ชื่อเรื่องKIMI
เรตติ้ง6.5
นักแสดงIndia de Beaufort
จำนวนตอน1.29 ชั่วโมง

รีวิวหนัง KIMI

รีวิวหนัง KIMI ภาพยนตร์ต้นทุนต่ำแก้ขัดที่พยายามเล่าถึงภัยจากเทคโนโลยี การที่เทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเหมือนในปัจจุบันสำหรับหลายคนแล้วอาจมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดีเนื่องจากมันช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม การมีเทคโนโลยีออกมาช่วยเหลือการใช้ชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การเรียน การทำงาน การรักษาความสัมพันธ์ หากมันอยู่ในระดับที่พอดีทุกอย่างก็คงจะเป็นไปอย่างสมดุล แต่มันไม่เป็นเช่นนั้นเพราะสุดท้ายแล้วแต่ละบริษัทก็มีความพยายามที่จะพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นกว่าเดิม ฉลาดมากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้สิ่งที่ควรจะให้ประโยชน์กับมนุษยชาติอาจกลับกลายเป็นภัยร้ายที่คุกคามเราอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัวเช่นเดียวกัน

การตระหนักถึงภัยเทคโนโลยีนั้นเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงที่เทคโนโลยีพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะการมาถึงของ AI หรือสมองประดิษฐ์ที่มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ครั้งหนึ่ง AI เคยมีการสร้างภาษาขึ้นมาเป็นของตัวเองและพูดคุยกันรู้เรื่องจนทำให้ผู้สร้างต้องทำการปิดระบบ AI ทั้งสองทิ้งเนื่องจากกังวลว่าในวันหนึ่งมันอาจจะเป็นภัยความมั่นคงได้ หากคุณเป็นคนที่ชอบเรื่องราวแนวนี้เราขอแนะนำภาพยนตร์เรื่อง KIMI มันเป็นภาพยนตร์ที่พยายามจะเสนอประเด็นเกี่ยวกับภัยทางเทคโนโลยีออกมาได้ในระดับมาตรฐาน แต่ที่น่าสนใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือนางเอกมีผลงานล่าสุดในภาพยนตร์เรื่อง THE BATMAN อย่างโซอี้ คราวิทซ์ 

มีการนำเอาเทคโนโลยีที่เราใช้ในชีวิตประจำวันมาบอกละว่ามันจะสามารถสร้างความวุ่นวายในสังคมได้มากแค่ไหนหากมันได้รับการพัฒนาไปจนสร้างความอันตรายให้กับผู้ใช้บริการได้ นอกจากนี้ยังเล่าถึงเรื่องราวแนวสืบสวนสอบสวนไขปริศนาที่มาจากเทคโนโลยีอีกด้วย 

รีวิวหนัง HBO

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง KIMI

KIMI เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่าแองเจล่า เธอนั้นเป็นโปรแกรมเมอร์ทำให้เธอมักจะใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือการใช้ชีวิตเธอต่างก็หมกอยู่ภายในห้องเนื่องจากเธอเป็นโรคกลัวการออกไปนอกห้องจากเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในอดีตและกลายเป็นปมฝังอยู่ในใจของเธอ หน้าที่ในการทำงานของเธอคือการรับผิดชอบและแก้ไขปรับปรุงปัญหาการใช้บริการของลูกค้า ซึ่งสินค้าของบริษัทเธอคืออุปกรณ์ที่สามารถสั่งงานผ่านเสียงได้ชื่อว่าคิมิ ลักษณะการทำงานของมันจะคล้ายกับ SIRI หรืออเล็กซ่าที่เราใช้กันในปัจจุบัน 

