รีวิวหนัง ELVIS

รีวิวหนัง ELVIS

ชื่อเรื่องELVIS
เรตติ้ง8
นักแสดงAustin Butler
จำนวนตอน2.39 ชั่วโมง

รีวิวหนัง ELVIS

รีวิวหนัง ELVIS ภาพยนตร์แนวชีวประวัติที่เล่าถึงเรื่องราวของราชา ROCK AND ROLL ในยุคนี้เด็กหลายคนอาจไม่ต้องเผชิญกับปัญหาพ่อแม่ไม่เข้าใจว่าความฝันของตนเองนั้นคืออะไร แต่ถ้าลองย้อนกลับไปสำหรับเด็กที่เกิดมาตั้งแต่ยุค 90 ขึ้นไปเชื่อว่าหลายคนต้องเคยเผชิญเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างแน่นอน เนื่องจากพ่อแม่ในยุค GEN BABY BOOMER หรือ GEN X มักมองว่าบางอาชีพนั้นไม่สามารถใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้จริง หากลูกต้องการที่จะทำอาชีพเหล่านั้นสิ่งที่จะต้องทำเลยก็คือการพยายามพิสูจน์ให้ตัวเองสำเร็จได้ด้วยตัวเองโดยที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือการสนับสนุนใดๆ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหนึ่งในคนที่ประสบปัญหาดังกล่าวจะเป็นถึงตำนานในวงการดนตรีที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาแห่งเพลงร็อคแอนด์โรลนั่นก็คือเอลวิส เพรสลีย์นั่นเอง เขาต้องเดินทางทำตามความฝันในการเป็นนักดนตรีจนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จและพิสูจน์ให้คนทั้งโลกได้เห็นแล้วว่าเขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นตำนานในวงการดนตรีได้อย่างแท้จริง ทำให้เรื่องราวของเขานั้นถูกถ่ายทอดซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ว่าจะเป็นในรูปแบบของภาพยนตร์ ละครเวที หรือแม้แต่ในซีรีส์ก็ตาม 

อย่างเช่นที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้เป็นภาพยนตร์ที่นำเอาชีวประวัติของเขามาเล่าในรูปแบบของภาพยนตร์แนว MUSICAL นั่นก็คือ ELVIS โดยจะพาเราไปทำความรู้จักของชายผู้เป็นประวัติศาสตร์ในวงการดนตรีตั้งแต่ยุคสมัยที่เขาเริ่มต้นเข้าสู่วงการไปจนถึงจุดจบที่เต็มไปด้วยความดราม่าคลุกเคล้ากับเพลงในยุคสมัย 80 ออกมาได้อย่างลงตัว 

หนัง Elvis Presley

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง ELVIS

ELVIS เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวชีวประวัติของตำนานราชาร็อคแอนด์โรลอย่างเอลวิส เพรสลีย์ โดยเป็นการเล่าผ่านเรื่องราวความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความซับซ้อนกับผู้จัดการที่เต็มไปด้วยความลึกลับของนักร้องชื่อดังอย่างผู้พันทอม โดยเฉพาะเจาะลึกเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสองคนตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ร่วมงานกันมา 

ผู้พันทอมนั้นเป็นผู้ที่อยู่กับเอลวิส เพรสลีย์มาตั้งแต่สมัยที่เขากำลังเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง มีแฟนคลับมากมายจนกลายเป็นประวัติศาสตร์การในวงการดนตรีในช่วงเวลานั้น เขาเป็นคนที่สร้างพลังวัฒนธรรมที่กำลังพัฒนาแต่มันก็ทำให้เขาต้องสูญเสียความไร้เดียงสาไปเช่นเดียวกัน 

ไม่เพียงเท่านั้นภาพยนตร์ยังพาเราไปทำความรู้จักกับพริสซิลลา เพรสลีย์บุคคลที่มีอิทธิพลและความสำคัญในชีวิตของนักร้องหนุ่มเช่นเดียวกันเนื่องจากเธอนั้นเป็นถึงภรรยาของเขา แม้ว่าเราจะรับรู้ประวัติของเขามาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วเพราะไม่มีใครไม่รู้จักเขาอย่างแน่นอน แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาเราไปทำความรู้จักกับเขาใหม่ท่ามกลางเสียงเพลงและความจัดจ้านมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง ELVIS

ELVIS เป็นครั้งแรกของผู้กำกับชาวออสเตรเลียอย่างบาซ เลอห์มานน์ผู้มีประสบการณ์ในการสร้างภาพยนตร์แนว MUSICAL มานักต่อนักด้วยสไตล์ที่แตกต่างและจัดจ้านไม่เหมือนใคร เขาเคยประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องแต่ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะนำเอาภาพยนตร์แนวชีวประวัติมาถ่ายทอด การที่เขามาถ่ายทอดเรื่องราวของนักร้องชื่อดังอย่างเอลวิส เพรสลีย์มันจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมากและเขาก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการวางแผนงานและนำเสนอออกมาให้ดีที่สุดเพื่อเป็นการเคารพต่อราชาร็อคแอนด์โรลที่ยังคงมีแฟนคลับหลายคนรักมาจนถึงในปัจจุบัน 

ดังนั้นแล้วทุกองค์ประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้จึงสามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องราว บทพูด ฉาก องค์ประกอบศิลป์ งานตัดต่อ เสียงประกอบ รวมไปถึงเพลง MUSICAL ที่สามารถทำออกมาได้ในแบบเรียกได้ว่าไร้ที่ติ เต็มไปด้วยความไหลลื่นแต่ก็ไม่น่าเบื่อเพราะมีความจัดจ้านซ่อนอยู่ในนั้น 

อย่างไรก็ตามเราต้องยอมรับว่าสำหรับใครที่รับชมภาพยนตร์ฝีมือของผู้กำกับผู้นี้มาแล้วนัดต่อนัดอาจจะรู้สึกเบื่อไปบ้างกับสไตล์การเล่าเรื่องที่เหมือนเดิมเหมือนกับการใช้มุกซ้ำ แต่สำหรับใครที่ไม่เคยรับชมผลงานของเขามาก่อนรับรองเลยว่าคุณจะรู้สึกสนุกสนานไปกับลายเส้นที่เต็มไปด้วยความแปลกใหม่อย่างแน่นอน 

อีกหนึ่งสิ่งที่เราจะไม่พูดถึงเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ไปไม่ได้โดยเด็ดขาดเลยนั่นก็คือนักแสดงที่ประกอบไปด้วยออสติน บัตเลอร์ผู้รับบทเป็นเอลวิส เพรสลีย์ที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเหมือนกับชุบชีวิตนักร้องชื่อดังให้กลับมาอีกครั้ง และทอม แฮงค์ที่สามารถสวมบทบาทเป็นผู้พันทอมออกมาได้อย่างเหลือเชื่อ ฝีไม้ลายมือการแสดงของทั้งสองนักแสดงช่วยประคับประคองให้ภาพยนตร์ทั้งเรื่องสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ละคนสามารถทำการบ้านออกมาได้เป็นอย่างดีจนถ่ายทอดเรื่องราวของตัวละครที่ตัวเองสวมบทบาทออกมาได้อย่างสมจริง 

ส่วนของเพลงนั้นแน่นอนว่าเราต้องได้ยินเพลงของเอลวิส เพรสลีย์แน่นอนไม่ว่าจะเป็นการร้องออกมาแบบตรงๆ หรือแม้แต่การ REMIX ใส่เข้ามาเป็นเพลงประกอบในเรื่องก็ตาม เต็มไปด้วยเพลงดังที่ไพเราะมากมายชนิดที่ใครเป็นแฟนคลับจะต้องร้องอ๋อเมื่อได้ยินตลอดทั้งเรื่องอย่างแน่นอน  

โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าสามารถทำออกมาได้กลมกล่อมแม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์แนวชีวประวัติก็ตาม สามารถเล่าเรื่องได้อย่างกระชับฉับไวไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย เป็นการเล่าเรื่องราวที่ให้เกียรติตัวละครที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์ ปิดสรุปเรื่องราวได้อย่างอลังการงานสร้างและทรงพลัง สามารถเก็บรายละเอียดเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในชีวิตของเอลวิส เพรสลีย์ได้อย่างครบถ้วนและนำเสนอออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว

ตัวอย่างหนัง ELVIS

รีวิว หนัง ELVIS บางส่วนจาก trueid

มาถึงอีกหนึ่งการคัมแบคกลับมาของตัวพ่อหนังมิวสิคัลที่เต็มไปด้วยสไตล์และความจัดจ้าน “บาซ เลอห์มานน์” ที่หอบเอาแนวคิดสร้างสรรค์มาละเลงวาดลวดลายเล่าเรื่องราวชีวิตของตำนานเพลงที่ได้ชื่อว่า ราชาแห่งร็อกแอนด์โรล เพราะนี่คือ “Elvis” (เอลวิส) หนึ่งในศิลปินระดับมหากาฬที่โลกได้จารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ และนี่คือการตีแผ่ช่วงชีวิตของเขานับตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปถึงปลายทาง ออกมาเป็นหนังดราม่าคลุกเคล้าเพลงและผสมช่วงยุคสมัยที่สำคัญเอาไว้ได้อย่างแยลยล

นี่คือตำนานของ เอลวิส เพรสลีย์ ผ่านมิติความสัมพันธ์แสนซับซ้อนกับผู้จัดการนิสัยลึกลับ ผู้พัน ทอม ปาร์คเกอร์ เรื่องราวจะเจาะลึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง เพรสลีย์ และปาร์คเกอร์ ตลอดเวลา 20 ปี ตั้งแต่ เพรสลีย์ เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังไปจนถึงตอนที่มีแฟนคลับล้นหลามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่ามกลางพื้นเพเบื้องหลังของวัฒนธรรมที่กำลังพัฒนาและการสูญเสียความไร้เดียงสาในอเมริกา ในขณะเดียวกันก็มีอีกหนึ่งบุคคลสำคัญและมีอิทธิพลต่อชีวิตของ เอลวิส อย่างมาก นั่นก็คือ พริสซิลลา เพรสลีย์

ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า โดยส่วนตัวผู้เขียนเป็นแฟนหนังของผู้กำกับท่านนี้มาตั้งแต่สมัย Strictly Ballroom หรือ Romeo + Juliet และเคยดูผลงานของนักสร้างหนังชาวออสเตรเลียผู้นี้มาแทบจะทุกเรื่อง และนี่คือการกลับมาของเขาอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งในรอบเกือบ 10 ปี นับตั้งแต่ The Great Gatsby ในปี 2013 จึงทำให้รู้สึกตื่นเต้นเบา ๆ เมื่อจะได้เข้าไปสัมผัสผลงานของผู้กำกับคนโปรดปราน และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็ถือว่ายังทำและถ่ายทอดออกมาได้เข้าขั้นดีงาม

ด้วยวิสัยทัศน์ของ บาซ เลอห์มานน์ ขอให้ไว้ใจได้เลย เมื่อเขาต้องมาหยิบจับทำหนังที่องค์ประกอบของเพลงเข้ามาร่วมด้วย แม้ว่าเขาจะยังไม่เคยทำหนังชีวประวัติเรื่องไหนมาก่อนก็ตาม แต่ได้มีโอกาสมาหยิบคว้าเรื่องราวของราชาเพลง เอลวิส เพรสลีย์ เลยในครั้งนี้ แน่นอนว่าน่าจะต้องเครียดและวางแผนงานสเกลที่ยิ่งใหญ่ไม่เบา และทุก ๆ อณูที่หนังถ่ายทอดออกมานั้น ก็สัมผัสได้ถึงความละเอียดในองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามาในหนังที่มีความยาว 2 ชั่วโมงกว่า ๆ เรื่องนี้

องค์ประกอบฉาก, องค์ประกอบศิลป์, ดีไซน์บทเพลง หรือจะงานตัดต่อ ล้วนแต่เป็นองค์ที่ไว้วางใจ บาซ เลอห์มานน์ ผู้นี้ได้ และเรื่องนี้เขาก็ยังคงไว้ด้วยสไตล์และลายเส้นเฉพาะตัวของเขาเองเอาไว้ได้ทุกอณูของหนัง ความจัดจ้านในการตัดต่อและเล่าเรื่องยังบ่งบอกในความเป็นเลอห์มานน์โดยแท้ และความลื่นไหลต่าง ๆ แสดงออกให้เห็นถึงแนวทางที่ถนัดของแต่ละคน เมื่อหนังมาอยู่ในมือของคนที่คู่ควร มันก็จะแจ่มวาวอะไรประมาณนี้

แม้ว่า บาซ เลอห์มานน์ จะสามารถทำให้ Elvis ออกมาให้รสชาติจัดจ้านและอิ่มเอมดีตามมาตรฐานแล้ว แต่ถ้าหากเป็นในความคิดเห็นส่วนตัวนั้น กลับรู้สึกค่อนข้างเอียนกับเทคนิคและลูกเล่นเดิม ๆ ของนักสร้างหนังผู้นี้อย่างน่าประหลาดใจ กลายเป็นว่าเมื่อมาดูองก์โดยรวมแล้ว กลับรู้สึกว่า Elvis มีความเลี่ยนในลายเส้นเก่า ๆ ของเลอห์แมนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงมันจะเป็นองค์ประกอบฉูดฉาดที่เร้าใจและน่าตื่นตา ไม่รู้ทำไมเช่นกันที่มีอีกความรู้สึกว่า ไม่มีอะไรใหม่จากผู้กำกับผู้นี้ออกมาในหนังเรื่องนี้เลย (พูดจากใจในฐานะแฟนคลับตัวยง)

ทางด้านการแสดงของหนังเรื่องนี้บ้าง กล้าพูดได้เล่นว่า ‘เริ่ด’ ถึงตัวหนังจะโฟกัสและเน้นความสำคัญหลัก ๆ แค่เพียง 2 ตัวละครของ “ออสติน บัตเลอร์” กับ “ทอม แฮงก์ส” แต่การผนึกกำลังของทั้งสองคนนี้ก็ช่วยประคับประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะ ออสติน บัตเลอร์ ที่มอบการแสดงที่ค่อนข้างน่าประทับใจอยู่ไม่น้อย อาจจะเพราะการแปลงโฉมให้คล้ายกับตัวจริงด้วยส่วนหนึ่ง แต่อินเนอร์ต่าง ๆ ของเขาก็ทำให้ผู้ชมรู้สึกคล้ายตามและเชื่อไปอย่างหมดใจแล้วว่า เขาคือเอลวิส

trueid

รีวิวหนัง/ซีรีส์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *