ชื่อเรื่องDOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS
เรตติ้ง8.5
นักแสดงBenedict Cumberbatch,Elizabeth Olsen
จำนวนตอน2.06 ชั่วโมง

รีวิวหนัง DOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS

รีวิวหนัง DOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS รีวิวการเปิดมัลติเวิร์สแบบไม่สปอย เรียกได้ว่าหลบกันจ้าละหวั่นเลยทีเดียวสำหรับคนที่ยังไม่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่อง DOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่คนพูดถึงเรื่องราวภาพยนตร์ดังกล่าว บางคนแสบหนักกว่านั้นเพราะดันแอบถ่ายรูปในโรงภาพยนตร์มาลงในสตอรี่ไอจีอีกต่างหาก ใครที่ยังไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เลยต้องพยายามหลีกเลี่ยงการเล่นโซเชียลมีเดียไปก่อนไม่เช่นนั้นก็จะทำให้เสียอรรถรสในการรับชมภาพยนตร์ได้ แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะวันนี้เราจะมารีวิวภาพยนตร์เรื่องนี้ก็จริงแต่ขอรับรองเลยว่าจะไม่มีการสปอยให้คุณต้องหงุดหงิดอย่างแน่นอน 

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาคต่อหลังจากที่ได้เปิดตัวไปในภาพยนต์เดี่ยวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา จากนั้นเจ้าตัวก็ได้เข้าไปมีบทบาทกับภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็นรวมกลุ่มกับอเวนเจอร์ เข้าไปมีส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่อง SPIDER-MAN NO WAY HOME ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดมัลติเวิร์ส ไม่เพียงเท่านั้นยังมีความเกี่ยวข้องกับซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับคู่รักสุดอาพับอย่างวันด้าวิชั่นอีกด้วย เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 5 ของเศษ 4 ที่กำกับโดยผู้กำกับสยองขวัญเกรด B ชั้นยอดอย่างแซม ไรมี่ 

ต้องบอกก่อนว่ามันเป็นภาพยนตร์เดี่ยวก็จริงแต่เล่าเรื่องราวต่อจากภาพยนตร์จักรวาล MARVEL ที่มีกว่า 48 เรื่อง ยังไม่รวมไปถึงซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับฮีโร่มาร์เวลไม่ว่าจะเป็นวันด้าวิชั่น โลกิ รวมไปถึง WHAT IF…? หากคุณยังไม่เคยรับชมเรื่องราวเหล่านี้มาก่อนรับรองว่าสับสนอย่างแน่นอน เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมากที่ควรต้องเก็บเรื่องราวจักรวาล MARVEL ให้ครบก่อนแล้วค่อยมาต่อกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่เข้าใจและไม่รู้สึกตามไปกับอะไรในเรื่องเลยแม้แต่อย่างเดียว 

doctor strange ภาค2

เรื่องราวแบบไม่สปอยของภาพยนตร์เรื่อง DOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS

DOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS เป็นภาพยนตร์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ของโลกหลังเกิดเหตุในภาพยนตร์เรื่อง SPIDER-MAN NO WAY HOME ซึ่งเป็นการเปิดมัลติเวิร์สครั้งใหญ่จากความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของสไปเดอร์แมนและด็อกเตอร์สเตรนจ์ เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เราได้เรียนรู้แล้วว่าจักรวาล MARVEL ที่เรารู้จักไม่ได้เป็นเพียงแค่จักรวาลเดียวของเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลแต่อย่างใด 

ประกอบกับเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ทีมอเวนเจอร์สามารถยับยั้งแผนการร้ายของตัวร้ายประจำจักรวาลอย่างธานอสที่ดีดนิ้วทำให้ผู้คนหายไปกว่า 5 ปีได้สำเร็จและเรียกทุกคนกลับคืนมาได้อีกครั้ง ทำให้ด็อกเตอร์สเตรนจ์ต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่หายไปในช่วงเวลานั้นเช่นเดียวกัน 

นอกจากนี้ยังมีการมาถึงของเด็กสาวปริศนาที่เป็นตัวร้ายคนใหม่ที่ทำให้ทั้งด็อกเตอร์สเตรนจ์และวันด้าต้องร่วมมือกันในการเดินทางข้ามจักรวาลเพื่อหยุดยั้งมหันตภัยครั้งใหม่ที่จะทำให้โลกต้องเผชิญกับความวุ่นวายอีกครั้งให้สำเร็จ แต่สุดท้ายแล้วเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร เราต้องไปติดตามรับชมกันต่อในภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง DOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS 

DOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS เป็นภาพยนตร์ที่ไว้ใจได้เลยเพราะดำเนินเรื่องราวตามแบบฉบับของ MARVEL แบบไม่มีผิดเพี้ยน ไม่มีการปูอะไรให้คนที่ไม่เคยรับชมภาพยนตร์มาร์เวลมาก่อนให้เข้าใจทั้งนั้น มีคำพูดเปรยเล็กน้อยก่อนจะเข้าสู่เนื้อเรื่องเลยในทันที ดังนั้นก่อนรับชมเรื่องนี้ขอเตือนอีกครั้งว่าคุณต้องรับชมเรื่องราวในจักรวาล MARVEL ทั้งหมดมาก่อนจึงจะเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดและรู้สึกตามไปกับเรื่องราวได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม 

เป็นภาพยนตร์ที่ดำเนินเรื่องราวได้อย่างกระชับฉับไวเป็นอย่างมากจนทำให้รู้สึกโหวงไม่น้อยเลยทีเดียวเมื่อใกล้ถึงฉากจบ ตัวภาพยนตร์สามารถดึงมิติของแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยความบีบคั้นไม่แตกต่างอะไรจากความรู้สึกดุดันเวลารับชมฉากการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย และในส่วนของการต่อสู้เองก็ถือว่าทำออกมาได้อย่างดิบเถื่อนเป็นอย่างมากตามสไตล์ของผู้กำกับอย่างแซม ไรมี่ที่มีการสอดแทรกมุขตลกเข้ามาได้อย่างยอดเยี่ยมและว่าจะดูผิดที่ผิดทางไปบ้างก็ตาม แต่มันกลับทำให้มุกตลกนั้นมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิมไปอีก

นักแสดงก็เป็นนักแสดงระดับ OSCAR ทำให้การฟาดฟันบทบาทกันเต็มไปด้วยความเมามันส์มากกว่าเดิม ด้วยความที่เป็นเรื่องราวสเกลใหญ่ทำให้จำเป็นต้องเล่าเรื่องราวแบบรวบรัดแต่ก็ช่วยให้เราสามารถเห็นภาพรวมได้อย่างชัดเจนมากขึ้น มีครบทุกรสชาติไม่ว่าจะเป็นความดุเดือดในการต่อสู้ ปัญหาชีวิต เรื่องราวความรัก หรือแม้แต่ความสยองขวัญก็ตาม มีหลายตัวละครที่เรารู้สึกอยากเอาใจช่วยและรู้สึกประทับใจ สามารถเล่นเกี่ยวกับประเด็นจริยธรรมนักจิตวิทยาได้เป็นอย่างดี

แต่สิ่งที่น่าเสียดายของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือความเป็นสูตรสำเร็จที่ค่อนข้างเบาและรวบรัดจนเกินไปทำให้ผู้รับชมยังไม่รู้สึกตามได้เท่าที่ควร ใครที่ไม่เคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับจักรวาล MARVEL มาก่อนรับรองว่างงอย่างแน่นอน มีชาโคลทำให้ไม่เหมาะสำหรับการรับชมสำหรับเด็กแต่อย่างใด งานคอมพิวเตอร์กราฟิกในบางช่วงไม่เนียนตาอย่างที่ควรจะเป็น แต่โดยรวมก็ถือว่ายังอยู่ในระดับที่คุ้มค่าต่อค่าตั๋วภาพยนตร์อยู่ดี 

ตัวอย่างหนัง DOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS

รีวิว หนัง DOCTOR STRANGE IN THE MULTIVERSE OF MADNESS บางส่วนจาก beartai

หลังจากที่ Marvel Studios ได้พาเราไปท่องเที่ยวตามแนวคิดพหุจักรวาล (Multiverse) หรือที่เรียกว่ามัลติเวิร์ส ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์หลักของ MCU (Marvel Cinematic Universe) เฟสที่ 4 ในตอนนี้ สถานการณ์เริ่มทวีความวุ่นวายโกลาหลและรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเหตุนี้เอง หมอแปลกจึงต้องขอกลับมาร่ายมนต์เพื่อแก้ไขความผิดพลาดเหล่านั้นใน ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ หรือ ‘จอมเวทย์มหากาฬ ในมัลติเวิร์สมหาภัย’

อย่างที่ทราบว่า หมอแปลกที่กลายมาเป็นจอมเวทใน ‘Doctor Strange’ (2016) และไปโผล่ในฐานะสมาชิกอเวนเจอร์ส (Avengers) ในภาพยนตร์หลายเรื่อง มาถึงตอนนี้ หนังเดี่ยวภาคที่ 2 ของหมอแปลกก็มาถึงเสียที พร้อม ๆ กับการจับธีมมัลติเวิร์สมาเล่ากันแบบเต็ม ๆ โดยไม่ต้องเล่าปูพื้นอะไรให้วุ่นวาย บวกกับธีมหนังสยองขวัญที่มาพร้อมกับเรื่องราวของตัวแปรของหมอแปลก และตัวละครอื่น ๆ ที่มาจากมิติเดียวกัน และจากต่างมิติ

นั่นก็เลยเป็นเหตุให้ทาง Marvel Studios เรียกใช้ทีมงานที่ถือว่า “โดนเส้น” อย่างแรง ทั้ง ‘แซม ไรมี’ (Sam Raimi) ที่เคยกำกับทั้งภาพยนตร์สยองขวัญ ทั้งไตรภาค ‘Evil Dead’, ‘Drag Me to Hell’ (2009) และกำกับหนังฮีโรไตรภาค ‘Spider-Man’ เวอร์ชัน ‘โทบีย์ แมกไกวร์’ (Tobey Maguire) มากำกับหนังเรื่องนี้ แถมได้ ‘ไมเคิล วอลดรอน’ (Michael Waldron) ผู้เขียนบท ‘Loki’ ที่ผ่านเรื่องราวเกี่ยวกับมัลติเวิร์สมาก่อน มาเขียนบทให้อีกด้วย ไม่เรียกว่าโดนเส้นก็ไม่รู้ว่าจะเรียกยังไงแล้วล่ะ

จากเหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงของหมอแปลก หลังกลายเป็นจอมเวทใน ‘Doctor Strange’ (2016) และหลังเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความผิดพลาดต่อมัลติเวิร์สใน ‘Spider-Man : No Way Home’ (2021) ในภาคนี้ หมอแปลกจึงต้องกลับไปแก้ไขเรื่องราวต่าง ๆ นานาที่ส่งผลสะเทือนรุนแรงต่อมัลติเวิร์ส เมื่อคุณหมอแปลก ‘ดร. สตีเฟน สเตรนจ์ / ดอกเตอร์สเตรนจ์’ (Benedict Cumberbatch) ต้องทรมานจากชีวิตรัก เมื่อ ‘คริสติน พาลเมอร์’ (Rachel McAdams) กำลังจะแต่งงานใหม่กับใครบางคนที่ไม่ใช่เขา

แถมยังต้องทรมานซ้ำสองจากฝันร้าย ในฝันเขาได้เข้าช่วยเหลือ ‘อเมริกา ชาเวซ’ (Xochitl Gomez) สาวน้อยผู้มีพลังในการทะลุผ่านมัลติเวิร์ส ที่กำลังถูกปีศาจจากต่างมิติไล่ดูดพลัง หมอแปลกพบว่า แท้ที่จริงแล้วทั้งหมดเป็นแผนของ ‘วันด้า แมกซิมอฟฟ์ / สการ์เลต วิตช์’ (Elizabeth Olsen) ที่ต้องการดูดพลังของอเมริกา ชาเวซ เพื่อใช้เดินทางไปพบกับลูกแฝดของเธอ (ที่เธอเชื่อว่ามีอยู่) ในอีกมิติ

beartai

รีวิวหนัง/ซีรีส์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *