ชื่อเรื่อง | Below Zero Netflix |
เรตติ้ง | 6.2 |
นักแสดง | Javier Gutiérrez, Karra Elejalde, Luis Callejo |
จำนวนตอน | 1.46 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง Minari มินาริ
รีวิวหนัง Minari มินาริ ภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของคนเอเชียที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกา เคยสังเกตหรือไม่ว่าเวลาเกิดเหตุการณ์เหยียดสีผิว หากคนที่ถูกเหยียดนั้นเป็นคนผิวสีที่ถูกเหยียดโดยคนผิวขาว คนส่วนใหญ่นั้นมักจะตระหนักถึงปัญหาและออกมาเรียกร้องจนกลายเป็นกระแส Black lives matter เป็นเหตุการณ์ใหญ่โตลุกลามขั้นมีการประท้วงและมีการใช้ความรุนแรงกันเลยทีเดียว
ในมุมมองที่กลับกันในช่วงที่เชื้อไวรัส covid-19 นั้นแพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลก ผู้คนทราบข่าวว่าเชื้อไวรัสดังกล่าวนี้แพร่ออกมาจากเมืองอู่ฮั่นในประเทศจีน ทำให้ในฝั่งตะวันตกนั้นมีกระแสการเหยียดชาวเอเชียเป็นจำนวนมาก แต่ที่น่าตกใจและน่าเสียใจเป็นอย่างมากคือเมื่อคนที่ถูกเหยียดเป็นชาวเอเชีย คนที่เหยียดนั้นมีทั้งคนผิวสีและคนผิวขาว และการที่คนเอเชียถูกเหยียดหรือทำร้ายร่างกายนั้นกลับไม่ได้รับความสนใจเมื่อเทียบกับเหยื่อที่เป็นผิวสี
คนที่ออกมาเรียกร้องนั้นก็มีเฉพาะชาวเอเชียด้วยกันจนกลายเป็นกระแส Stop Asian Hate อย่างไรก็ตามเรายังคงได้ยินข่าวเรื่องการกลั่นแกล้งและการเหยียดสีผิวที่ชาวเอเชียกลายเป็นเหยื่อในประเทศฝั่งตะวันตกไม่เว้นในแต่ละวัน ชาวเอเชียทุกประเทศต้องกลายเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เว้นแม้แต่ชาวไทยที่มีข่าวออกมามากมาย
แต่ที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้นคือคนไทยที่เคยออกมาเรียกร้องให้เหยื่อชาวผิวสีที่ถูกเหยียด เมื่อเพื่อนร่วมชาติถูกเหยียดเองกลับไม่เป็นกระแสและไม่ได้มีการออกมาเรียกร้องเมื่อเทียบกับเหยื่อชาวผิวสี แม้ว่าชาวไทยที่เป็นเหยื่อนั้นจะถูกคุกคามจนถึงขั้นเสียชีวิตและบางคนนั้นก็ต้องสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่ตนเองรักไปตลอดกาล
Minari เป็นภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชนเอเชียที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐอเมริกา เป็นภาพยนตร์ที่ปล่อยออกมาถูกเวลาเป็นอย่างมากเพราะถูกปล่อยออกมาในช่วงที่มีการเหยียดเชื้อชาติคนเอเชียในอเมริกาเป็นจำนวนมาก ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงได้รับความสนใจและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จำนวนถึง 6 สาขาด้วยกัน
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Minari
Minari เป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวชาวเอเชียอย่างเกาหลีใต้ที่ได้อพยพไปอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ในช่วงยุค 80 พวกเขานั้นเริ่มต้นทำอาชีพในโรงงานและเก็บเงินเพื่อก่อร่างสร้างตัวจนกลายเป็นครอบครัวที่อบอุ่นประกอบไปด้วยพ่อแม่ ลูกสาวและลูกชาย
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้ย้ายไปยังรัฐอาร์คันซอเพื่อทำธุรกิจจากประเทศเกาหลี การทำธุรกิจในครั้งนี้เป็นการเดิมพันชีวิตของพวกเขากับดินแดนใหม่ที่พวกเขาได้มาอาศัยอยู่ พวกเขาต้องพยายามอย่างหนักที่จะก่อร่างสร้างตัวให้ประสบความสำเร็จแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับชาวเอเชียที่จากบ้านมาไกล
แต่พวกเขาก็มองว่ามันยังดีกว่าการที่พวกเขานั้นจะต้องฝากชีวิตไว้กับการทำงานในโรงงานไปจนตาย ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังได้พายายของเด็กๆ มาอาศัยอยู่ร่วมกับพวกเขาในภายหลังอีกด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาต้องการให้ยายคอยดูแลเด็กๆ ขณะที่พ่อแม่นั้นต้องทำงานอย่างหนัก
