ชื่อเรื่อง | Chernobyl : Abyss 1986 |
เรตติ้ง | 4.9 |
นักแสดง | Danila Kozlovskiy,Oksana Akinshina,Filipp Avdeev |
จำนวนตอน | 2.16 ชั่วโมง |
รีวิวหนัง Chernobyl : Abyss 1986 HBO
รีวิวหนัง Chernobyl : Abyss 1986 HBO สงครามการเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมระหว่างอเมริกาและรัสเซีย แม้ว่าสงครามเย็นจะจบไปเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าการโจมตีกันระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซียนั้นจะยังคงไม่หยุดหย่อน เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีซีรีส์ตอนสั้นจาก HBO ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนั่นก็คือซีรีส์เรื่อง Chernobyl เป็นซีรีส์ที่มีจำนวนเพียงแค่ 5 ตอนแต่สามารถถ่ายทอดเหตุการณ์การระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ออกมาได้อย่างละเอียดลึกซึ้งตั้งแต่ต้นจนจบ สามารถเชิดชูวีรกรรมของเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่เสียสละลงไปยังพื้นที่แม้จะรู้ว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งในอีกไม่กี่ปีต่อมา แม้ว่าสุดท้ายแล้วมีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งต้องใช้ชีวิตของตนเองเป็นข้อเรียกร้องให้ทางสหภาพโซเวียตปรับเปลี่ยนรูปแบบของเตาปฏิกรณ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานสำเร็จในที่สุด
หลายคนมองว่าซีรีส์สัญชาติอเมริกาเรื่องนี้ทำออกมาโจมตีสหภาพโซเวียตซึ่งในปัจจุบันนี้ส่วนหนึ่งของสหภาพก็คือประเทศรัสเซีย จะบอกว่ามันเป็นการโจมตีกันผ่านการเล่าเรื่องด้วยสื่อบันเทิงก็ว่าได้ หลายคนจึงบอกว่ารอดูก่อนว่าทางรัสเซียจะมีการสร้างภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ออกมาหรือไม่ และในปี 2021 นี้ภาพยนตร์เรื่อง Chernobyl : Abyss 1986 ก็ได้ออกมาในที่สุดโดยฉายบน netflix เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดผ่านสายตาของชาวรัสเซีย
แม้ว่ามันจะสามารถเชิดชูวีรกรรมของเหล่าอาสาสมัครรวมไปถึงนักดับเพลิงได้เป็นอย่างดี แต่ขอให้ทำใจเอาไว้ว่าระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์นั้นมีการควบคุมขอบข่ายของข้อมูลโดยนำเสนอข้อมูลเฉพาะในส่วนที่อยากให้ประชาชนได้รู้โดยไม่ใช้นำเสนอข้อเท็จจริงทั้งหมด ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ดีมีการพูดถึงประเด็นความผิดพลาดในการทำงานของสหภาพโซเวียตหรือแม้แต่ความรับผิดชอบของพวกเขาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าแห่งนี้อยู่แล้ว การรับชมก็ไม่ถือว่าเสียเวลาแต่อย่างใด
เรื่องราวในภาพยนตร์เรื่อง Chernobyl : Abyss 1986
Chernobyl : Abyss 1986 เป็นภาพยนตร์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวการเกิดเหตุโศกนาฏกรรมโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ในเมืองเชอร์โนบิลเกิดระเบิดขึ้นในปี 1986 สมัยที่ประเทศรัสเซียนั้นยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตและยังมีการทำสงครามเย็นกับสหรัฐอเมริกาอยู่ เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นชนวนที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายเร็วมากยิ่งขึ้นและกลายเป็นจุดจบของสงครามเย็นระหว่างมหาอำนาจทั้งสองชาติที่ดำเนินมาอย่างยาวนานนับ 40 ปี
ทั้งหมดจะเล่าผ่านสายตาของนักดับเพลิงหนุ่มที่มีชื่อว่าอเล็กเซ เขานั้นได้เดินทางกลับมาก่อนจะพบกับคนรักเก่าที่มีชื่อว่าโอลยา แต่การพบกันในครั้งนี้ก็ทำให้เขาได้รู้เรื่องราวที่ควรรู้มานานหลายปีนั่นก็คือเธอได้ตั้งท้องและคลอดลูกซึ่งเป็นลูกของเขาโดยที่ไม่บอกเขาเลยแม้แต่น้อย ด้วยความรู้สึกผิดชายหนุ่มต้องการที่จะกลับตัวและดูแลทั้งเธอและลูก แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นมา ลูกชายของเขานั้นเป็นหนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ทำให้ได้รับผลกระทบจากการรับกัมมันตภาพรังสีเข้าสู่ร่างกาย ส่วนเขาเองที่เป็นนักดับเพลิงนั้นก็ถูกเรียกให้เข้าไปทำภารกิจโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าภารกิจในครั้งนี้อาจเป็นภารกิจครั้งสุดท้ายของพวกเขา
พวกเขาต้องเผชิญกับความเลวร้ายและกัมมันตภาพรังสีเป็นจำนวนมากโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันเลยแม้แต่ชิ้นเดียว การได้รับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้ธรรมดาทำให้ไม่มีใครทันระวัง จากนั้นโศกนาฏกรรมของจริงก็ได้เริ่มต้นขึ้น หากอยากทราบว่าจุดจบของครอบครัวนี้จะเป็นอย่างไรก็สามารถเข้าไปรับชมต่อได้ในภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังรับชมภาพยนตร์เรื่อง Chernobyl : Abyss 1986
Chernobyl : Abyss 1986 เป็นภาพยนตร์สัญชาติรัสเซียที่มีการฉายในโรงภาพยนตร์มาเป็นที่เรียบร้อยแล้วก่อน netflix จะทำการซื้อลิขสิทธิ์มาฉายบนแพลตฟอร์มของตัวเอง ด้วยความที่เป็นภาพยนตร์จากประเทศที่มีความสามารถในการถ่ายทำเรื่องราวออกมาได้เป็นอย่างดีแถมยังเป็นภาพยนตร์ที่ฉายในโรงทำให้มันมีงาน Production ระดับยอดเยี่ยม
แม้ว่าภาพยนตร์จะพยายามหลีกเลี่ยงประเด็นเรื่องความล้มเหลวของการปกครองในระบอบสังคมนิยมของสหภาพโซเวียต แต่ก็ยังคงแสดงให้ผู้รับชมอย่างเราได้เห็นว่าระบบดังกล่าวนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่าในสังคมยุคนั้น อำนาจทั้งหมดถูกรวมเอาไว้เพียงที่เดียวโดยไม่มีการตรวจสอบหรือมีการถ่วงดุลอำนาจ ไม่มีการออกมาพูดความจริง ยังคงบูชาตัวผู้นำ ห้ามความคิดเห็นแตกต่าง ปกปิดข้อมูล สิ่งเหล่านี้หากคุณเคยรับชมเหตุการณ์จากมินิซีรีส์บน HBO มาก่อน จะทราบดีว่ามันส่งผลกระทบต่อประชาชนธรรมดามากแค่ไหน
หากมองในมุมของภาพยนตร์แนวโรแมนติกดราม่าชีวิตทั่วไปเราก็ยังถือว่าสามารถมองข้ามประเด็นทางการเมืองที่เต็มไปด้วยความร้อนระอุในขณะนั้นได้และถือว่าสามารถทำได้ดีระดับนึงเลยทีเดียว แต่ด้วยความที่ทุกคนเรียนรู้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาอยู่แล้วทำให้บางครั้งขณะที่รับชมมันก็อดที่จะคิดถึงประเด็นนี้ไม่ได้ ทำให้ถึงแม้ว่ามันจะสนุกแต่ก็ทำให้เราเกิดคำถามไปพร้อมๆ กันด้วย
และแน่นอนว่าด้วยความที่เล่าถึงเรื่องราวเดียวกันทำให้หากคุณรับชมมินิซีรีส์เรื่อง chernobyl มาเป็นที่เรียบร้อยแล้วคุณจะเกิดการเปรียบเทียบอย่างแน่นอน เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าของใครทำออกมาได้ดีกว่ากัน หากคุณอยากทราบจะต้องไปรับชมทั้งภาพยนตร์และมินิซีรีส์ด้วยตัวเอง
ตัวอย่างหนัง Chernobyl : Abyss 1986
รีวิว หนัง Chernobyl : Abyss 1986 จาก playinone
Chernobyl 1986 Netflix รีวิว หนังเชิดชูวีรกรรมของพนักงานดับเพลิงและอาสาสมัครที่เชอร์โนบิล แต่ไม่พูดถึงความรับผิดชอบและความผิดของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ มีความเป็นหนังโฆษณาชวนเชื่อ + โรมานซ์ มากกว่าจะตีแผ่เรื่องปัญหาการระเบิดและแง่มุมอื่นๆ
หนังเรื่องนี้สร้างโดยรัสเซีย มีแนวทางการเล่าเรื่องที่แตกต่างจาก มินิซีรีส์ Chernobyl ของ HBO อย่างฟ้ากับเหว ซึ่งเรื่องนี้จะแฝงการโฆษณาชวนเชื่อเข้ามาด้วย ดังนั้นใครที่ดูเวอร์ชั่นของ HBO มาแล้วคาดหวังว่าจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆหรือข้อมูลจริงอีกด้านในเหตุการณ์นั้นอาจจะผิดหวังอย่างแรง เพราะมันไม่มีอะไรเลยนอกจากเรื่องราวน้ำเน่าดราม่าของตัวละคร
แต่ถ้าใครอยากลิ้มลองหนังรัสเซีย ตัวหนังมีความยาว 2.15 นาที เข้าฉายที่รัสเซียแล้ว Neflix ซื้อเข้ามาฉายในตรีม สามารถดูได้เลย
ก่อนหน้านี้ในปี 2019 ทางช่อง HBO ได้ฉายมินิซีรีส์เรื่อง Chernobyl ความยาวเพียง 5 ตอนจบ ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวการระเบิดของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ “เชอร์โนบิล” ซึ่งเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นจริงในปี ค.ศ. 1986 ในยุคสมัยที่รัสเซียยังเป็น สหภาพโซเวียต และสงครามเย็นกับสหรัฐอเมริกากำลังขึ้นถึงจุดสูงสุดก่อนที่จะถึงคราวยุติลง โดยที่หลายฝ่ายมองว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เชอร์โนบิลคือชนวนเร่งในการแตกสลายของสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นการยุติของสงครามเย็นระหว่างสองชาติมหาอำนาจที่ได้ดำเนินมานานกว่า 4 ทศวรรษให้จบลง
ตัวหนังจะบอกเล่าผ่านมุมมองของ อเล็กเซ นักดับเพลิงหนุ่มที่ได้กลับมาเจอกับคนรักเก่าคือ โอลยา ซึ่งเขาได้พบว่าเธอมีลูกที่เกิดมาจากเขาแต่ไม่ได้บอกมาหลายปี นั่นทำให้อเล็กเซคิดที่จะแก้ตัวแล้วขอใช้ชีวิตดูแลเธอและลูก แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดเหตุการณ์ระเบิดที่โรงงานนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล โดยที่ลูกชายของพวกเขาเห็นเหตุการณ์ระเบิดและได้รับผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสี ในขณะที่กลุ่มนักดับเพลิงที่เป็นเหล่าสหายของเขาก็ต้องไปทำภารกิจเสี่ยงตายจากคำสั่งของรัฐบาลที่ต้องระดมกำลังคนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดยับยั้งไม่ให้การระเบิดมันส่งผลกระทบไปทั่วประเทศและไม่ให้ไปถึงทวีปยุโรป ซึ่งเขาก็ได้ตัดสินใจเข้าร่วมภารกิจที่มีตั๋วเพียงใบเดียวในการไปเท่านั้น
ในภาพรวมแล้ว นี่เป็นหนังเชิดชูวีรบุรุษและชาตินิยมรัสเซียโดยเอาเหตุการณ์ที่เชอร์โนบิลมาเป็นฉากหลัง ซึ่งเอาเข้าจริงหนังก็ไม่ได้นำเสนออะไรที่เกี่ยวข้องกับปัญหาของโรงงานนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิลรวมถึงสาเหตุของการระเบิดอะไรเลย แล้วหนังก็ไม่ได้ต้องการโจมตีความล้มเหลวของสหภาพโซเวียตจากยุคอดีต แถมยังมีการนำเสนอภาพสังคมโซเวียตในสมัยนั้นที่อาจจะดูแปลกตาสุดๆ เสมือนตัวหนังต้องการล้างภาพความเคร่งขรึมของสังคมโซเวียตในสมัยนั้นออกไปแล้วเสนอว่านี่เป็นประเทศที่น่าอยู่กว่าที่หลายคนรับรู้ซะอย่างนั้น ดังนั้นถ้าใครที่เคยดู มินิซีรีส์เชอร์โนบิลของ HBO แล้วคาดหวังจะได้ดูอะไรที่ยอดเยี่ยมแบบนั้น คงต้องแสดงความเสียใจด้วย จะกดข้ามไปเลยก็ได้ครับ
playinone