| ชื่อเรื่อง | Misha And The Wolves |
| เรตติ้ง | 6.8 |
| นักแสดง | Misha Defonseca |
| จำนวนตอน | 1.30 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง Misha And The Wolves Netflix
รีวิวหนัง Misha And The Wolves Netflix คำโกหกของหญิงชราผู้อ้างว่ารอดตายจากนาซี สงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นเป็นเหตุการณ์ที่สร้างบาดแผลให้กับทุกคนทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศที่นาซีเยอรมันสามารถไปยึดครองมาได้ในแถบยุโรป และคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นชาวยิว เราทราบดีว่านาซีเยอรมันทำอะไรกับชาวยิวเอาไว้บ้าง แต่ความจริงแล้วในค่ายกักกันที่มีอยู่หลายแห่งกระจายไปทั่วยุโรปนั้นไม่ได้มีเอาไว้เพียงแค่คุมขังชาวยิวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเจ้าของประเทศที่เยอรมันสามารถจะยึดครองมาได้และถูกจับมาเป็นเชลยอีกด้วย
ความโหดร้ายของนาซีเยอรมันนั้นเลื่องลือไปทั่วทั้งโลกมาจนถึงปัจจุบันแม้ว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างยาวนานกว่า 80 ปีแล้วก็ตาม เวลาที่มีใครสักคนลุกขึ้นมาพูดว่าตนเองนั้นเป็นคนที่รอดชีวิตมาจากทหารนาซีได้ย่อมสามารถสร้างความสนใจให้กับผู้คนได้เป็นอย่างดีว่าพวกเขาเอาตัวรอดออกมาได้อย่างไรท่ามกลางการคุมขังและการปฏิบัติการที่เข้มงวดของเยอรมัน
ด้วยเหตุนี้มันจึงอาจจะกลายเป็นเหตุผลลอดตาล่อใจที่ทำให้มีคนจำนวนหนึ่งตัดสินใจว่าพวกเขาจะออกมาอ้างว่าตัวเองนั้นเคยเอาชีวิตรอดจากทหารนาซีได้สำเร็จ บางรายไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าพูดจริงหรือโกหก แต่บางรายก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาพูดโกหกเนื่องจากกล่าวอ้างเกินจริงอย่างเช่นเหตุการณ์ในภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Misha And The Wolves เป็นภาพยนตร์บน Netflix ที่จะเปิดโปงเรื่องราวลวงโลกของหญิงชราผู้หนึ่งที่โกหกกับคนทั้งโลกว่าเธอนั้นรอดตายจากทหารนาซีด้วยความช่วยเหลือของหมาป่า แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะไม่ได้รับความร่วมมือจากเจ้าของเรื่องตัวจริงแต่ทีมงานสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างดีเลยทีเดียวและสนุกสนานเป็นอย่างมากแม้ว่าจะเป็นสารคดีก็ตาม
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Misha And The Wolves
Misha And The Wolves เป็นภาพยนตร์สารคดีที่จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงชราที่มีชื่อว่ามิชา เธอนั้นได้ออกมาอ้างต่อผู้คนทั่วทั้งโลกว่าเธอนั้นเคยรอดตายจากเหล่าทหารนาซีเยอรมันสมัยที่เธอยังเป็นเด็กหลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือจากหมาป่า ทุกสิ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อนาซีเยอรมันเริ่มแผ่ขยายอำนาจไปทั่วประเทศในยุโรปทำให้ผู้คนต้องหนีตายเป็นจำนวนมาก เธอเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตที่สามารถเอาตัวรอดจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ได้สำเร็จแต่มันก็ทำให้เธอนั้นต้องพลัดพรากไปจากครอบครัว
ด้วยเหตุนี้เธอจึงพยายามเดินทางเพื่อออกตามหาครอบครัวจนกระทั่งได้มาพบเข้ากับหมาป่าตัวหนึ่ง มันได้ช่วยเหลือเธอเอาไว้และทั้งสองก็ใช้ชีวิตร่วมกัน มันทำให้เธอสามารถรอดชีวิตและอยู่มาได้จนถึงปัจจุบัน เรื่องราวของเธอได้รับความสนใจในวงกว้างจนถึงขั้นที่เธอสามารถนำเอาเรื่องราวของตัวเองมาทำเป็นหนังสือและตีพิมพ์แจกจ่ายไปทั่วทั้งโลก ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจนทำให้เธอสามารถตั้งตัวได้
แต่ชีวิตในฝันของเธออยู่ไม่นานก็ต้องจบลงไปหลังจากที่มีคนออกมาตีแผ่ว่าเรื่องที่เธอเล่ามาทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องโกหก ภาพยนตร์จะไม่ได้นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับรายละเอียดที่เธอโกหกว่าเธอนั้นโกหกเป็นเรื่องเป็นราวอะไรบ้าง แต่จะพาทุกคนไปเจาะลึกถึงวิธีการจับโกหกว่าเป็นอย่างไรฐานการสืบสวนโดยเจ้าของสำนักพิมพ์ที่เธอเขียนหนังสือเพื่อตีพิมพ์ขายนั่นเอง
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Misha And The Wolves
Misha And The Wolves อาจจะเป็นภาพยนตร์ที่น่าอับอายสักเล็กน้อยสำหรับเจ้าของเรื่องตัวจริงทำให้เธอนั้นไม่ยินยอมให้ความร่วมมือในการถ่ายทำเท่าที่ควร แม้ว่าทีมงานจะสามารถติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์เรื่องราวจากเธอได้แต่สุดท้ายแล้วก็ต้องให้ความเคารพเธอด้วยการไม่ย้อนรอยสิ่งที่เธอโกหกซ้ำไปซ้ำมาที่อาจจะทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดได้อีกครั้ง
ดังนั้นหากคุณอยากรู้ว่าคำโกหกของเธอเป็นอย่างไรอาจจะต้องหาหนังสือมาอ่านดู แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสร้างความสนุกสนานให้กับคุณในแง่ของการสืบสวนเพื่อค้นหาความจริงของเจ้าของสำนักพิมพ์ที่รู้สึกระแคะระคายเกี่ยวกับเรื่องราวที่เธอเล่าในหนังสือ กลิ่นอายของภาพยนต์จึงจะมีความคล้ายคลึงกับภาพยนตร์สารคดีแนวสืบสวนสอบสวนที่สามารถสร้างความสนุกสนานและลุ้นระทึกให้กับผู้รับชมได้เป็นอย่างดี
ไม่เพียงเท่านั้นภาพยนตร์ยังจะพาคุณไปตั้งข้อสังเกตอีกด้วยว่าเรื่องโกหกที่ฟังดูเกินจริงและไม่น่าเป็นไปได้ของหญิงชราผู้นี้ทำไมจึงทำให้คนทั่วโลกสามารถเชื่อได้แถมเรื่องราวของเธอยังถูกตีพิมพ์แบบแปลภาษาไปถึง 20 ประเทศทั่วโลก ทั้งยังเคยสร้างเป็นภาพยนตร์มาก่อนอีกด้วย ภาพยนตร์สามารถสอดแทรกประเด็นการนำเอาเรื่องราวสะเทือนขวัญในอดีตมาสร้างเรื่องราวโกหกเพื่อหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองออกมาได้อย่างตรงไปตรงมาและน่าสนใจเลยทีเดียว เพราะหลังจากที่ทุกคนเชื่อว่าเธอนั้นรอดชีวิตจากนาซีได้ด้วยความช่วยเหลือของหมาป่า เธอก็กลายเป็นที่รู้จัก มีชื่อเสียงโด่งดัง และสามารถกอบโกยผลประโยชน์ได้มากมาย
และด้วยความที่มันเป็นเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจริงในอดีตทำให้มันเต็มไปด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาไม่ได้ในภาพยนตร์แนวอื่น เราจึงอยากจะให้ทุกคนลองเปิดใจให้กว้างรองรับชมภาพยนตร์สารคดีบน Netflix ดูเพราะหลายเรื่องสามารถทำออกมาได้เป็นอย่างดีอย่างเช่นเรื่องนี้ที่เรามาแนะนำกัน
ตัวอย่างหนัง Misha And The Wolves
รีวิว หนัง Misha And The Wolves บางส่วนจาก playinone
Misha And The Wolves มิชาและหมาป่า หนังสารคดี Netflix บอกเล่าเรื่องจริงของมิชา หญิงชราลวงโลกที่หลอกคนมาทั่วโลกว่าเป็นผู้รอดตายจากนาซีสมัยเด็กด้วยการช่วยเหลือของหมาป่า
หนังสารคดีสร้างจากเรื่องจริงของมิชา หญิงชราที่เล่าเรื่องว่าตัวเองเป็นเด็กผู้รอดชีวิตจากการนาซีล้างเผ่าพันธ์ยิว โดยออกเดินทางตามหาพ่อแม่จนได้มาคลุกคลีกับหมาป่าใช้ชีวิตด้วยกัน เรื่องเล่าของเธอโด่ดงดังจนได้มาเขียนหนังสือขายดีตีพิมพ์ไปทั่วโลก แต่แล้วกลับกลายเป็นว่าเรื่องที่เธอเล่ามาทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก
ก่อนอื่นเลยต้องเข้าใจว่าสารคดีเรื่องนี้ไม่ได้ปกปิดว่าเรื่องของมิชาเป็นเรื่องโกหก แต่เดินเรื่องด้วยการสืบสวนของเจ้าของสำนักพิมพ์ที่เธอเขียนหนังสือให้เอง ซึ่งตัวเรื่องจะเล่าแค่สั้นๆ ในช่วงแรกว่าเรื่องของเธอเป็นอย่างไร โดยไม่ได้ลงลึกเรื่องรายละเอียดของการอยู่กับหมาป่า มีแค่สั้นๆ ว่าเดินไปเจอแล้วก็ถูกหมาป่ายอมรับ อาจจะเพราะว่าเมื่อเรื่องราวมันคือการโกหกคำโตของหญิงชรา ตัวเรื่องจึงไม่ได้อยากจะย้อนรอยคำโกหกนั้นซ้ำอีกครั้ง ทั้งเรื่องเราจึงได้รู้รายละเอียดแค่ผิวๆ ในเรื่องเล่าของมิชาเท่านั้น ซึ่งก็น่าเสียดายเหมือนกันที่หนังเลือกเล่าแบบนี้ ทำให้คนดูไม่รู้ว่าในรายละเอียดเธอโกหกขนาดไหนถึงมีคนเชื่อในวงกว้างขนาดนั้น
หนังเลือกเล่าสั้นๆ ถึงจุดกำเนิดเธอผ่านเรื่องเล่าในโบสถ์ที่โด่งดังในละแวกชุมชนนั้นจนไปถึงเมืองทั้งเมืองเห็นใจเธอ ซึ่งสารคดีก็เลือกเอาเพื่อนบ้านใกล้ๆ กับเธอมาเล่า ในขณะที่มีฟุตเทจตัวจริงของมิชาหลังถูกจับโกหกได้มาร่วมด้วย แต่ก็ไม่ใช่ของสารคดีโดยตรง แต่เป็นการออกรายการทีวีช่องหนึ่งซึ่งเรื่องมาเฉลยตอนท้ายว่าสารคดีนี้ไม่ได้รับความร่วมมือจากมิชาตัวจริง ซึ่งทำให้เรื่องราวอาจจะไม่ได้สมบูรณ์เพราะในเรื่องจะเป็นคำบอกเล่าจากเพื่อนบ้านกับเพื่อนที่มาเกี่ยวข้องตอนที่เธอมีชื่อเสียงแล้วเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนก็เล่ามุมมองก่อนกับหลังให้ผู้ชมได้ฟังกัน
ซึ่งช่วงก่อนรู้ว่าเธอโกหกเรื่องราวหลายอย่างค่อนข้างโลดโผนเหมือนกัน อย่างมิชาได้รับการติดต่อจากโอปราห์ วินฟรีย์ ให้มาออกรายการ โดยต้องไปถ่ายทำการพบเจอหมาป่าจริงๆ ซึ่งมิชาตัวจริงเองก็ดันเข้ากันได้กับหมาป่าอย่างไม่น่าเชื่อ เลยทำให้เรื่องเล่าของเธอดูทรงพลังมากยิ่งขึ้นไปอีก รวมถึงการที่ดิสนีย์ก็ติดต่อมาขอไปทำหนัง แต่สุดท้ายแล้วมิชาเองกลับปฏิเสธทุกอย่างที่เข้ามา โดยอ้างว่าไม่ต้องการอะไรพวกนี้และทิ้งบ้านไปไม่ได้ จนทำให้เจ้าของสำนักพิมพ์มากดดันเธอกลายเป็นเรื่องราวฟ้องร้องกันขึ้นมา ซึ่งนี่เองเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องราวทั้งหมดสู้การค้นหาความจริงของมิชาในที่สุด
ตัวหนังแม้เป็นเรื่องราวการจับโกหกใหญ่โตของหญิงชราคนหนึ่ง แต่สิ่งที่หนังเน้นย้ำคือการตั้งข้อสังเกตุว่าเรื่องราวนี้ถูกเชื่อไปได้ยังไงทั่วโลก ถูกตีพิมพ์ใน 20 ประเทศ สร้างเป็นหนังด้วย ซึ่งหลักๆ ก็คือการที่คนเรารู้สึกว่าเรื่องเล่าของผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธ์มันหดหู่แต่ก็ทรงพลัง มีอำนาจทำให้ผู้คนที่ได้ฟังรู้สึกไม่กล้าโต้แย้งหรือขุดคุ้ยหาความจริงเพราะกลัวผลลัพธ์ว่าจะไปกระทบกระเทือนจิตใจของเหยื่อจากเหตุการณ์หนักหนาสาหัสที่สุดของมนุษย์ชาติ จนกลายมาเป็นข้อได้เปรียบของมิจฉาชีพที่คิดหยิบฉวยเอาเรื่องราวแบบนี้มาลวงโลก ซึ่งแม้แต่การตัดสินในศาลก็เข้าข้างมิชา จนทำให้เจ้าของสำนักพิมพ์แพ้คดีลิขสิทธิ์นี้เอง ทำให้เจ้าของสำนักพิมพ์เองก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนใจที่ต้องสืบเรื่องนี้ด้วยตนเอง โดยระหว่างสืบก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งมีความลังเลอยู่ตลอดเวลาว่าถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมาเธอเองจะตกเป็นจำเลยสังคมอีกครั้ง
แม้ว่าเรื่องราวจะเป็นแนวสืบสวนถึงเรื่องโกหกของมิชาที่ร้ายแรงมาก จนดูเหมือนไม่มีความจริงหลงเหลืออยู่เลย แต่ช่วงท้ายเรื่องก็มีจุดหักมุมที่ทำให้เห็นที่มาที่ไปของเรื่องราวมิชาว่าทำไมเธอถึงโกหกเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งช่วยลดทอนความความผิดของเธอได้บ้าง เป็นเรื่องเกี่ยวกับพ่อแม่ตัวจริงของเธอที่อาจจะไม่เหมือนเรื่องเล่า แต่ก็มีความเชื่อมโยงไปถึงนาซีจนแอบเห็นใจเธอได้บ้างเหมือนกัน ซึ่งเรื่องราวจะเป็นยังไงอันนี้ต้องลองติดตามชมดูด้วยตัวเองครับ
playinone