ชื่อเรื่องCOBALT BLUE
เรตติ้ง6.5
นักแสดงPrateik Babbar
จำนวนตอน1.52 ชั่วโมง

รีวิวหนัง COBALT BLUE

รีวิวหนัง COBALT BLUE ภาพยนตร์แนวรักต้องห้ามจากอินเดียเมื่อเกย์มีความผิดทางกฎหมาย แต่ละประเทศก็มีรากฐานและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป ศาสนาในแต่ละพื้นที่เองต่างก็ส่งผลต่อข้อกฎหมายของประเทศนั้นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน อย่างเช่นประเทศไทยเรานั้นไม่สามารถขายเครื่องดื่มมึนเมาได้ในช่วงวันพระเนื่องจากผิดกฎหมาย ไม่อนุญาตให้ทำแท้งได้เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องที่บาป แต่ในหลายประเทศไม่มีข้อกฎหมายเหล่านี้เนื่องจากประเทศเหล่านั้นไม่ได้ยึดโยงข้อกฎหมายของตนเองเข้ากับศาสนาพุทธเหมือนกับประเทศไทยนั่นเอง แม้ว่ากฎหมายของประเทศไทยหลายอย่างยังต้องได้รับการปรับปรุงเนื่องจากยึดโยงกับศาสนามากเกินไปจนลิดรอนสิทธิมนุษยชน แต่ทราบหรือไม่ว่ายังมีอีกหลายประเทศเลยทีเดียวที่ใช้ศาสนาและวัฒนธรรมประเพณีในการเขียนกฎหมายขึ้นมาและมันก็มีข้อห้ามแปลกๆ มากมาย 

อย่างเช่นภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำในวันนี้เป็นภาพยนตร์แนวโรแมนติกก็จริงแต่มันเล่าถึงเรื่องราวความรักต้องห้ามระหว่างผู้ชาย 2 คนในประเทศอินเดียนั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง COBALT BLUE ในช่วงเวลาหนึ่งของอินเดียทราบหรือไม่ว่าการมีรสนิยมรักเพศเดียวกันหรือการเป็นเกย์ผิดกฎหมายอาญาที่ไม่สามารถยอมความได้และผู้กระทำความผิดต้องติดคุกกันเลยทีเดียว 

ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเป็นภาพยนตร์บอลลีวูดที่ออกฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศอินเดียเมื่อเดือนธันวาคมปี 2021 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นทาง NETFLIX ก็ได้ทำการซื้อลิขสิทธิ์นำมาฉายให้พวกเราได้รับชมกัน ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อดังที่ผู้เขียนนวนิยายเรื่องดังกล่าวได้ลงมือกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยตัวเองอีกด้วย เนื่องจากเขาเป็นผู้กำกับและเป็นนักเขียนบทภาพยนตร์อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นกังวลเพราะเขาไม่ใช่มือใหม่ในการสร้างภาพยนตร์แต่อย่างใด

ก่อนรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้เราอยากจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกฏหมาย SECTION 377 เป็นกฎหมายว่าด้วยการรักเพศเดียวกันที่ผิดกฎหมายในประเทศอินเดีย อยู่ในหมวดหมู่เดียวกับการห้ามร่วมเพศกับสัตว์โดยมีความผิดทางอาญา ผู้กระทำความผิดอาจถูกจำโทษสูงสุดถึง 10 ปีเลยทีเดียว และที่น่าตกใจคือกฎหมายดังกล่าวเพิ่งจะถูกยกเลิกไปในปี 2018 ที่ผ่านมา หลักการปรับตัวท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกในขณะที่คนในสังคมยังไม่เกิดการตระหนักถึงการยอมรับตัวตนของแต่ละบุคคลแต่อย่างใด