พวกเขาต้องเผชิญกับการต่อสู้กับทั้งสภาพแวดล้อมที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ทำงานหาเงินส่งให้กับธนาคาร ปรับตัวให้วัฒนธรรมเข้ากับสังคมอเมริกา และพยายามทำความฝันให้กลายเป็นจริง
ความน่าสนใจของภาพยนตร์เรื่อง Minari
Minari เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวออกมาโดยเน้นความเรียบง่ายไม่หวือหวา สามารถรับชมได้เรื่อยๆ โดยในขณะที่รับชมนั้นเราเองก็จะรู้สึกผูกพันกับตัวละครทีละน้อยและได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาในแต่ละขั้นของชีวิต ตั้งแต่การอพยพมายังประเทศที่ห่างไกล ต้องก่อร่างสร้างตัวและพยายามปรับตัวให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้คนในพื้นที่ได้
โดยเราจะได้เห็นว่าผู้เป็นพ่อนั้นเป็นคนที่พยายามปรับตัวให้กลายเป็นคนอเมริกามากที่สุดโดยเขานั้นมีการปรับเปลี่ยนทั้งการกระทำและความคิด อย่างที่เราจะเห็นได้ชัดเลยคือการไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติอีกต่อไป ซึ่งชาวเอเชียส่วนใหญ่นั้นจะมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องราวเหนือธรรมชาติอย่างเช่นการจัดแต่งบ้านตามฮวงจุ้ย
แต่อย่างไรก็ตามความพยายามในการปรับเปลี่ยนตัวเองของพวกเขานั้นก็เพื่อให้ตัวเองสามารถเป็นส่วนหนึ่งของประเทศแห่งนี้ได้ และเพื่อให้พวกเขานั้นสามารถอยู่รอดได้ในดินแดนที่ห่างไกลบ้านเกิด เราจะได้เห็นถึงความพยายามอย่างหนักหน่วงของพวกเขาและอุปสรรคที่พวกเขาจะต้องพบเจอทั้งจากการใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและการเป็นชาวเอเชียที่อาศัยอยู่ในประเทศแถบตะวันตก
การที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายมาในช่วงเวลาที่ชาวเอเชียกำลังถูกเหยียดเชื้อชาติอย่างหนักโดยเฉพาะชาวเอเชียที่อาศัยอยู่ในประเทศแถบตะวันตกนั้น สามารถสร้างความสนใจให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าชาวเอเชียที่อาศัยอยู่ในอเมริกานั้นก็ไม่ต่างจากเชื้อชาติอื่นที่อาศัยอยู่ในอเมริกาแม้แต่น้อย
พวกเขานั้นต้องพยายามอย่างหนักในการตั้งถิ่นฐานในที่แห่งใหม่แห่งนี้ ทั้งการพยายามก่อร่างสร้างตัวและการพยายามปรับตัวให้เข้ากับผู้คนในท้องถิ่น สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นคนเช่นเดียวกันและในบางครอบครัวนั้นก็อาศัยอยู่มานานหลายชั่วคนจนถือสัญชาติอเมริกาด้วยซ้ำไป
ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ปลุกกระแส Stop Asian Hate ได้เป็นอย่างดีและประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากการที่ได้ร่วมเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 รางวัล
ตัวอย่างหนัง Minari มินาริ
รีวิว หนัง Minari มินาริ จาก beartai
เมื่อความฝันถูกตั้งคำถามเมื่อศรัทธาถูกทดสอบมีเพียงพลังใจจาก’ครอบครัว’ ที่จะอยู่เคียงข้างกัน ดอกมินาริ (Minari /미나리아재비) หรือดอก บัตเตอร์คัป (Butter Cup) เป็นดอกไม้ป่าที่มีคุณสมบัติของวัชพืชอย่างครบถ้วน เพราะขึ้นง่ายในทุก ๆ ที่และทนทาน เมื่อผ่านการผลัดใบไปแล้วก็ยิ่งจะงอกงาม และมีดอกสีเหลืองสวยให้เราได้ชื่นชม จากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตของผู้กำกับ ลี ไอแซค จอง (Lee Isaac Chung) กลายมาเป็นภาพยนตร์ชีวิตที่พร้อมจะบอกกับทุกคนว่า พลังความรักในครอบครัว มีอานุภาพมากมายขนาดได้ไหน
เรื่องราวในยุค 80s จาค็อบ (สตีเวน ยอน) และ โมนิกา (ฮันเยริ) สองสามีภรรยา ตัดสินใจจากบ้านเกิดมาตายเอาดาบหน้า ตั้งใจมุ่งมั่นว่าจะลงหลักปักฐานในดินแดนที่แตกต่าง คือสหรัฐอเมริกา สองคนทำงานอยู่ในโรงงานคัดแยกเพศลูกเจี๊ยบ ที่แคลิฟอร์เนีย แต่จาค็อบมีฝันอยากเป็นเกษตรกรเจ้าของฟาร์ม ด้วยเงินเก็บที่มีและฝันที่ใหญ่เพื่ออนาคตของครอบครัว เขาตัดสินใจพาภรรยาและลูก ๆ แอนน์ (โนเอล โช) และ เดวิด (อลัน คิม) ออกจากแคลิฟอร์เนีย มุ่งหน้าสู่เมืองชนบทในรัฐอาร์คันซอ ที่นี่ ทำให้เขาซื้อที่ดินได้มากกว่า 5 เอเคอร์ถึง 10 เท่า และบทพิสูจน์ของชีวิตก็เริ่มต้นขึ้นที่นี่
เมื่อทุกอย่างต้องเริ่มจาก ‘ศูนย์’ และสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าต่างจากสิ่งที่คิดไปไกลลิบ โมนิกาเป็นแม่ที่ต้องดูแลลูกเล็ก ๆ ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจอย่าง เดวิด เป็นภรรยาที่มีศรัทธาในตัวสามีและให้สัญญากันไว้ ในวันแต่งงานว่า “เราจะอยู่เพื่อกันและกัน” หากเราเป็นโมนิกา เราจะร่วมเผชิญปัญหาที่มีอยู่ตรงหน้าไปกับ จาค็อบ ด้วยความรู้สึกแบบไหน และหากเราเป็นจาค็อบ อะไรคือความมั่นใจในฐานะหัวหน้าครอบครัว นี่คือคำถามแรกที่ภาพยนตร์ใส่เอาไว้ตั้งแต่ต้นเรื่องกันเลยทีเดียว
จาค็อบพาครอบครัวมาสู่บ้านใหม่ที่เป็นเพียงตู้คอนเทนเนอร์ติดล้อ ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งกว้างสุดลูกหูลูกตา ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฝันไว้ต้องเริ่มจากศูนย์ ปักเสาเอกของชีวิตด้วยสองมือของเขาเอง และต้องเป็นเสาแข็งแรงที่พร้อมจะเผชิญปัญหามากมายที่รออยู่ตรงหน้า แต่ก็เป็นธรรมดาของการเริ่มต้น ที่จะต้องประคองกันเดินไปบนถนนโรยกรวดให้ได้ตลอดรอดฝั่ง
คำถามอีกนานัปการจึงเกิดขึ้นในหัวใจของตัวละครในเรื่อง และแน่นอนว่าคำถามเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในหัวใจของผู้ชมไปพร้อม ๆ กัน ด้วยพล็อตที่เป็นครอบครัวเกาหลีอพยพ ไปตั้งรกรากที่อเมริกาเมื่อปี 1980 จนมีความฝันอยากเป็นเจ้าของฟาร์ม เรียกว่าเป็นฝันยิ่งใหญ่ที่ต้องไปให้ถึง ความมุ่งมั่นของจาค็อบช่างสูงลิบจนบางครั้งทำให้หัวใจของผู้เป็นภรรยาเริ่มสั่นคลอน มันเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับการเอาใจช่วยของคนดูว่าการต่อสู้ของครอบครัวนี้ จะสร้างพลังใจให้เราได้มากขนาดไหน
เป็นการถ่ายทอดความทรงจำที่ทรงคุณค่า จนไม่แปลกที่ ลี ไอแซค จอง จะจดจำช่วงเวลานั้นจนนำมาเผยแพร่เป็นภาพยนตร์ชีวิตที่เรียลที่สุดเรื่องหนึ่ง ความโดดเด่นในการเล่าเรื่อง ที่สอดแทรกความต่างทางวัฒนธรรม ความเชื่อและการยอมรับที่จะลองสิ่งที่ใจเคยต่อต้าน ทำให้เราติดตามชีวิตของครอบครัวนี้จากต้นจนจบแบบไม่มีมุมน่าเบื่อ สิ่งที่ถ่ายทอดออกมาเป็นสิ่งที่หลายครอบครัวต้องเคยเผชิญ และมากกว่านั้นหนังยังมีกลิ่นอายเกาหลีผสมความเป็นอเมริกันได้อย่างลงตัว พร้อมกับสัมผัสใจคนมีฝัน คนที่อพยพไปอยู่ต่างแดนเหมือนเป็นการตบไหล่แล้วบอกว่า “นี่แน่ะ พวกเธอก็คือดอกมินาริ” และพลังความรักความศรัทธาในครอบครัว จะพาให้พวกเธอไปถึงฝั่งฝัน
เสริมทัพกำลังใจจากดอกมินาริให้มากยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยฝีมือการแสดงขั้นเทพของ ยุนยอจอง ที่ถ่ายทอดอารมณ์ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ รวมทั้งเจ้าหนู อลัน คิม ที่ไม่น่าเชื่อว่านี่จะเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกของเด็กน้อยวัย 8 ขวบคนนี้เลย สมแล้วกับรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม บนเวทีลูกโลกทองคำ หรือ Golden Globes ครั้งที่ 78 และการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 6 รางวัล
beartai