ชื่อเรื่อง | GOLD |
เรตติ้ง | 5.5 |
นักแสดง | Zac Efron |
จำนวนตอน | 1.37 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง GOLD
รีวิวหนัง GOLD ภาพยนตร์แนวเอาชีวิตรอดระทึกขวัญจากภัยธรรมชาติที่ทำให้คุณได้กลิ่นอายของละครฟ้ามีตา ดูเหมือนว่าสื่อบันเทิงไทยจะเสื่อมความนิยมลงไปอย่างชัดเจนหลังจากที่ผู้คนสามารถเข้าถึงสื่อบันเทิงจากต่างชาติที่มีคุณภาพและมีความแปลกใหม่มากกว่าได้อย่างง่ายดายมากขึ้นกว่าเดิมจนทำให้หลายคนมองว่าละครหรือสื่อบันเทิงไทยนั้นช่างน่าเบื่อแถมยังมีเส้นเรื่องที่คล้ายคลึงกันไปหมด อย่างเช่นสื่อบันเทิงออนไลน์ที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ในประเทศไทยอย่างละครคุณธรรมทั้งหลายหรือแม้แต่สื่อบนโทรทัศน์อย่างฟ้ามีตาก็มักจะถูกล้อเลียนอยู่เป็นประจำ
แต่ใครจะคิดว่าภาพยนตร์ระดับฮอลลีวู้ดที่เราจะพาทุกคนมาแนะนำในวันนี้กลับมีกลิ่นอายของละครอย่างฟ้ามีตาได้ด้วย นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง GOLD มันเป็นภาพยนตร์แนวเอาชีวิตรอดระทึกขวัญจากภัยธรรมชาติที่หลายคนน่าจะชื่นชอบเนื่องจากมันเต็มไปด้วยความสนุกสนานและความลุ้นระทึก นอกจากนี้ยังได้พระเอกยอดนิยมอย่างแซค เอฟรอนมารับบทนำอีกด้วย เขาสามารถสะบัดภาพลักษณ์พระเอกจอมกวนสุดอารมณ์ดีให้กลายมาเป็นพระเอกที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและการเอาชีวิตรอดท่ามกลางดินแดนที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายได้อย่างยอดเยี่ยม
และที่เหนือไปกว่านั้นก็คือภาพยนตร์เรื่องนี้เขาเป็นนักแสดงแทบจะคนเดียวที่ต้องแบกภาพยนตร์เอาไว้ทั้งเรื่องตามลำพัง เป็นเพียงผู้รอดชีวิตคนเดียวที่ต้องเอาชีวิตรอดท่ามกลางทะเลทรายที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้งให้สำเร็จ ยังไม่รวมไปถึงการต่อสู้กับจิตใจอันดำมืดของตัวเองเมื่อต้องตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายอีกด้วย นับเป็นอีกหนึ่งผลงานการแสดงของพระเอกหนุ่มที่น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว
หนังแนวเอาชีวิตรอดในป่า
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง GOLD
GOLD เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของอนาคตอีกไม่ไกล มีชายแปลกหน้า 2 คนเดินทางผ่านมายังทะเลทรายพร้อมกัน พวกเขาได้พบเข้ากับแร่ทองคำที่ใหญ่มากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยค้นพบมาเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้วางแผนร่วมกันที่จะขุดทองดังกล่าวขึ้นมาเพื่อจะนำไปขายและทำให้พวกเขาได้ร่ำรวย มีชีวิตที่สุขสบายดังเดิม
พวกเขาได้ทำการแบ่งหน้าที่กันโดยให้ใช้คนหนึ่งทำการเฝ้าทองคำเอาไว้ในขณะที่ใช้อีกคนจะต้องออกเดินทางไปตามหาอุปกรณ์ท่ามกลางดินแดนทะเลทรายที่ทั้งแห้งแล้งและไม่มีอะไรเลย โดยพระเอกหนุ่มอย่างแซค เอฟรอนจะได้รับบทเป็นชายที่ต้องเฝ้าทองอยู่ตามลำพังคนเดียวท่ามกลางทะเลทรายที่เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย เขาจะต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและบททดสอบที่รออยู่ ความโหดร้ายของดินแดนที่ไม่มีแม้แต่น้ำสักอยู่ หมาป่าที่คอยขย้ำเหยื่อด้วยความหิวโหย และยังไม่รวมไปถึงผู้บุกรุกที่เขาไม่ทราบที่มาที่ไปอีกด้วย
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง GOLD
GOLD เป็นภาพยนตร์ที่มีแนวคิดที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว มันน่าสนใจว่าชายที่เฝ้าทองคำอยู่ท่ามกลางดินแดนทะเลทรายที่หาน้ำไม่ได้แม้แต่หยดเดียวแถมยังไม่รู้เลยว่าชายอีกคนนึงที่ไปค้นหาอุปกรณ์นั้นจะสามารถหาได้สำเร็จหรือไม่ ยังไม่รวมไปถึงว่าเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดจากทะเลทรายตามลำพังคนเดียวได้ด้วยซ้ำไปอยู่หรือเปล่า ทำให้บรรยากาศในภาพยนตร์นั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและความน่าหดหู่
แต่เมื่อภาพยนตร์ได้เริ่มเข้าสู่เส้นเรื่องหลักที่เล่าถึงการเอาชีวิตรอดตัวตามลำพังท่ามกลางดินแดนที่เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย ภาพยนตร์กลับเหมือนหลงทางไม่รู้ว่าควรจะเดินหน้าไปทิศทางไหนต่อดี ทำให้การดำเนินเรื่องราวออกมาค่อนข้างเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดที่น่าสนใจที่ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นหรืออยากติดตามได้พอสมควร
ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงมีข้อดีอยู่เช่นเดียวกันแต่ในข้อดีดังกล่าวก็อาจจะเป็นข้อเสียสำหรับผู้รับชมบางคนด้วย เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีแก่นเรื่องหลักที่เข้มข้นหรือแข็งแรงอะไรมากมาย ดังนั้นเราจึงสามารถเดาทิศทางหรือเราได้ตั้งแต่ในช่วงประมาณ 20 นาทีแรกของภาพยนตร์ เนื่องจากมุมมองของภาพยนตร์ที่เล่าออกมานั้นค่อนข้างเดาได้ง่าย ดูง่าย สบายๆ ไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อน แต่สิ่งที่ตามมาก็คือมันไม่มีอะไรที่น่าจดจำเช่นเดียวกัน มันจึงค่อนข้างน่าเสียดายสำหรับฝีมือการแสดงของแซค เอฟรอนที่ถึงแม้ว่าจะแบกภาพยนตร์เรื่องนี้ตามลำพังได้อย่างน่าประทับใจแต่องค์ประกอบเรื่องราวกลับขัดกันอย่างชัดเจน
มีการใส่ประเด็นเรื่องแนวคิดการยับยั้งความดำมืดในจิตใจหรือจิตใต้สำนึกออกมาได้ดี แต่ด้วยความไม่แข็งแรงของเส้นเรื่องทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูว่างเปล่าตามไปด้วย แม้ว่ามันจะมีความยาวเพียงแค่ชั่วโมงนิดๆ แต่มันกลับไม่สามารถสร้างความตรึงตาตรึงใจให้กับผู้รับชมได้เลยจนน่าเบื่อเหมือนกับรับชมภาพยนตร์ความยาว 3 ชั่วโมงอย่างไรอย่างนั้น ถึงภาพยนตร์จะสามารถนำเสนอบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความน่าหดหู่ได้ดีแต่มันก็ยังสู้ความน่าเบื่อที่ไม่มีอะไรเลยไม่ได้อยู่ดี
ต้องบอกก่อนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์ที่ถือว่าเยี่ยมแย่อะไรถึงขนาดนั้น อย่างน้อยแนวคิดของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังคงมีความแข็งแรง เพียงแต่รูปแบบการนำเสนอและการเล่าเรื่องราวยังออกมาไม่ดีเท่าที่ควร แต่ในส่วนขององค์ประกอบของภาพยนตร์ก็มีหลายส่วนที่ทำออกมาได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะงานออกแบบและงาน Production ที่ทำให้รู้สึกย้อนนึกกลับไปถึงภาพยนตร์ในทะเลทรายอย่าง mad Max fury Road เช่นเดียวกัน