ชื่อเรื่อง | Spider-Man : No Way Home |
เรตติ้ง | 9.0 |
นักแสดง | Tom Holland,Zendaya,Andrew Garfield,Tobey Maguire |
จำนวนตอน | 2.28 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง Spider-Man : No Way Home
รีวิวหนัง Spider-Man : No Way Home ภาพยนตร์เปิดโลก multiworld ที่มาจากความเด็กของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เด็กวัยรุ่นนั้นเป็นช่วงวัยที่เต็มไปด้วยความสับสนและความสงสัย พวกเขานั้นจะอ่อนไหวกับเรื่องราวที่เกิดในชีวิตได้ง่ายมากและบางครั้งก็ตัดสินใจจัดการกับเรื่องเหล่านั้นได้ไม่ดีเท่าที่ควร มันอาจจะเป็นช่วงวัยที่เต็มไปด้วยความผิดพลาดแต่มันก็เป็นช่วงที่เราจะต้องผ่านพ้นมาให้ได้เพื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่จะสามารถจัดการเรื่องราวและปัญหาที่เข้ามาในชีวิตได้อย่างยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น
หนึ่งในซุปเปอร์ฮีโร่ที่เป็นเด็กวัยรุ่นที่อาจจะยังไม่มีวุฒิภาวะหรือการตัดสินใจที่แม่นยำมากพอก็คงจะหนีไม่พ้นสไปเดอร์แมน มันอาจจะฟังดูเป็นข้อเสียแต่ความจริงแล้วสไปเดอร์แมนนั้นเป็นฮีโร่ที่สามารถสะท้อนความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ว่าเขาจะถูกฉาบไปด้วยการเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ก็ตาม เขานั้นยังคงเป็นเด็กวัยรุ่นมัธยมปลายธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งที่ได้รับพลังวิเศษและตัดสินใจว่าจะใช้พลังงานในการช่วยเหลือผู้อื่น แต่สุดท้ายแล้วหลังถอดหน้ากากออกมาเขาก็ยังเป็นเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ยังต้องเรียนหนังสือและทำงานเนื่องจากครอบครัวไม่ได้มีรายได้มากพอ
นั่นจึงทำให้สไปเดอร์แมนกลายเป็นฮีโร่ที่หลายคนชื่นชอบเพราะเขามีความเป็นมนุษย์และมีความสมจริงในแง่ของการใช้ชีวิต เป็นเพื่อนบ้านที่แสนดีที่จะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยเวลาได้เห็น แต่เพราะความยังเป็นเด็กของเขาทำให้ในภาพยนตร์เรื่อง Spider-Man : No Way Home กลายเป็นมหาวิบัติขึ้นมาจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดของตัวเขาเองหลายต่อหลายครั้ง และมันยังเป็นการเปิดโลกมัลติเวิร์สให้กับภาพยนตร์จักรวาล Marvel Hero อีกด้วย
เราอาจจะพูดอะไรเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่มากเนื่องจากก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว และมันเป็นภาพยนตร์ที่คุณไม่ควรอ่านสปอยโดยเด็ดขาดก่อนไปรับชมไม่เช่นนั้นความสนุกสนานจะลดลงไปอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว ดังนั้นวันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปเปิดโลกมัลติเวิร์สแบบหลบสปอยล์กันว่าความสนุกสนานของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Spider-Man : No Way Home
Spider-Man : No Way Home เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วอย่าง Spider Man far from home ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์นั้นถูกมิสเทอริโอ้ตัวละครร้ายจากภาคที่แล้วเปิดเผยตัวตนว่าเขานั้นเป็นตัวจริงของสไปเดอร์แมน ฮีโร่เพื่อนบ้านที่แสนดีของชาวเมืองนิวยอร์ก ทุกคนหลงเชื่อตัวร้ายอย่างสนิทใจว่าเขานั้นเป็นคนที่ฆ่ามิสเตริโอแถมยังมีส่วนพัวพันเกี่ยวกับการใช้หุ่นยนต์จากบริษัทของโทนี่ สตาร์คในการทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถรับได้ ข่าวที่ออกมานั้นทำให้ชาวเมืองนิวยอร์กส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เชื่อมมิสเทอริโอ้และมันก็ทำให้ปีเตอร์ปาร์คเกอร์นั้นต้องเผชิญกับความยากลำบาก
ไม่เพียงแต่ตัวเขาเองที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากจากการถูกเปิดเผยตัวตน หาคนรอบข้างของเขาไม่ว่าจะเป็นแฟนสาวอย่างเอ็มเจหรือมิเชล โจนส์ เพื่อนสนิทของเขาอย่างนิค ป้าเมย์ คนรักของป้าเมย์และคนที่โทนี่สตาร์คฝากฝากให้ดูแลเขาอย่างแฮปปี้ มันทำให้ปีเตอร์รู้สึกสับสนไม่น้อยเลยทีเดียว และเหตุการณ์ก็ยิ่งแย่มากไปอีกเมื่อพวกเขานั้นไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างเอ็มไอทีได้สำเร็จจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ด้วยเหตุนี้ปีเตอร์ปาร์คเกอร์จึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากด็อกเตอร์สเตรนจ์เพื่อจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น แต่เพราะเขานั้นเป็นเด็กหนุ่มที่เต็มไปด้วยความสับสนและการตัดสินใจที่ยังไม่เฉียบขาดมากพอ ทำให้สุดท้ายแล้วเหตุการณ์ก็กลับตาลปัตรวุ่นวายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมจนทำให้เขานั้นต้องพยายามหาวิธีการในการแก้ไขให้ทุกอย่างกลับเข้ามาอยู่ในรูปในรอยให้สำเร็จก่อนที่ทุกอย่างจะย่ำแย่มากกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่ายิ่งแก้ปัญหาปัญหาก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีก และมันยังส่งผลต่อ multiverse ในจักรวาล Marvel Hero อีกด้วย สุดท้ายแล้วเขาจะสามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ต้องติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Spider-Man : No Way Home
ผู้ชมหลายคนที่เป็นแฟนคลับของสไปเดอร์แมนล้วนแล้วแต่ยกย่องให้ภาพยนตร์เรื่อง Spider-Man : No Way Home เป็นภาพยนตร์สไปเดอร์แมนที่ดีที่สุดในบรรดาภาพยนตร์ของสไปเดอร์แมนที่ผ่านมาในจักรวาล Marvel Hero สำหรับใครที่ชื่นชอบสไปเดอร์แมนเราขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดภาพยนตร์นี้โดยเด็ดขาดเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถสร้างความประทับใจและสร้างความชื่นชอบให้กับคนที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ชื่นชอบแต่เคยติดตามภาพยนตร์สไปเดอร์แมนมาก่อนยังต้องรู้สึกซาบซึ้งและประทับใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้
ไม่เพียงเท่านั้นมันยังเป็นจุดเริ่มต้นของ Multiverse เรื่องราวของต่างจักรวาลต่างช่วงเวลาที่ค่าย Marvel มีความพยายามที่จะนำเอาประเด็นเรื่อง multiverse มาขยายเรื่องราวของ Marvel Hero มากยิ่งขึ้นโดยมีการปูเรื่องราวเกี่ยวกับ Multiverse มาอย่างยาวนานและมาระเบิดในภาพยนตร์เรื่องนี้ในที่สุด การระเบิดจักรวาลในครั้งนี้จะนำมาสู่ความเป็นไปได้หลากหลายรูปแบบที่เราจะไม่สามารถคาดเดาได้อีกต่อไปอย่างสิ้นเชิง
เราคงไม่สามารถพูดอะไรได้มากมายเนื่องจากมันเป็นภาพยนตร์ที่มีความเสี่ยงในการสปอยสูงมาก แต่สิ่งที่พูดได้คือหลังรับชมแล้วสิ่งที่คุณจะได้รับคือความสนุกสนานจากเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้งทั้งความรักและมิตรภาพระหว่างเพื่อน คนรัก คนในครอบครัว ความสนุกสนานของชีวิตวัยรุ่น ความสนุกสนานในการต่อสู้ ความตึงเครียดที่ต้องจัดการกับปัญหา ความลุ้นระทึกที่เราไม่สามารถคาดเดาว่าจะเกิดอะไรต่อไป ทุกอย่างจะรวมกันเป็นความประทับใจที่คุณจะมีให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน
ตัวอย่างหนัง Spider-Man : No Way Home
รีวิว หนัง Spider-Man : No Way Home บางส่วนจาก beartai
เป็นครั้งแรกที่ ‘Spider-Man’ ไม่ต้องซ่อนตัวใต้หน้ากากอีกต่อไป และเขาไม่สามารถแยกชีวิตในฐานะซูเปอร์ฮีโรออกจากชีวิตปกติได้อีกต่อไป เมื่อเขาไปขอให้ด็อกเตอร์สเตรนจ์ช่วยเหลือ แต่มันกลับกลายเป็นวุ่นวายกว่าเดิม บังคับให้เขาต้องหาทางแก้ไขและหาความหมายของการเป็นสไปเดอร์แมน หนังเรื่องนี้จะแนะนำสิ่งที่เรียกว่า Multiverse ในจักรวาลมาร์เวลอย่างเป็นทางการ พร้อม ๆ กับวายร้ายจากทั้ง ‘Spider-Man’ และ ‘The Amazing Spider-Man’ ก็จะมาปรากฎตัวด้วยเช่นกัน
ดูเหมือนว่าชะตากรรมของเพื่อนบ้านผู้แสนดีอย่าง ‘สไปเดอร์-แมน’ จะเริ่มขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นทุกที ๆ ครับ หลังจากที่รับงานฮีโรระดับเบอร์รองมาแล้วใน 2 ภาคก่อน ภาคนี้ในฐานะที่เป็นหนังในช่วงต้นของ MCU ในเฟส 4 ที่กำลังเดินหน้าปูพื้นเรื่องราวแบบ ‘พหุจักรวาล’ หรือ ‘มัลติเวิร์ส’ (Multiverse) เพื่อขยายขอบเขตวิธีการเล่าเรื่องให้กว้างกว่าแนวแอ็กชันแบบเดิม ซึ่งตอนนี้มีซีรีส์ใน Disney+ ที่ปูพื้นเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วทั้ง ‘Loki’ และแอนิเมชัน ‘What If…? ‘ ซึ่งซีรีส์ทั้งสองเรื่องนี้เป็นตัวสรุปอย่างชัดเจนว่า มัลติเวิร์สคือแกนหลักสำคัญและความโกลาหลครั้งใหญ่ที่เหล่าฮีโรต้องรับมือให้ได้ ซึ่งในหนังเรื่องนี้ก็ดูเหมือนว่าความโกลาหลนั้นได้ปรากฏชัดขึ้นเป็นรูปเป็นร่างแล้ว และไอ้แมงมุมก็ถือว่าเป็นฮีโรตัวแรก ๆ ที่ต้องรับผลแห่งความโกลาหลนี้แบบชัด ๆ
ส่วนเรื่องราวในภาคนี้ก็จะเล่าต่อจาก End Credits ตัวแรกที่ทิ้งเอาไว้ในภาคก่อนหน้า (Spider-Man : Far From Home (2019)) ซึ่งถ้าใครที่ยังไม่ได้ดู ก็ต้องขอเบรกให้ไปหาดูก่อนให้เรียบร้อยก่อนนะครับ (ทั้งสองภาคมีให้ดูใน HBO GO) เพราะว่าเนื้อเรื่องของภาคนี้จะเริ่มต้นมาจาก End Credits ตัวนั้นแหละ หลังจากที่สไปเดอร์แมนสามารถโค่น ‘มิสเทริโอ’ (Jake Gyllenhaal) ได้สำเร็จ
มิสเทริโอก็วางระเบิดตูมสุดท้ายด้วยการปล่อยคลิปเฟกนิวส์ผ่านจอ LED ที่กล่าวหาว่าปีเตอร์เป็นคนสังหารเขาอย่างป่าเถื่อน กล่าวหาว่าปีเตอร์โอ่อ้างจะเป็นไอรอนแมนคนถัดไป ข่าวนี้ยังไปถึงหู ‘เจ. โจนาห์ เจมส์สัน’ (J.K. Simmons) นักข่าวสำนักข่าวออนไลน์ TheDailyBugle.net ออกมาแฉ (จากข้อมูลของมิสเทริโอ) จนทำให้คนทั้งโลกรู้กันไปทั่วว่าสไปเดอร์แมนคือปีเตอร์ ปาร์คเกอร์
และในภาคนี้ แน่นอนว่า ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เพื่อนบ้านที่แสนดี ถูกภัยเฟกนิวส์ตราหน้าจนทำให้ใช้ชีวิตยากลำบากกว่าเดิม แถมพาให้คนรอบข้างทั้งคนรักอย่าง ‘เอ็มเจ’ (Zendaya) เพื่อนซี้สาย Geek อย่าง ‘เน็ด ลีดส์’ (Jacob Batalon) และ ‘ป้าเมย์’ (Marisa Tomei) ต่างพากันเดือดร้อนกันไปด้วย ปีเตอร์เลยจำต้องไปขอความช่วยเหลือกับหมอแปลก ‘ดอกเตอร์สเตรนจ์’ (Benedict Cumberbatch) เพื่อให้ช่วยร่ายมนต์ลบความทรงจำของผู้คนว่าปีเตอร์ ปาร์คเกอร์คือสไปเดอร์-แมน แต่ด้วยความผิดพลาดบางอย่าง ผลก็คือทำให้วายร้ายจากมัลติเวิร์สหลุดเข้ามาปั่นป่วนโลกของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์จนกลายเป็นเรื่องใหญ่ระดับจักรวาล
beartai