ความแตกต่างก็คืออุปกรณ์ดังกล่าวต้องใช้คนในการสั่งงานและปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาด ไม่ได้มีการใช้ระบบ AI แต่อย่างใด และนี่ก็คือหน้าที่ของแองเจล่า เธอนั้นต้องคอยรับฟังเสียงที่ส่งเข้ามาแก้ไขเป็นรายๆ ไป ทุกอย่างปกติดีจนกระทั่งในวันหนึ่งเธอได้พบเข้ากับผู้ใช้รายหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิง เธอได้ร้องขอความช่วยเหลือด้วยข้อความแบบสั้นๆ ด้วยเหตุนี้เธอจึงส่งปัญหาไปยังบริษัท แต่บริษัทกลับไม่ได้ใส่ใจกับปัญหานี้สักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องพยายามสืบหาความจริงเกี่ยวกับผู้หญิงปริศนาให้สำเร็จว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือในครั้งนี้จะกลายเป็นการดึงความอันตรายเข้าหาตัวเอง 

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง KIMI

KIMI เป็นภาพยนตร์ความยาว 1 ชั่วโมง 29 นาทีที่ในช่วงแรกเล่าถึงเรื่องราวของนางเอกผ่านชีวิตประจำวันของเธอไปเกือบจะทั้งหมดแล้ว มันเลยค่อนข้างยากสำหรับผู้รับชมที่จะตัดสินว่าสรุปแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการจะเล่าถึงอะไรกันแน่ และการพาเราไปดูชีวิตประจำวันของคนที่อยู่แต่ในห้องก็ต้องยอมรับว่ามันน่าเบื่อไม่น้อยเลยทีเดียว หลังจากนั้นภาพยนตร์ถึงจะพาเราเข้าสู่การสืบสวนสอบสวนที่สุดท้ายแล้วนางเอกผู้กลัวการออกจากห้องก็สามารถออกจากห้องได้เป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่จุดนี้เป็นต้นไปเราถึงจะได้สัมผัสกับความสนุกของภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เธอนั้นต้องตามหาข้อมูลเพื่อให้ทราบความจริง แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่เธอพยายามสืบค้นกลับเต็มไปด้วยความอันตรายและมีความน่าสงสัยไม่เว้นแม้แต่บริษัทของเธอเองก็ตาม 

ด้วยความที่มันเป็นภาพยนตร์ต้นทุนต่ำที่ถูกสร้างออกมาเพื่อคั่นเวลาเท่านั้นดังนั้นมันจึงไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เราสามารถฝากความหวังอะไรเอาไว้ได้มากมาย มีการพูดถึงภัยเทคโนโลยีก็จริงแต่กลับพูดถึงเทคโนโลยีเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นทำให้ค่อนข้างน่าเสียดายเลยทีเดียวที่ไม่สามารถขยี้ปมนี้ให้ดีพอได้ บทค่อนข้างง่ายไม่มีอะไรซับซ้อนดังนั้นพอเป็นภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนแล้วมันก็ทำให้เราไม่รู้สึกอยากจะติดตามเท่าไหร่ แถมฉากจบยังง่ายไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ให้เรารู้สึกเซอร์ไพรส์อีกด้วย มันจึงค่อนข้างน่าเสียดายที่มีการสอดแทรกประเด็นที่น่าสนใจเข้ามามากมายแต่กลับไปไม่สุดซักทาง 

ข้อดีของภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากตัวนางเอกแล้วก็คือมีการเล่าถึงเรื่องราวภัยของเทคโนโลยี พูดถึงเรื่องราววิถีชีวิตของผู้คนในช่วงการกักตัวจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 มีการนำเอาประเด็นความผิดปกติทางจิตของนางเอกมาเล่าได้ค่อนข้างดีและมีความสมจริงไม่น้อย ตรงจุดนี้จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจตัวนางเอกได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นมันจึงเป็นภาพยนตร์ที่หากคุณผ่านช่วงแรกไปได้หลังจากนั้นภาพรวมของภาพยนตร์ก็ถือว่าทำออกมาค่อนข้างดีในฐานะของภาพยนตร์ต้นทุนต่ำ เป็นภาพยนตร์ที่สามารถรับชมในเวลาว่างเพื่อฆ่าเวลาได้ ฝากขั้นต่ำ50บาท

ตัวอย่างหนัง KIMI

รีวิว หนัง KIMI บางส่วนจาก playinone

เป็นหนังทุนต่ำที่ทำมาลงสตรีมมิ่งแก้ขัดช่วงโควิดที่ทำได้ดีพอประมาณ อาศัยขายชื่อผู้กำกับนางเอกเป็นตัวหลัก ช่วงแรกอาจจะน่าเบื่อหน่อย แต่พอครึ่งหลังช่วงท้ายทำออกมาสนุกใช้ได้เลย แต่ก็เป็นเรื่องราวจบง่ายๆ ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่นัก

KIMI หนังใหม่ HBO จากงานสร้างของผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอเบิร์ก นำแสดงโดย โซอี้ คราวิทซ์ เล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่ทำงานปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมรับเสียงสั่งงานจากอุปกรณ์ที่เรียกว่า “คิมิ” (มาจากภาษาญี่ปุ่น キミ แปลว่า เธอ) แต่เธอได้รับฟังเสียงขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวที่ตกอยู่ในอันตราย ก่อนจะตามสืบหาความจริงเบื้องหลังอาชญากรรมที่เกิดขึ้น

หนังเรื่องนี้ตัวนางเอกคือ โซอี้ คราวิทซ์ ที่กำลังมีผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง The Batman โดยเธอรับบท เซลินา ไคล์ หรือแคทวูแมน ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นแนวทุนต่ำลงสตรีมมิ่งโดยเฉพาะจึงเน้นขายชื่อของผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอเบิร์ก กับเธอที่เป็นตัวเอกของเรื่องราวนี้แบบเล่นคนเดียวออกทุกฉากยาวไปจนจบ โดยบทบาทของเธอคือ “แองเจล่า” สาวโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานอยู่ในห้องคนเดียวไม่ยอมออกไปไหน ด้วยความที่เป็นโรคกลัวการออกไปนอกห้องจากเหตุการณ์ในอดีต เธอมีหน้าที่รับผิดชอบแก้ไขปรับปรุงปัญหาการใช้งานของลูกค้าจากอุปกรณ์รับเสียงสั่งงานที่ชื่อ คิมิ แบบเดียวกับ SIRI หรืออเล็กซ่า แต่ต่างกันตรงที่คิมิใช้การปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดของการสั่งงานด้วยคนล้วนๆ ไม่ใช่ AI. ซึ่งเธอก็คือคนที่รับหน้าที่นั้น ซึ่งต้องฟังเสียงที่ส่งมาแก้เป็นเคสๆ ไป แต่เธอก็ได้พบกับเคสหนึ่งที่เป็นเสียงของผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือสั้นๆ เธอจึงส่งปัญหาที่พบให้กับบริษัท แต่แล้วกลับพบว่าบริษัทไม่ตอบสนองต่อปัญหานี้สักเท่าไหร่ นั่นทำให้เธอพยายามสืบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตัวเอง จนกลายมาเป็นภัยร้ายย้อนกลับมาหาตัว

ตัวหนังมีความยาว 1 ชั่วโมง 29 นาที (รวมเครดิต) แต่ใช้เวลาในการปูเรื่องราวของตัวนางเอกผ่านชีวิตประจำวันยาวกว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งในช่วงแรกนี้เองที่เป็นปัญหาว่าผู้ชมอาจจะงงๆ ว่าพ้อยท์ของหนังเรื่องนี้คืออะไร เพราะแม้จะใช้คิมิในการสั่งทำนั่นของนางเอก ร่วมกับกิจวัตรการแก้ไขงานเสียงของเธอ แต่หนังก็ไม่ได้สื่ออะไรให้ผู้ชมได้เข้าใจสักเท่าไหร่ว่าทำไมคิมิสำคัญอะไรขนาดนั้น ซึ่งกิจวัตรของเธอในบ้านก็ออกกำลังกาย ส่องหนุ่มตึกตรงข้าม ชวนมามี SEX ด้วยกัน เนื่องจากช่วงเวลาในเรื่องคือโควิด 19 ระบาดมีการกักตัวด้วย ตัวหนังจึงเน้นว่านางเอกเลยไม่ออกไปไหนทั้งสิ้น ทุกอย่างทำผ่านหน้าคอมทั้งหมด แม้แต่ปวดฟันก็ไม่ไปหาหมอ มีปรึกษาจิตแพทย์ถึงอาการไม่กล้าออกจากบ้านนิดหน่อย แต่โดยรวมเราก็เหมือนเป็นแค่ผู้ชมที่มองดูเธอทำกิจวัตรประจำวันไปเรื่อยเปื่อยนานมากจนแอบน่าเบื่ออยู่พอสมควร

หลังตัวเรื่องปูอะไรมากมายให้คนดูพอเข้าใจแบ็คกราวด์ชีวิตของนางเอกแล้วถึงเริ่มเข้าเรื่องสืบสวนคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวหนังก็พาให้เธอหลุดออกไปนอกห้องได้สักที ซึ่งหลังจากนี้เองตัวเรื่องถึงเริ่มมีความสนุก เมื่อเธอพยายามหาข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งความจริงที่เกิดขึ้น แต่แล้วอะไรๆ ที่เธอไปเกี่ยวข้องติดต่อกลับกลายเป็นอันตรายทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่บริษัทที่เธอทำงานอยู่ด้วยก็มีความผิดปกติน่าสงสัย ตัวหนังเล่นสนุกกับการที่นางเอกต้องออกมาข้างนอกในสภาพจิตใจไม่ปกติ มีการใช้ภาพสั่นๆ เร่งสปีดจนดูหลอนๆ ชวนให้ผู้ชมคิดอีกมุมว่า หรือว่าสิ่งที่เธอเห็นจะเป็นอาการทางจิต? ก่อนที่ช่วงท้ายจะเปิดโอกาสให้ใช้คิมิในการกู้วิกฤติ และก็ดึงเอากิจวัตรในช่วงแรกกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ตามมาด้วยฉากบู๊เล็กๆ แต่สะใจพอสมควร ซึ่งแทบทั้งหมดนี้คือตัว โซอี้ คราวิทซ์ แทบจะฉายเดี่ยวออกหมดทุกซีนตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว ซึ่งนางเอาอยู่จริงๆ อีกทั้งความสวยแปลกจากรูปร่างหน้าตา รวมถึงคาแรกเตอร์สาวโปรแกรมเมอร์ผมฟ้าก็ส่งให้ตัวละครนี้โดดเด่นมากด้วย 

ตัวเรื่องพยายามขายประเด็นภัยร้ายจากเทคโนโลยีเป็นหลัก โดยมีเบื้องหลังแรงจูงใจมาจากความเลวร้ายของมนุษย์เองที่ผลักดันให้เกิดสิ่งเลวร้ายนั้นขึ้น ซึ่งก็อาจจะดูน่าสนใจดี แต่เรื่องราวในหนังไม่ได้ลึกหรือมีรายละเอียดพอกับจุดนี้สักเท่าไหร่ ปมในเรื่องถูกเล่าออกสั้นๆ ตอนต้น กับคั่นบางฉากแบบผู้ชมต้องคิดตามปะติดปะต่อเรื่องเอาเอง ซึ่งถ้าดูไม่เข้าใจก็อาจจะงงกับตอนจบไปเลยได้เหมือนกัน และเอาจริงๆ ผมในเรื่องก็ดูเว่อร์เกินไปด้วย เหมาะกับสเกลหนังทุนสูงกกว่านี้ พออยู่ในสเกลทุนต่ำมันเลยออกมาไม่สมเหตุผลสักเท่าไหร่ ถือเป็นจุดกังขาของเรื่องในตอนท้ายมากพอสมควรเลยครับ

playinone

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *