ชื่อเรื่อง | MOONFALL |
เรตติ้ง | 6.0 |
นักแสดง | Halle Berry,Patrick Wilson |
จำนวนตอน | 2.10 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง MOONFALL
รีวิวหนัง MOONFALL ภาพยนตร์แนวโลกแตกจาก ROLAND EMMERICH ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทฤษฎีสมคบคิด ถ้าพูดถึงชื่อของผู้กำกับอย่าง ROLAND EMMERICH แน่นอนว่าทุกคนจะต้องนึกถึงภาพยนตร์แนวโลกแตกแน่นอน นั่นก็เป็นเพราะว่าเขามีความสามารถในการทำภาพยนตร์แนวนี้เป็นอย่างมากตั้งแต่ THE DAY AFTER TOMORROW 2012 หรือแม้แต่ภาพยนตร์ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่อย่าง INDEPENDENCE DAY ที่เรารู้จักกันในชื่อ ID4 ด้วยเหตุนี้หากเป็นภาพยนตร์แนวโลกแตกแล้วมีผู้กำกับผู้นี้เป็นคนคุมแล้วเราก็เราก็ค่อนข้างจะมั่นใจได้ว่าผลงานที่ออกมามีความน่าสนใจและค่อนข้างคาดหวังได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
หลังจากห่างหายไปนานเพื่อทำภาพยนตร์แนวอื่นบ้างอย่างภาพยนตร์แนวสงครามโลกมิดเวย์ ในครั้งนี้เขาก็ได้กลับมาทวงบัลลังค์ผู้กำกับจอมสร้างหายนะให้กับโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้วในภาพยนตร์เรื่อง MOONFALL มีกำหนดการออกฉายเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ความน่าสนใจในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือผู้กำกับของเราไม่ได้จำกัดพื้นที่อยู่แค่บนโลกเท่านั้นแต่จะพาเราขึ้นสู่อวกาศอันเวิ้งว้างไปยังดวงจันทร์
ไม่ได้หมายความว่าดวงจันทร์จะแตกแต่อย่างใดแต่ผู้กำกับได้นำเอาทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับพระจันทร์มารวมกันแล้วให้พระจันทร์เป็นพระเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นก็คือเป็นสาเหตุที่ทำให้โลกของเรากำลังจะถึงจุดจบนั่นเอง ดังนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้จึงจะมาพร้อมกับงานสร้างที่อลังการมากกว่าเดิม มีความหายนะเหนือกว่าที่เราสามารถจินตนาการได้ มันไม่ได้เป็นเพียงภัยพิบัติบนโลกธรรมดาทั่วไปและมันจะทำให้มนุษย์อย่างเราต้องเผชิญกับจุดจบที่น่ากลัว ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรหากคุณเป็นแฟน ROLAND EMMERICH แล้วไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาด
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง MOONFALL
MOONFALL เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของชายหนุ่มอดีตนักบินอวกาศคนหนึ่งที่มีชื่อว่าไบรอัน เขาตัดสินใจหันหลังให้กับองค์การ NASA เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์บาดหมางกัน ชายหนุ่มจำเป็นที่จะต้องกลับมาร่วมภารกิจในองค์กรที่เขาเคยมีปัญหาอีกครั้งกับอดีตเพื่อนร่วมงานอย่างโจซินดา สาเหตุที่เขาต้องกลับมาปฏิบัติภารกิจบนอวกาศอีกครั้งเนื่องจากมีเด็กเนิร์ดคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเครซี่ได้ค้นพบความลับบางอย่างกับดวงจันทร์ที่สำคัญต่อโลกของเรา
ดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์บริวารของโลกที่อยู่ไม่ไกลมากนัก แต่มันมีความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะมันกำหนดน้ำขึ้นน้ำลงและแรงดึงดูดของโลกเรา ดังนั้นวงโคจรของดวงจันทร์จึงส่งผลกระทบต่อโลกของเราแบบเต็มๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่ดวงจันทร์มีสิ่งผิดปกตินั่นหมายความว่าจะเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้นกับโลกของเราด้วย และเด็กหนุ่มสุดเนิร์ดคนนั้นก็ได้ค้นพบว่าดวงจันทร์กำลังเปลี่ยนเส้นทางโคจร และในเวลาอีกไม่นานมันจะพุ่งเข้าชนโลกจนกลายเป็นวันสิ้นโลกที่ไม่มีใครอยากจะเผชิญ ทุกชีวิตบนโลกของเราจะล่มสลายหายไปเหมือนกับไม่เคยเกิดขึ้น
แม้ว่าจะมีความบาดหมางต่อองค์การแค่ไหนก็ตามแต่สุดท้ายแล้วชายหนุ่มก็ตัดสินใจที่จะทำภารกิจดังกล่าวเพื่อกอบกู้โลก มันทำให้โลกของเราต้องฝากความหวังไว้ในมือของนักบินอวกาศ 3 คนที่มีผลต่อชะตากรรมความเป็นอยู่ของโลกว่าจะดับสลายหรือยังคงอยู่ต่อไป
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง MOONFALL
MOONFALL เป็นภาพยนตร์ที่เราได้จั่วหัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าผู้กำกับคนเก่งอย่าง ROLAND EMMERICH นั้นได้นำเอาทฤษฎีสมคบคิดมาเป็นพื้นหลังในการสร้างเรื่องราวทั้งหมดให้เกิดขึ้นโดยใช้ดวงจันทร์เป็นเครื่องมือ อย่างที่เราทราบกันดีว่าโลกใบนี้มีทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับดวงจันทร์มากมายไม่ว่าจะเป็นด้านหลังของดวงจันทร์มีอะไรซ่อนอยู่ มนุษย์ไม่เคยเดินทางไปเหยียบดวงจันทร์จริง ดวงจันทร์เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น แม้ว่าบางอย่างจะยังคงเป็นความลับของจักรวาลแต่มีหลายอย่างที่เราสามารถให้คำตอบได้ทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นหากคุณต้องการรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ให้สนุกคุณต้องทิ้งความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่เคยเรียนมาทั้งหมดรวมไปถึงความเป็นปกติที่มนุษย์เป็นไปไว้ที่บ้านก่อนจะเข้าไปรับชมภาพยนตร์
เพราะมันเป็นภาพยนตร์ที่จะทำให้เราอุทานว่าแบบนี้ก็ได้หรือ มันค่อนข้างที่จะมีความแฟนตาซีไม่น้อยเลยทีเดียวแต่ก็ต้องยอมรับว่าทีมงานและผู้กำกับสามารถรังสรรค์เรื่องราวออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว หากคุณเชื่อไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสนุกสนานเป็นอย่างมาก และที่สำคัญผู้กำกับยังคงทิ้งลายเซ็นไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนานจากการพูดคุยของตัวละครหรือแม้แต่การตบมุกที่น่าสนใจ
ด้วยความที่มันเป็นภาพยนตร์ติดแฟนตาซีเล็กน้อยทำให้ดูเหมือนว่าภาพยนตร์จะไม่เอาความจริงเข้ามาเกี่ยวข้องเสียเลยยกเว้นความเก่งกาจของตัวนักแสดงที่ได้มีการพูดคุยกับนักวิทยาศาสตร์และนักอวกาศอย่างจริงจังเพื่อให้สามารถแสดงผลงานออกมาได้อย่างสมจริงมากที่สุด แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่มันไม่ค่อยจะอิงตามหลักวิทยาศาสตร์ทำให้มันมีรูรั่วในภาพยนตร์ค่อนข้างมากรวมไปถึงตรรกะการตัดสินใจของตัวละครที่เราอาจจะไม่เข้าใจในบางครั้ง และที่น่าเสียดายมากที่สุดก็คือด้วยความที่มันเป็นภาพยนตร์แนวโลกแตกสุดล้ำจินตนาการแต่ภาพยนตร์กลับไม่สามารถทำงานคอมพิวเตอร์กราฟิกออกมาได้ดีพอ มันเลยกลายเป็นว่าภาพบางส่วนให้ความรู้สึกที่ลอยไม่สมจริง สูตรบาคาร่า sa
ตัวอย่างหนัง MOONFALL
รีวิว หนัง MOONFALL บางส่วนจาก beartai
หากจะกล่าวถึงชื่อของผู้กำกับสักคนกับหนังแนวหายนะโลกเชื่อว่าคงไม่มีใครลืมชื่อของโรแลนด์ เอ็มเมอริชได้แน่นอนเพราะแจ้งเกิดมาจากหนังแนวนี้ทั้ง ‘Independence Day’ หรือ ‘ID4’ หนังเอเลียนบุกโลกที่มีภาคต่อแบบไม่มีใครอยากจดจำ ‘The Day After Tomorrow’ หนังหายนะโลกที่ทำให้ทุกคนหันมาตระหนักเรื่องโลกร้อน มาจนถึงหนัง ‘2012’ หนังหายนะโลกระดับเมกะโปรเจกต์ และมีทีท่าว่าเขาจะหันไปทำหนังแนวอื่นอย่าง ‘Midway’ ที่เป็นหนังสงครามมาคั่นกลางบ้าง แต่แล้วล่าสุดเขาก็กลับมาล้างโลกอีกครั้งในหนังใหม่อย่าง ‘Moonfall’
ไบรอัน ฮาร์เปอร์ (นำแสดงโดย แพทริก วิลสัน Patrick Wilson) อดีตนักบินอวกาศที่เคยบาดหมางกับนาซาจำต้องกลับมาร่วมภารกิจครั้งใหม่กับ โจซินดา ฟาวล์ (นำแสดงโดย ฮัลลี เบอร์รี Halle Berry) อดีตเพื่อนร่วมงานของเขาอีกครั้งหลังจากเคซี เฮาส์แมน (นำแสดงโดยจอห์น แบรดลีย์ John Bradley) หนุ่มเนิร์ดที่ค้นพบว่าดวงจันทร์เปลี่ยนเส้นทางโคจรและกำลังจะพุ่งชนโลกนำความวิบัติมาสู่ทุกชีวิต ชะตากรรมของโลกจึงอยู่ในมือของพวกเขา
ต้องบอกว่าการจะไปดู ‘Moonfall’ ให้สนุกจำเป็นอย่างยิ่งที่คุณจะต้องทิ้งตรรกะด้านวิทยาศาสตร์หรือแม้กระทั่งความเป็นปกติของมนุษย์ไว้ที่บ้านก่อนไปเข้าโรงหนังเพราะนี่ไม่ใช่หนังไซไฟจริงจังแต่เป็นการเอาชื่อที่คนดูคุ้นหูอย่างนาซามาผสมกับเรื่องเส้นทางโคจรของดาวเคราะห์อย่างดวงจันทร์ (moon orbit) แลัวเขย่าด้วยตรรกะแบบทรานส์ฟอร์เมอร์ว่าด้วยเอเลียนสิงสู่เข้าไปในดวงจันทร์แค่นี้ก็อุทานได้แล้วว่า “เอาอะไรไปวิทยาศาสตร์ ?’
ซึ่งถ้าเราตัดตรรกะทั้งหมดออกจากหัวได้ยอมรับเลยครับว่าโรแลนด์ เอ็มเมอริชแกแม่นยำในการเอ็นเตอร์เทนคนดูจริง ๆ แบบถ้าเกิดเริ่มมีบทพูดเยอะ ๆ แกจะเริ่มเล่นมุกหรือเอาอะไรมาล่อความสนใจเสมออย่างเรื่องนี้ก็มีทั้งมุกแป้ก ๆ ที่ให้ตัวละครเคซี เฮาส์แมน ที่ได้นักแสดงซีรีส์ ‘Games of Throne’ อย่างจอห์น แบรดลีย์มาแบกความสนุกด้านคอมเมดี้ของหนังพ่วงด้วยน้องแมวส้มอีก 1 ตัวที่อยู่ ๆ นางก็กลายเป็นสะพานเชื่อมให้ตัวละครอย่างเฺฮาส์แมนมาเจอกับไบรอัน ฮาร์เปอร์ตัวละครของแพทริก วิลสันด้วยฉี่แมว !
และพอสถานการณ์เริ่มเข้าด้ายเข้าเข็มทีนี้หนังก็ไม่สนความสมจริงหรือตรรกะอะไรทั้งสิ้น อยู่ดี ๆ สองหนุ่มก็ถูกบุกมาเจอโดย โจซินดา ฟาวล์ ตัวละครของฮัลลี เบอร์รี ซึ่งตัวละครฟาวล์นี่นอกจากอดีตจะเป็นคนที่ฮาร์เปอร์ช่วยไว้จากเหตุการณ์ต้นเรื่องแล้ว นางยังเป็นตัวละครหญิงในนาซาที่สวมสูทรับหน้าที่ควบคุมการปล่อยยานซึ่งหาได้ยากที่จะเห็นตัวละครหญิงผิวสีฉลาด ๆ ในหนังไซไฟนอกเหนือจากสวมชุดนักบินอวกาศ
ซึ่งหนังก็ทำให้เห็นการตัดสินใจฉลาด ๆ ของนางอยู่นะ จนกระทั่งถึงจุดที่เริ่มมีวิกฤติทีนี้นางสติแตกไล่คนกลับหมดจนเหลือแค่ ฮาร์เปอร์ ฟาวล์ และ เฮาส์แมน แล้วหนังก็ทำให้ภาพของภารกิจกู้วิกฤติในอวกาศเป็นงานปล่อยบุญบั้งไฟทันทีทุกอย่างขึ้นกับดวงชะตาจนความรู้คนดูที่เคยเรียนวิทย์มาตอนมัธยมถูกเอ็มเมอริชขยี้แหลกเป็นผุยผงเพราะบทก็ดันเพ้อเจ้อมั่วนิ่มเอาว่าเออในเมื่อดวงจันทร์ทำให้น้ำขึ้นน้ำลงได้ ถ้าเชื้อเพลิงไม่พอดวงจันทร์ก็คงดึงยานขึ้นได้มั้ง ฮ่ะ ! เอาจริงเหรอ ?
ซึ่งหากทำใจและมีอุเบกขากับความโม้ที่หนังประเคนใส่มากพอยอมรับเลยนะครับว่า ‘Moonfall’ คืองานดูคลายเครียดที่ตีตั๋วดูแล้วไม่เสียดายตังค์เลย แม้จะพ่วงมาด้วยความมั่วนิ่มกับการเฉลยเรื่องราวที่ประหนึ่งเอ็มเมอริชก็อยากจะทรีบิวต์ (Tribute) ‘2001 : A Space Odyssey’ หนังไซไฟขึ้นหิ้งของสแตนลี คิวบริค (Stanley Kubrick) ด้วยการพูดถึงต้นกำเนิดของมนุษย์บ้างแม้มันจะแถจนเราแอบเขินแทนก็เถอะ และใครคิดว่าผมสปอยล์เนื้อหานะ บอกไว้ก่อนว่าหนังครึ่งหลังคือหลุดโลกทะลุจักรวาลแบบไอ้ที่เล่ามาครึ่งเรื่องแรกแทบไม่มีผลกับบทสรุปหนังเลย
ด้านนักแสดงต้องบอกว่ามันน่าจะเป็นการแจ้งเกิดให้ จอห์น แบรดลีย์ ได้ไม่ยากเลยเพราะในขณะที่เราเห็นการแสดงแบบปล่อยจอยของแพทริก วิลสันที่ไม่สนใจจะสร้างความน่าเชื่อถือให้คาแรกเตอร์ตัวเอง เป็นแบรดลีย์นี่แหละที่คอยแบกความสนุกของหนังไว้เลย ส่วนฮัลลี เบอร์รี ก็ทำให้เห็นว่านักแสดงที่มีเสน่ห์นี่ต่อให้อายุมากขึ้นแค่ไหนเธอก็สร้างเสน่ห์ให้คนดูจดจำได้ แม้ตัวละครของเธอจะพาหนังให้ดูตรรกะวิบัติแค่ไหนก็ตาม
อ้อลืมไป ! มันวิบัติตั้งแต่บทพูดในหนังแล้วนี่หว่า วิบัติถึงขึ้นรอบสื่อที่อเมริกาเอามาทวีตกันรัว ๆ โดยเฉพาะวรรคทองที่ต่อไปจะต้องถูกไปโควตกันว่าเล่นโดยเฉพาะบทนี้ที่เราขอเอามาทิ้งท้ายรีวิวชิ้นนี้
beartai