ชื่อเรื่อง | ON THE LINE |
เรตติ้ง | 6 |
นักแสดง | Yo-Han Byun |
จำนวนตอน | 1.49 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง ON THE LINE
รีวิวหนัง ON THE LINE ภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนที่จะพาคุณไปพบกับอันตรายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ที่เชื้อไวรัส COVID-19 ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกเห็นได้ชัดเลยว่าประเทศไทยนั้นประสบปัญหาหนึ่งนั่นก็คือปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั่นเอง ไม่มีใครรู้ว่าแก๊งเหล่านี้เป็นใครกันแน่ พวกเขาอยู่ที่ไหนเพราะบางครั้งก็ใช้เบอร์ในประเทศไทยบางครั้งก็ใช้เบอร์ต่างประเทศ โอนเงินไปในบัญชีที่แจ้งมาก็ไม่สามารถจับได้เพราะคนที่เปิดบัญชีดันเป็นคนรับจ้างเปิดบัญชีที่มีความผิดน้อยนิดเสียเหลือเกินเทียบกับจำนวนเงินที่เราเสียไปแล้ว ทำให้คนไทยยังคงต้องคาดการณ์กันต่อไปเรื่อยๆ ว่าแก๊งพวกนี้เอาเบอร์เรามาจากไหนกันแน่ และพวกเขาเป็นใครกันแน่
สื่อได้พยายามลงลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าวแต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีอะไรชัดเจนขึ้นมา รู้เพียงแต่ว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์บางคนที่ถูกหลอกให้ไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านเป็นมิจฉาชีพและไม่สามารถกลับบ้านได้เนื่องจากติดหนี้เอเจนซี่ นอกเหนือจากนี้เราก็ไม่รู้อะไรอีกแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเบื้องลึกเบื้องหลังเป็นอย่างไรและอันตรายมากน้อยแค่ไหน แต่หากคุณอยากรู้เราขอแนะนำภาพยนตร์เรื่อง ON THE LINE
มันเป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนจากประเทศเกาหลีใต้ที่จะพาเราไปลงลึกถึงอันตรายของบรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหลายที่ทำการเป็นกระบวนการเพื่อหลอกเอาเงินจากเหยื่อ ทุกวันนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีมากมายหลากหลายรูปแบบและปรับเปลี่ยนไปเมื่อมีคนเริ่มจับได้ เป็นภาพยนตร์ที่ยาวเพียงแค่ 109 นาทีแต่สามารถลงลึกเรื่องราวเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้อย่างยอดเยี่ยมและน่าประทับใจ วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปดูกันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสุขสนานและน่ารับชมอย่างไรบ้าง
หนังสืบสวน อัจฉริยะ
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง ON THE LINE
ON THE LINE เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงอดีตนายตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติดมากฝีมือที่ชื่อว่าซอจุน ตอนนี้เขาวางมือในการเป็นตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้วและหันมาทำอาชีพเป็นหัวหน้าคุมงานก่อสร้างแทน ชีวิตที่แสนจะเรียบง่ายกลับกลายมาเป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหาเมื่อทั้งเพื่อนร่วมงานรวมไปถึงภรรยาของเขาเองต่างก็ตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พวกเขาถูกหลอกลวงให้โอนเงินเป็นจำนวนรวมกันกว่า 3 พันล้านวอนเลยทีเดียว ตีเป็นเงินไทยแล้วกว่า 900 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้อดีตนายตำรวจมากฝีมือที่มีความสามารถในการสืบสวนสอบสวนและจับผู้ร้ายไม่แพ้ใครจึงได้ออกเดินทางตามล่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยตัวเองไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอันตรายข้างหน้ามากแค่ไหนก็ตาม เขาเริ่มต้นด้วยการแกะรอยเบาะแสเพื่อตามหาที่ตั้งของกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และมันก็ได้ผล เขาได้พบกับกวักโปรชายผู้เป็นหนึ่งในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เขาเป็นหัวหน้าทีมเขียนบทที่คอยดูแลแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ว่าจะมีวิธีการหลอกให้เหยื่อโอนเงินได้อย่างไรบ้าง
แต่นั่นก็ไม่เพียงพอในการบุกจับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยตัวคนเดียวแต่อย่างใด เขายังต้องเผชิญกับอันตรายอีกมากมายกับการแหย่เท้าเข้าไปสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ไม่รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังคือใครกันแน่ สรุปแล้วเขาจะสามารถตามจับแก๊งดังกล่าวและได้เงินคืนมาหรือไม่เราต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง ON THE LINE
ON THE LINE เป็นภาพยนตร์ที่สามารถสะท้อนสภาพสังคมในช่วงเวลานี้ได้เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดเลยว่าไม่ได้มีเพียงแค่ประเทศไทยประเทศเดียวในแถบเอเชียที่ต้องเผชิญปัญหาของแก๊งมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ที่โทรมาหลอกให้เหยื่อโอนเงินเป็นจำนวนไม่น้อย แม้แต่ในประเทศที่เจริญแล้วอย่างเกาหลีใต้เองก็มีขบวนการมิจฉาชีพ CALL CENTER เช่นเดียวกัน
บรรยากาศตอนเปิดเรื่องนั้นเต็มไปด้วยความหดหู่และความสิ้นหวัง ตัวละครหลักที่เป็นอดีตตำรวจที่ทำงานในไซต์ก่อสร้างแน่นอนว่าทั้งเขาและคนรอบข้างไม่ได้มีเงินถุงเงินถังมากมายอะไรแถมยังมาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกเอาเงินไปอีกต่างหาก พวกเขาไม่ได้ใช้ชีวิตตั้งอยู่บนความประมาทด้วยซ้ำแถมยังเต็มไปด้วยความรอบคอบระมัดระวังแต่ก็ยังตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้ได้ มันจึงเป็นอะไรที่น่าเจ็บใจเป็นอย่างมาก
หลายคนคิดว่าตาไม่รับโทรศัพท์เบอร์แปลกก็เพียงพอแต่ในความเป็นจริงแล้วกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นมีขั้นตอนที่สลับซับซ้อนและน่าหวาดกลัวมากกว่าที่เราคิดเอาไว้ และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จะพาเราไปล้วงลึกเบื้องลึกเบื้องหลังของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ว่าพวกเขามีวิธีการหลอกลวงผู้คนอย่างไร มีกระบวนการทำงานอย่างไร มีรายได้เท่าไหร่ รวมไปถึงใครที่กำลังหนุนหลังพวกเขาอยู่
ความโดดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้เลยก็คือการที่มีความทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์ สามารถหยิบยกนำเอาประเด็นปัญหาในยุคปัจจุบันมาเล่าได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้เราตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมแถมยังช่วยหาทางแก้ไขได้อีกด้วย เป็นภาพยนตร์ที่นั่งดูไปลุ้นไปอย่างแน่นอนว่าพระเอกของเราจะสามารถเอาผิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ได้หรือไม่ ฉากการต่อสู้ก็มีให้เห็นเป็นระยะ แต่สิ่งสำคัญที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าก็คือกระบวนการและวิธีการหลอกลวงของเหล่ามิจฉาชีพซึ่งนอกจากจะได้รับความสนุกสนานแล้วยังได้ความรู้อีกด้วย