หนัง netflix แนะนํา 2022

เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง COBALT BLUE

COBALT BLUE เป็นภาพยนตร์ที่จะพาเราย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วในปี 1996 สิ้นยุคสมัยที่ในอินเดียยังไม่ได้เปิดกว้างทางเพศเหมือนกับในปัจจุบันแต่อย่างใด การรักเพศเดียวกันหรือการเป็นเกย์นั้นยังมีความผิดทางกฎหมายอาญา ดังนั้นหมายความว่าคนที่รักเพศเดียวกันจะไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกหรือความสัมพันธ์ของตนเองและคนรักออกมาได้อย่างโจ่งแจ้งเนื่องจากมีโทษจำคุกกว่า 10 ปีเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ตัวละครหลักของเราทั้งสองคนจึงต้องแอบซ่อนความเป็นคนที่มีรสนิยมรักเพศเดียวกันเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ เพราะนอกจากครอบครัวของพวกเขาจะไม่ยอมรับแล้วมันยังเปรียบเสมือนกับการก่อเหตุอาชญากรรมอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอเกี่ยวกับบทลงโทษทางกฎหมายแต่อย่างใด แต่จะเล่าถึงเรื่องราวของคนที่เป็นเกย์ในยุคนั้นว่าพวกเขาจะต้องเผชิญกับความกลัวอย่างไรบ้าง 

เรื่องราวจะเล่าถึงฐานัย ชายผู้ชื่นชอบเพศเดียวกันที่มาอาศัยเช่าบ้านโดยเขามีอาจารย์คนหนึ่งที่รู้จักกันเป็นอย่างดีแต่อาจารย์ผู้นี้แอบรักเขาอยู่ บรรยากาศส่วนใหญ่จะเล่าถึงความผิดหวังของตัวละครที่ไม่สามารถรักกันได้แบบปกติ ทั้งสองต่างโหยหาความรักอย่างแท้จริง เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปสามารถติดตามต่อได้ในภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง COBALT BLUE

COBALT BLUE อาจจะเป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของชายรักชายแต่สำหรับใครที่คาดหวังว่าจะได้เห็นฉากร่วมรักกันในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็อาจจะต้องผิดหวังเนื่องจากตัวภาพยนตร์ไม่ได้นำเสนอในแง่นั้นออกมามากมาย เป็นการถ่ายทอดออกมาในมุมของงานศิลปะมากกว่าความวาบหวิว เนื่องจากตัวละครหลักคนหนึ่งทำงานเป็นศิลปินวาดภาพ ดังนั้นงานภาพในภาพยนตร์เรื่องนี้จึงออกมาดูสวยงามกลมกล่อมไปหมดโดยเฉพาะเทคนิคการใช้สีในการนำเสนอเรื่องราวที่สามารถทำออกมาได้ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก 

เป็นภาพยนตร์ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวความรักระหว่างผู้ชายในยุคที่การเป็นเกย์ยังผิดกฎหมายในอินเดียออกมาได้เป็นอย่างดี สะท้อนปัญหาสังคมเรื่องการยอมรับเพศสภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังสอดแทรกประเด็นเกี่ยวกับความชายเป็นใหญ่ผ่านตัวลูกสาวที่ถูกครอบงำชีวิตเอาไว้อีกด้วย บทพูดมีการแฝงนัยยะและความหมายเข้ามาค่อนข้างเยอะ 

แต่อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีจุดพีคอะไรมากมายที่สามารถดึงให้ผู้รับชมรู้สึกสนใจอยากจะติดตามต่อไปได้ทั้งเรื่อง เป็นฉากจบแบบตามปกติของภาพยนตร์แนวชายรักชายที่อาจจะไม่ได้ถึงขั้นสะเทือนใจอะไรมากมายแต่ก็ทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกหน่วงได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ปมความรักของผู้หญิงที่ใส่เข้ามาก็ยังไม่ได้เน้นให้เราได้รู้สึกตามตัวละครได้เท่าที่ควรอีกด้วย 

สุดท้ายแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองรับชมดูเพราะมันสามารถสะท้อนปัญหาสังคมรวมไปถึงเต็มไปด้วยอะไรมากมายให้เราได้เรียนรู้มากขึ้นกว่าเดิม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายรักชายที่ไม่ได้ขายความฟินเพียงแค่อย่างเดียว เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์จากบอลลีวูดที่มีคุณภาพแบบคับแก้ว 

ตัวอย่างหนัง COBALT BLUE

รีวิว หนัง COBALT BLUE บางส่วนจาก playinone

หนังเกย์จากอินเดียที่แตกต่างจากทั่วไปด้วยสภาพสังคมเคร่งจารีตประเพณีมาก รวมถึงการมีกฎหมายอาญาเอาผิดกับการเป็นเกย์ในยุคก่อนของอินเดีย ตัวหนังจึงเหมือนการเล่าเรื่องชีวิตการเป็นเกย์ในอินเดียที่แตกต่างออกไปพอสมควร แต่ฉากร่วมรักของเรื่องนี้จะไม่มีเปลือยกายอะไรมาก แต่เน้นไปทางศิลปะสื่อความหมายกับอารมณ์ขณะร่วมรักมากกว่า อาจจะไม่ตอบโจทย์สายเกย์ที่มาดูอะไรแบบนี้โดยตรงนัก แต่ก็เป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวของเกย์ในอินเดียได้ค่อนข้างลึกซึ้งมาให้ชม

Cobalt Blue ปราถนาสีน้ำเงิน หนังเกย์อินเดีย Netflix เรื่องราวของ หนุ่มนักฝันอยากเป็นนักเขียนกับน้องสาวที่ฝันอยากเป็นนักกีฬาคริกเก็ต ทั้งคู่เกิดตกหลุมรักหนุ่มเจ้าเสน่ห์ที่มาเช่าบ้านพวกเขาอยู่ แต่อุปสรรคคือทั้งคู่เกิดและเติบโตมาครอบครัวที่เคร่งครีดจารีตประเพณีที่ไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้ อีกทั้งในอินเดียยุคนั้นการเป็นเกย์มีโทษทางกฎหมายเอาผิดทางอาญาติดคุกอยู่อีกด้วย หนังเกย์ของอินเดียเรื่องนี้เป็นหนังบอลลีวู๊ดที่ลงโรงฉายในอินเดียเมื่อเดือนธันวาคม 2021 ก่อนจะมาลงใน Netflix สร้างจากนิยายของ ซาชิน คุนดัลการ์ ที่เป็นผู้กำกับเรื่องนี้เองด้วย

ซึ่งเขาเป็นผู้กำกับกับนักเขียนบทหนังอยู่แล้ว ไม่ใช่มือใหม่มาทำแต่อย่างใด ตัวหนังเมื่อว่าด้วยเรื่องเกย์โดยปกติในโลกทั่วไปตอนนี้โดยเฉพาะไทยน่าจะเป็นอะไรที่คุ้นชินกันอยู่แล้ว แต่สำหรับหนังเกย์ในอินเดียยังถือว่าแทบไม่มี หรือมีก็น้อยมาก เอาแค่ตัวละครที่เป็น LGBTQ หลักๆ ก็ยังหายาก เนื่องจากอินเดียเองเป็นประเทศที่ยังเคร่งเรื่องจารีตประเพณีดั้งเดิมอยู่ และก่อนหน้านี้ก็มีกฎหมาย Section 377 ซึ่งว่าด้วยการเป็นคนรักเพศเดียวกันผิดกฎหมาย อยู่ในข้อห้ามเดียวกับการร่วมเพศกับสัตว์ว่ามีความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ซึ่งกฎหมายนี้พึ่งถูกยกเลิกไปเมื่อปี 2018  แต่ความที่เป็นประเทศเคร่งมาก่อนการปรับตัวเปลี่ยนแปลงตามโลกด้านนี้ของคนในสังคมก็ไม่ใช่ว่าจะยังยอมรับกันได้ง่ายๆ แบบบ้านเรา กฎหมายทหารในอินเดียก็ยังคงมีโทษจำคุกอยู่ด้วย แสดงให้เห็นว่าเรื่องเหล่านี้เป็นอะไรที่ยากจะยอมรับได้ในอินเดียจริงๆ

ตัวหนังเรื่องนี้จึงสร้างย้อนยุคกลับไปยังปี 1996 ยุคที่การเป็นเกย์ยังมีความผิดทางอาญาอยู่  ซึ่งช่วยบีบให้เรื่องราวน่าอึดอัดกว่าหนังเกย์โดยทั่วไป ที่ยุคนี้อาจจะแค่แอบๆ แล้วก็รักกันได้เลยมีปัญหาแค่พ่อแม่ไม่ยอมรับ แต่ในเรื่องนี้คือตัวเอกต้องซ่อนความเป็นเกย์ไว้ตลอดไปเพราะบทลงโทษทางกฎหมายมากกว่าเรื่องอื่น การเป็นเกย์ในอินเดียคืออาชญากรประเภทหนึ่ง นี่คือสิ่งหนังเรื่องนี้พยายามถ่ายทอดบอกเล่าความแตกต่างจากหนังเกย์เรื่องอื่นๆ

แต่ถึงกระนั้นในเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีเนื้อหาเข้าไปเกี่ยวข้องกับบทลงโทษทางกฎหมาย มีแค่ความกลัวของตัวละครในเรื่องที่สื่อออกมาเท่านั้น อาจจะเพราะเนื้อหาหลักจริงๆ ไม่ได้ต้องการไปเน้นให้เกิดความกลัวในจุดนั้น แต่เป็นเรื่องราวของตัวละครเกย์ที่พยายามโหยหาความรักภายใต้กฎหมายที่บีบให้พวกเขาต้องปกปิดตัวเองมากกว่า ซึ่งในเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่คู่เกย์ของ “ฐานัย” ตัวเอกเกย์กับหนุ่มที่มาเช่าบ้านเท่านั้น แต่ยังมีอาจารย์ของเขาที่เฝ้าแอบรักฐานัยอยู่ด้วย ซึ่งเรื่องราวจะถ่ายทอดอารมร์ความรักความผิดหวังของตัวละครเกย์ในเรื่อง ซึ่งทั้งฐานัยกับอาจารย์ต่างโหยหาความรักที่แท้จริง ต่างกับตัวหนุ่มผู้เช่าบ้านที่เป็นไบเซ็กชวล ที่สามารถมีอะไรกับผู้หญิงได้ ตรงจุดนี้เองคือส่วนสำคัญที่เรื่องขมวดปมไว้ว่าฐานัยเองมีรักครั้งแรกแบบเกย์ แต่ก็ไม่อาจจะเข้าใจความเป็นไบเซ็กชวลของคนที่เขารักได้ จนกลายเป็นความบอบช้ำทางจิตใจที่กลายมาเป็นบทเรียนให้เขาเติบโตขึ้นแบบ Coming of Age ผ่านความรักแบบเกย์ครั้งแรกในชีวิต

ตัวผู้หญิงที่มาเป็นมือที่สามในความรักนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น “อนุชา” น้องสาวของฐานัยเอง ซึ่งตัวเรื่องพยายามสอดแทรกปัญหาการตีกรอบลูกสาวในยุคนั้นของคนอินเดียด้วย โดยเธอเองนั้นทำตัวเหมือนทอมบอย ตัดผมสั้นไม่ยอมไว้ผมยาว เล่นกีฬาคริกเกต มีความฝันอยากเป็นนักกีฬาอาชีพ ไม่ได้อยากโตมาแบบโดนจับแต่งงานเหมือนลูกสาวอินเดียทั่วไป ซึ่งพ่อเองก็พยายามบีบคั้นเข้มงวดกับเธอ แม้กระทั่งขนจักแร้ก็ยังไม่ให้ไว้ (ต้องเนียนสวยแบบผู้หญิงอินเดียทั่วไป) ทำให้ตัวละครนี้ก็เหมือนติดคุกข้อจำกัดทางสังคมแบบเดียวกับการเป็นเกย์เช่นเดียวกัน แต่เรื่องราวของอนุชาจะเป็นพล็อตรองที่มาทำให้ตัวเนื้อเรื่องหลักความรักของพี่ชายเธอดูซับซ้อนมากขึ้น หนังจึงไม่ได้เน้นเล่าความรักของเธอกับหนุ่มที่มาเช่าบ้านมากนัก แล้วหันไปจับประเด็นเรื่องการท้าทายความฝันการเป็นนักกีฬาของเธอกับครอบครัวมากกว่า โดยมีประเด็นรักสามเส้าปนอยู่จางๆ เท่านั้น ซึ่งเอาจริงๆ อนุชาเองก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายของเธอเป็นเกย์ แต่เพียงแค่พวกเขาทั้งคู่มีจุดร่วมเรื่องปัญหาการไม่ถูกยอมรับได้จึงทำให้อนุชาเลือกเก็บซ่อนเรื่องนี้ไว้มาตลอด แต่ครอบครัวพ่อแม่กลับไม่รู้ระแคะระคายเลยว่ามีลูกชายเป็นเกย์

playinone

รีวิวหนัง/ซีรีส์

Leave a Comment

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *