ชื่อเรื่องFANTASTIC BEASTS : THE SECRETS OF DUMBLEDORE
เรตติ้ง6.5
นักแสดงJude Law,Mads Mikkelsen
จำนวนตอน2.22 ชั่วโมง

รีวิวหนัง FANTASTIC BEASTS : THE SECRETS OF DUMBLEDORE

รีวิวหนัง FANTASTIC BEASTS : THE SECRETS OF DUMBLEDORE ภาพยนตร์ภาคต่อที่ยังไปไม่ถึงฝั่งฝัน HARRY POTTER เป็นภาพยนตร์โลกเวทย์มนต์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ลองนึกดูว่าในชีวิตนี้จะมีภาพยนตร์สักกี่เรื่องที่มีถึง 7.2 ภาคแต่สามารถนำกลับมาฉายในโรงภาพยนตร์ฉายใหม่ได้ตั้งแต่ภาค 1 ทั้งที่เวลาผ่านมาอย่างยาวนานเกือบ 20 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นตำนานที่สามารถทำลายอาถรรพ์ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากนวนิยายได้อย่างงดงาม สร้างแฟนคลับได้ทั่วทั้งโลก ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในครั้งนี้ทำให้STUDIO TWENTY CENTURY FOX ตัดสินใจสร้างจักรวาลแยกของภาพยนตร์เรื่องนี้ทันทีในชื่อ FANTASTIC BEASTS หากคุณเคยรับชมภาพยนตร์เรื่อง HARRY POTTER มาก่อนก็จะทราบดีว่ามันเป็นชื่อของหนังสือเรียนของเด็กในโรงเรียนฮอกวอตส์ 

ภาคแรกของ FANTASTIC BEASTS ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการที่มันทิ้งช่วงจากภาพยนตร์เรื่อง HARRY POTTER ได้ไม่นาน แต่หลังจากนั้นเราก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความออกทะเลของเรื่องราว มันค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่ภาคแรกแล้วว่าสัตว์วิเศษดูเหมือนจะไม่ได้มีบทบาทสำคัญอะไรเหมือนกับชื่อเรื่อง ในขณะเดียวกันตัวละครหลักอย่างนิวท์ สคามันเดอร์เองก็ไม่ได้มีบทบาทสำคัญเท่าที่ควร แถมความรู้เกี่ยวกับสัตว์วิเศษของเขาก็ยังไม่ได้ถูกนำเอามาใช้สักเท่าไหร่อีกต่างหาก

FANTASTIC BEASTS : THE SECRETS OF DUMBLEDORE ภาพยนตร์ภาคที่ 3 สำหรับแฟรนไชส์นี้จึงเป็นการปรับตัวที่สำคัญเป็นอย่างมากว่าทีมงานจะสามารถกู้ชื่อเสียงให้แฟรนไชส์นี้กลับมาได้สำเร็จหรือไม่ ซึ่งกระแสตอบรับที่ออกมาหลังการฉายรอบพรีเมียร์จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้วต้องบอกว่าค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควรเลยทีเดียว พวกเขายังไม่สามารถพาแฟรนไชส์นี้ไปถึงฝั่งฝันได้เท่าที่ควร ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลไม่น้อยกับการเข้าไปรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์ว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่ วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน 

FANTASTIC BEASTS 3 สปอย

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง FANTASTIC BEASTS : THE SECRETS OF DUMBLEDORE

FANTASTIC BEASTS : THE SECRETS OF DUMBLEDORE ในภาคนี้จะเล่าถึงเรื่องราวของนักสัตว์วิเศษวิทยาที่มีชื่อว่านิวท์ สคามันเดอร์ที่ต้องเผชิญกับเรื่องราวมากมายโดยเฉพาะการปะทะกับตัวร้ายอย่างเกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์ ในครั้งนี้อัลบัส ดัมเบิลดอร์ได้รู้ความลับเกี่ยวกับพ่อมดสุดชั่วร้ายผู้นี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่ากรินเดลวัลด์กำลังรวบรวมกองทัพพ่อมดแม่มดเพื่อหวังว่าจะสามารถยึดครองโลกเวทมนตร์ได้สำเร็จตามความต้องการ เขาได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าตนเองและกองทัพจะสามารถโค่นล้มเหล่ามักเกิ้ลที่ไม่มีเวทย์มนต์ให้หายไปจากโลกใบนี้ให้สำเร็จ

