังได้มาสวมบทเป็นผู้ร้ายบ้างซึ่งค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว