ชื่อเรื่อง | Prime Time |
เรตติ้ง | 5.4 |
นักแสดง | Bartosz Bielenia,Magdalena Poplawska,Andrzej Klak |
จำนวนตอน | 1.33 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง Prime Time Netflix
รีวิวหนัง Prime Time Netflix ภาพยนตร์สัญชาติโปแลนด์ต้นทุนต่ำที่พยายามหลอกคนดู ความน่าสนใจของแพลตฟอร์ม Netflix ก็คือมันได้มีการรวบรวมนำเอาภาพยนตร์สัญชาติต่างๆ มารวมกันไว้มากมายให้เราได้รับชม แม้ว่าบางเรื่องอาจจะไม่มีพากย์เสียงภาษาไทยแต่ก็มีซับภาษาไทยให้เราอ่านอย่างแน่นอน เป็นการเปิดโลกภาพยนตร์ให้เราได้รับชมภาพยนตร์จากสัญชาติอื่นบ้าง
อย่างเช่นที่เราจะมาแนะนำในวันนี้เป็นภาพยนตร์สัญชาติโปแลนด์ต้นทุนต่ำที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะมันเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการก่อเหตุอาชญากรรมและพยายามหลอกคนดูว่าใครที่เป็นผู้ร้ายตัวจริงกันแน่ นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง Prime Time เป็นภาพยนตร์ที่หากคนชอบก็จะชอบไปเลยแต่ถ้าหากใครเกลียดก็จะเกลียดไปเลยเช่นเดียวกัน เขาว่ามันเป็นภาพยนตร์แนวติสต์แตกแต่ดันเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการก่อเหตุอาชญากรรม อย่างไรก็ตามภาพยนตร์เรื่องนี้เคยได้รับการออกฉายในงาน 2021 Sundance Film Festival มาก่อน ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะเป็นภาพยนตร์ต้นทุนต่ำแต่ก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีคุณภาพมากพอที่จะสามารถนำเอาไปใช้ในงานภาพยนตร์ได้
ไม่เพียงเท่านั้นอีกหนึ่งความน่าสนใจของภาพยนตร์ก็คือการเล่าเรื่องราวคาบเกี่ยวระหว่างปี 1999 และปี 2000 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีข่าวลือออกมามากมายไม่ว่าจะเป็นวันสิ้นโลก ปรากฏการณ์ทางคอมพิวเตอร์อย่าง Y2K ทำให้สถานการณ์เวลาในช่วงนั้นทั่วทั้งโลกค่อนข้างจะอ่อนไหวและเต็มไปด้วยความสั่นคลอน ยิ่งทำให้ปมปริศนาในภาพยนตร์มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามเราขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งคาดหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของคุณ เพราะอย่างที่เราบอกว่ามันไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ทุกคนจะรู้สึกถูกใจ ดังนั้นก็อาจจะต้องไปลุ้นกันเอาเองว่ารับเชิญไปแล้วจะคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปหรือไม่
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Prime Time
Prime Time เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวในช่วงปี 1999 และกำลังจะเข้าสู่ปี 2000 ในวันนั้นมีเด็กหนุ่มปริศนาคนหนึ่งอายุ 20 ปีได้บุกเข้ามาในสถานีโทรทัศน์พร้อมกับปืนพกประจำตัว ในช่วงเวลาดังกล่าวทั่วทั้งโลกนั้นมีกระแสความกลัวเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์อย่าง Y2K ว่าระบบคอมพิวเตอร์ทั่วทั้งโลกนั้นจะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป เขาได้ทำการจับตัวพิธีกรสาวพร้อมกับพนักงานอีก 1 คนเอาไว้เป็นตัวประกัน เด็กหนุ่มได้เรียกร้องให้ทีมงานถ่ายทอดสดตัวเขาออกทางโทรทัศน์เพื่อพูดบางสิ่งบางอย่างให้ทุกคนได้ทราบทั่วกัน
ภาพยนตร์ไม่ได้เฉลยในทันทีว่าเด็กหนุ่มนั้นพูดอะไรและเขาต้องการจะสื่อไปถึงใครกันแน่ ไม่เพียงเท่านั้นยังไม่มีการบอกอีกด้วยว่าเหตุผลในการก่อเหตุอาชญากรรมจับตัวประกันในครั้งนี้ทำขึ้นด้วยสาเหตุอะไรกันแน่ อย่างไรก็ตามตลอดการเล่าเรื่องนั้นเราจะเห็นว่าเด็กหนุ่มที่มีอาวุธอยู่ในมือพยายามพูดจาข่มขู่ทั้งตัวประกันและตำรวจด้วยบทสนทนาที่ซ้ำไปซ้ำมา ตำรวจได้มีการเจรจาต่อรองเกี่ยวกับการแลกตัวประกันพร้อมทั้งวางแผนที่จะบุกเข้าไปแต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยกันไม่ได้บุกเข้าไปอยู่ดี เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปขอแนะนำให้ไปติดตามต่อกันในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Prime Time
Prime Time เป็นภาพยนตร์ต้นทุนต่ำทำให้บางครั้งการนำเสนอข้อค่อนข้างที่จะมีปัญหา อย่างเช่นการที่บทตัวละครมีการพูดวนไปวนมาไม่มีอะไรคืบหน้าเลยแม้แต่น้อย อาจเกิดจากการที่ผู้สร้างต้องการจะทำให้มันกลายเป็นปริศนา แต่พอไม่มีปริศนาอะไรออกมาเลยมันกลับกลายเป็นว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นไม่ได้มีสาระสำคัญที่เป็นแกนหลักของเรื่องจริงๆ ไม่เพียงเท่านั้นภาพยนตร์ยังไม่ได้จะมีการเฉลยเหตุผลที่ตัวละครหลักก่อเหตุจับตัวประกันหรือแรงจูงใจที่ทำให้เขาตัดสินใจก่อเหตุเลยแม้แต่น้อย บางครั้งมีการที่ตัวประกันรู้สึกเห็นใจผู้ร้ายแบบไม่สมเหตุสมผล ดังนั้นปัญหาโดยรวมทั้งหมดในภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจะมาจากบทและโครงเรื่องที่ไม่ได้มีการออกแบบเอาไว้ให้ดีพอ
การหยิบประเด็น Y2K มาเล่านั้นความจริงแล้วมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ในช่วงต้นนั้นเราเข้าใจว่าอาจเป็นเพราะประเด็นดังกล่าวที่ทำให้ตัวร้ายตัดสินใจก่อเหตุเพราะหลังจากเข้าปี 2000 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทุกอย่างก็จะไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป การจับกุมตัวเขาก็จะยากขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นมันยังอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่ทำให้เขาได้สื่อสารข้อความไปยังคนบางคนได้อีกด้วย แต่สุดท้ายแล้วประเด็นดังกล่าวก็ไม่ได้มีความสำคัญกับเนื้อเรื่องมากมายขนาดนั้น
แต่ข้อดีของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือมันเป็นภาพยนตร์ต้นทุนต่ำที่ทำออกมาได้แบบติสท์แตกเป็นอย่างมาก หากใครที่ชอบภาพยนต์แนวอินดี้จะต้องชอบภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะตลอดทั้งเรื่องที่เล่าเกี่ยวกับการก่อเหตุอาชญากรรมมันแทบจะไม่มีฉากแอคชั่นอะไรเลยแม้แต่น้อย ไม่มีความระทึกขวัญ ไม่มีความดุเดือด ดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาไปแบบเนิบๆ พร้อมกับตอนจบที่ไม่เฉลยอะไรเลยจนทำให้ผู้รับชมหลายคนหัวเสีย
แม้ว่าหลายคนมองว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะพยายามหลอกคนดูว่าผู้ร้ายเป็นใครและต้องการอะไรกันแน่ แต่สุดท้ายแล้วภาพยนตร์ก็สามารถต่อผู้รับชมได้สำเร็จเพราะมันไม่ได้มีการเฉลยอะไรออกมาเลยนั่นเองแต่เราก็ยังดูจนจบเพราะหวังว่าภาพยนตร์จะเฉลยอะไรให้เราได้คิดต่อบ้าง ดังนั้นแน่นอนว่ามันไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เหมาะสำหรับทุกคน ขอแนะนำว่าหากคุณไม่ได้เป็นคนที่ชอบภาพยนต์แนวติสต์แตก อย่ารับชมไม่เช่นนั้นคุณจะหัวร้อนอย่างแน่นอน
ตัวอย่างหนัง PRIME TIME
รีวิว หนัง PRIME TIME จาก playinone
หนังที่ถูกเลือกมาฉายในงาน 2021 Sundance Film Festival ตอนเดือนมกราคม และ Netflix ก็ซื้อมาลงในระบบเป็นออริจินอลของตัวเอง ซึ่งจากตัวอย่างและพล็อตเรื่องชวนให้คิดว่าจะเป็นหนังแนวจับตัวประกันออกอากาศสดมันส์ๆ ระทึกๆ แต่กลายเป็นว่านี่เป็นหนังทุนต่ำแนวอินดี้ซะมากกว่า เพราะทั้งเรื่องแทบไม่มีอะไรเลยจริงๆ ตั้งแต่ต้นไปจนจบแบบติสๆ ไม่ได้มีฉากระทึกหรือมันส์อะไรแบบที่คิดเลยแม้แต่น้อย
เนื้อเรื่องเริ่มที่หนุ่มปริศนาวัย 20 ปีใช้ปืนพกบุกเข้าไปยังสถานีโทรทัศน์ในช่วงปี 1999 ก่อนขึ้นปี 2000 ที่มีกระแสความกลัว Y2K ประกอบเรื่อง (สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Y2K คลิกอ่านเพิ่มที่นี่) พร้อมทั้งจับพิธีกรสาวกับพนักงานอีกคนไว้เป็นตัวประกัน และเรียกร้องให้ถ่ายทอดสดเขาออกทีวีเพื่อขอพูดบางอย่างออกไป ซึ่งตัวเรื่องก็พยายามหลอกล่อให้คนดูติดตามว่า สิ่งที่เขาต้องการพูดคืออะไร แต่ผู้เขียนขอเฉลยในรีวิวเลยว่า ทั้งเรื่องเราจะไม่ได้รู้เลยว่าเขาจะพูดอะไร และสาเหตุจริงๆ ของการจับตัวประกันครั้งนี้คืออะไร หนังเหมือนพยายามสร้างบรรยากาศหลอกล่อให้คนดูติดตามมากกว่า ซึ่งคนที่ไม่รู้มาก่อนก็คงทนดูจนจบด้วยความอยากรู้จุดนี้ แต่พอเจอฉากจบแบบเวิ้งว้างไม่ได้มีคำอธิบายอะไรเพิ่มเติมมาเลย หรือมีก็คงซ่อนไว้แบบนัยยะให้ตีความเอาเองสุดๆ คงแอบเสียดายเวลาที่นั่งดูชั่วโมงกว่าแน่ๆ
โอเคถึงแม้ว่าเรื่องจะไม่มีบทเฉลยจุดสำคัญตรงนั้น แต่ถ้าระหว่างการเดินเรื่องมันมีความตื่นเต้นระทึกหรือกดดันกันสุดๆ กับเหตุการณ์ก็ยังพอโอเคได้ แต่หนังกลับทำไม่ได้เลยในส่วนนี้ โดยตัวเอกที่มีปืนก็พยายามจะวนไปวนมาในห้องพูดข่มขู่ตัวประกัน ขู่ตำรวจ เป็นบทสนทนาวนไปวนมาซ้ำๆ ผ่านการเจรจาต่อรองกันทั้งเรื่อง โดยมีฉากที่เหมือนตำรวจจะบุกๆ แต่ก็ไม่ได้บุกสักที ซึ่งคนดูคงเอะใจพอดูได้สักพัก เพราะเรื่องมันวนทำซ้ำแบบนี้อยู่ตลอด โดยไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรเลย แม้แต่ฉากเอาพ่อมาเจรจาก็ยังไม่สามารถทำให้คนดูเก็ทว่ามีประเด็นสำคัญอะไรกับจุดประสงค์ของตัวเอกได้
นอกจากนี้หนังยังใช้ยุคสมัย 1999 แบบกลวงๆ คือขึ้นต้นมาเป็นหนังย้อนยุค เราอาจจะคิดว่าหนังต้องมีอะไรสำคัญถึงเลือกทำแนวย้อนยุค แต่กลับไม่มีอะไรที่เชื่อมโยงให้เห็นว่ายุคสมัย Y2K สำคัญกับเรื่องราวยังไงเลยแม้แต่น้อย มีแค่ช่วงคั่นฉากที่เป็นรายการทีวีรายงานบรรยากาศช่วงวันส่งท้ายปีเก่าแทรกขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งก็ยังไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องราวสักเท่าไหร่ จนไม่รู้จะย้อนยุคไปเพื่ออะไรจริงๆ ครับ
นอกจานี้ความสัมพันธ์ของตัวเอกับตัวประกันก็ยังออกแนวงงๆ ตอนแรกกลัวแทบตาย พอผ่านไปกลายเป็นเพื่อนขึ้นมาง่ายๆ โอเคแหละกับเรื่องแนวตัวประกันเห็นใจคนร้าย ซึ่งเรื่องนี้มันก็พยายามจะทำให้คนดูเห็นใจตัวเอกอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่เรื่องไม่เผยปมอะไรสักอย่าง ความรู้สึกคล้อยตามตัวละครในเรื่องที่ภายหลังเกิดผ่อนคลายชิลๆ กับเหตุการณ์มันเลยดูไม่สมเหตุผลสักเท่าไหร่นักว่าไปเชื่อใจกันตอนไหน ถึงขนาดออกไปนอกห้องส่งได้แล้วยังกลับมาให้จับเป็นตัวประกันอีกด้วยซ้ำ สรุปเลยว่านี่เป็นหนังที่ตั้งใจล่อหลอกคนดูสุดๆ ซึ่งก็ได้ผลกับคนที่หลงมาดูโดยไม่รู้อะไร แต่ขอเตือนเลยว่าข้ามผ่านไปเลยจะดีกว่าครับ
playinone