เขาได้ทำการวางแผนเกมการเมืองเอาไว้อย่างแนบเนียนในการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดในโลกของเวทมนตร์ เขาได้ทำการควบคุมทั้งครีเดนซ์ แบร์โบนเด็กกำพร้าผู้ครอบครองพลังวิเศษรวมไปถึงควีนนี โกลสตีนน้องสาวของทีน่าซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงเวทมนตร์ให้กลายมาเป็นพวกของเขาแบบเต็มตัว

ดังนั้นดับเบิ้ลดอจึงต้องขอความช่วยเหลือไปยังนิวท์ สคามันเดอร์เพื่อรวบรวมไม่ว่าจะเป็นพ่อมดหรือแม่มดในการต่อสู้ครั้งนี้ รวมไปถึงที่ชายของเขาอย่างธีซีอุสซึ่งเป็นถึงหัวหน้าสำนักงานมือปราบมารแห่งกระทรวงเวทมนตร์ประจำอังกฤษ ยูซุฟ พ่อมดผู้ต้องการแก้แค้นกรินเดลวัลด์ที่สังหารน้องสาวของเขาลงไปอย่างโหดร้ายทารุณ รวมไปถึงมักเกิ้ลอย่างเจขอบที่ได้เข้าร่วมภารกิจดังกล่าวนี้ด้วย เรื่องราวจะพาเราไปไขความลับว่าพ่อมดที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคอย่างดับเบิ้ลดอร์มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อมดสุดชั่วร้ายผู้นี้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นสัญญาเลือดที่ทำร่วมกัน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์ที่ผ่านมา 

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง FANTASTIC BEASTS : THE SECRETS OF DUMBLEDORE

FANTASTIC BEASTS : THE SECRETS OF DUMBLEDORE เป็นภาพยนตร์ภาคที่ 3 จากที่วางเอาไว้ทั้งหมด 5 ภาคด้วยกัน โชคดีที่มันเป็นภาพตรงกลางพอดีทำให้เนื้อเรื่องจึงขยายเรื่องราวของตัวเองให้ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมได้อย่างไม่น่าเกลียด มีการพยายามคลายปมปัญหาบางอย่างออกไปและผลักเรื่องราวเข้าไปสู่สเกลที่ใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมให้เรารู้สึกว่ามันไม่น่าเบื่ออย่างที่ผ่านมา ดังนั้นเรื่องราวในภาพยนตร์ภาคนี้จึงใหญ่กว่าภาพยนตร์ในภาคที่ 1 หรือ 2 มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการผจญภัยหรือแม้แต่การต่อสู้มากมาย มีการใส่ประเด็นที่ซับซ้อนเข้ามาให้เราได้สงสัยและอยากติดตามเรื่องราวต่อไป เต็มไปด้วยการต่อสู้ที่ลุ้นระทึกมากขึ้นกว่าเดิม 

แต่สิ่งที่น่าเสียดายที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไปไม่ถึงฝั่งฝันก็คือบทภาพยนตร์นั่นเอง แม้ว่ามันจะทำออกมาดูง่ายกว่าเดิมและมีการปรับกราฟเรื่องราวมากขึ้นแต่มันไม่ครบรสเท่าที่ควร สัตว์วิเศษที่เป็นตัวละครสำคัญถึงขั้นเป็นชื่อของภาพยนตร์ก็ยังไม่ได้มีความสำคัญสักเท่าไหร่ในภาพยนตร์ภาพนี้ เส้นเรื่องที่เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ตัวละครที่เยอะเต็มไปหมดทั้งที่บางตัวก็ไม่ได้มีความสำคัญ JK ROWLING ที่มาสวมบทบาทเป็นนักเขียนบทยังคงติดรูปแบบการเขียนนิยายมาทำให้การใส่รายละเอียดเข้ามามากจนเกินไปทำให้ผู้รับชมรู้สึกว่ามันค่อนข้างวุ่นวายเกินความจําเป็น

แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะยังคงไปไม่ถึงฝั่งฝันอยู่ดีและไม่ประสบความสำเร็จเรียกว่าเหมือนกับ HARRY POTTER แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันสามารถทำออกมาได้ดีกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว กระแสวิจารณ์ที่ออกมาก็อยู่ในระดับปานกลางไม่ดีหรือแย่จนเกินไป ดังนั้นสำหรับใครที่ติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้มาโดยตลอดแล้วก็ขอแนะนำว่าติดตามต่อไปเพราะมันเป็นจุดสำคัญที่จะเชื่อมโยงไปยังจุดจบของแฟรนไชส์นี้นั่นเอง น้ำเต้า ปู ปลา

ตัวอย่างหนัง FANTASTIC BEASTS : THE SECRETS OF DUMBLEDORE

รีวิว หนัง FANTASTIC BEASTS : THE SECRETS OF DUMBLEDORE บางส่วนจาก beartai

นักสัตว์วิเศษวิทยาหนุ่มติ๋ม ‘นิวต์ สคามันเดอร์’ และสัตว์มหัศจรรย์สารพันในกระเป๋าวิเศษกลับมาแล้วครับ กับ ‘Fantastic Beasts : The Secrets of Dumbledore’ หรือ ‘สัตว์มหัศจรรย์ ความลับของดัมเบิลดอร์’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ Prequel ที่ ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) ขยายจักรวาลของโลกเวทมนตร์ต่อมาจากเรื่องราวของ ‘แฮร์รี พอตเตอร์’ (Harry Potter) หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า ‘วิซาร์ดดิง’ เวิลด์ (Wizarding World) นั่นเอง

ภาคนี้เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ในแฟรนไชส์สัตว์มหัศจรรย์จากทั้งหมด 5 ภาค ที่ยังคงสานต่อเรื่องราวจาก 2 ภาคแรก ทั้งความปั่นป่วนของโลกเวทมนตร์ยุคโบราณ กับสัตว์มหัศจรรย์ใน ‘Fantastic Beasts : and Where to Find Them’ (2016) และก้าวเข้าสู่สงครามแห่งพ่อมดแม่มดแบบเต็มตัวใน ‘Fantastic Beasts : The Crimes of Grindelwald’ (2018) (ซึ่งทั้ง 2 ภาคสามารถหาดูได้ใน HBO GO นะครับ)

กว่าจะเดินทางมาถึงภาคนี้ ความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เห็นได้ชัดอย่างหนึ่งก็คือ การยอมถอนตัวของนักแสดงหลักอย่างป๋า ‘จอห์นนี เดปป์’ (Johnny Depp) เจ้าของบทบาท ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ (a.k.a น้าหน่อย เชิญยิ้ม) ที่แพ้คดีฟ้องร้องสื่อหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ จากกรณีคดีฟ้องหย่าภรรยานั่นแหละ ผลกระทบก็คือ ป๋าเองถูกวอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros.) ขอให้ถอนตัวพร้อมกับรับเช็กเงินค่าตกใจ และเรียกใช้งานนักแสดงดาวร้ายตัวพ่ออย่าง ‘แมดส์ มิกเกลสัน’ (Mads Mikkelsen) มารับบทพ่อมดฝั่งมืดในภาคนี้แทน

เดวิด เยตส์ (David Yates) ผู้กำกับจากทั้งสองภาคแรก (และผู้กำกับจากภาพยนตร์แฮร์รี พอตเตอร์) กลับมารับหน้าที่กำกับเหมือนเดิม ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) ผู้เขียนบทจากทั้ง 2 ภาค และ ‘สตีฟ โคลฟส์’ (Steve Kloves) ผู้เขียนบทแฮร์รี พอตเตอร์ทั้ง 7 ภาคมาแปะมือร่วมกันเขียนบทเป็นครั้งแรก หลังจากที่ ‘อัลบัส ดัมเบิลดอร์’ (Jude Law) ล่วงรู้ความลับว่า ‘เกลเลิร์ต กรินเดลวัลด์’ (Mads Mikkelsen) เริ่มระดมกองทัพเพื่อหวังยึดครองโลกเวทมนต์ตามที่ใจปรารถนา โดยที่เขาตั้งเป้าว่า เขาและกองทัพจะโค่นล้มมักเกิลผู้ไร้เวทมนตร์ให้สิ้นซาก ด้วยกลเกมการเมืองที่เขาวางแผนเอาไว้ในพิธีการเลือกตั้งผู้นำสูงสุดแห่งโลกเวทมนตร์ พร้อมกับการควบคุม ‘ครีเดนซ์ แบร์โบน’ (Ezra Miller) และ ‘ควีนนี โกลสตีน’ (Alison Sudol) ที่แปรพักตร์มาอยู่ฝั่งของกรินเดลวัลด์แบบเต็มตัว

beartai

รีวิวหนัง/ซีรีส์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *